ในยุครถสันดาปเฟื่องฟู ในช่วง หลายสิบปีทีผ่านมา รถยนต์ถูกพัฒนาให้มีความปลอดภัยมากขึ้นตามลำดับ หนุ่งในัน้น คือ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า สร้างให้รถยนต์บางแบรนด์เติบโตจนขึ้นชื่อ

แต่อย่างที่หลายคนทราบงานเลี้ยง ต้องมีวันเลิกลา ในยุคต่อไป รถขับเคลื่อนล้อหน้า อาจกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์โลก เก่า ให้เด็กรุ่นใหม่สงสัย ทำไมคนยุคนี้ ถึงใช้รถแบบนี้กัน

ข้อเท็จจริง การเตรียมจากไปของรถขับเคลื่อนล้อหน้าเริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงหลายปีทีผ่านมา ในวันวาน รถขับเคลื่อนล้อหน้า ถูกออกแบบในครั้งแรกๆ ช่วงราวๆ ยุค 1920 แต่กว่าจะมาฮิท ก็ราว ยุค 70 เข้ามาแล้ว โดยส่วนสำคัญมากจากความต้องการให้รถยนต์มีความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น เนื่องจาก ในอดีตรถส่วนใหญ่ถูกพัฒนาให้เป็นขับเคลื่อนล้อหลัง และด้วยวันนั้น ยังไม่มีเทคโนโลยีทางด้านความปลอดภัยมากอย่างวันนี้

รถขับเคลื่อนล้อหลังจึงเกิดการเสียหลัก เสียอาการได้ง่ายในการขับขี่ ผู้ขับขี่ จำเป็นต้องเรียนรู้การควบคุมรถ ในยามเกิดสถานการณ์ ผู้ผลิตบางรายมองว่า มันน่าจะมีวิะีจัดการปัญหานี้ได้

จึงมาโฟกัสที่การวิศวกรรมพัฒนารถ โดยเริ่มจากการแนะนำ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่มันก้มีราคาแพงพอสมควร จนวิศวกร เริ่มหัวใส เอาความคิดเดิมของ รถยนต์แบบเครื่องยนต์วางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลังมาต่อยอด

จนได้ออกมาเป็นรถยนต์ยุคใหม่ ที่มาพร้อมกัย ความคิด เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งในช่วงแรกฟังดูแปลกประหลาด แต่แล้วความดีความชอบมันก็เริ่มตราตรึงใจหลายคน

จุดเด่นของรถที่มาพร้อมเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า อยู่ที่การควบรวมเอา ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เกียร์ และเพลาขับ มาไว้ในแพ็คเกจเดียว นั่นดีกว่ าระบบเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า

ในแง่ผู้ผลิต สามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิต และชิ้นส่วนที่มีค่าใช้จ่ายสูง อย่างเฟืองท้ายและเพลาขับ

ในทางวิศวกรรม มันช่วยลดการสูญเสียกำลังขับ ซึ่งจะหายไประหว่างเอาพลัง ไปหมุนเพลากลาง ทำให้ต้องพัฒนารถให้มีกำลังขับสูง เพื่อลดการสูญเสียกำลังระหว่างนำไปขับเพลา ในทางเดียวกัน มันยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้ในระดับหนึ่ง

แต่ประเด้นสำคัญอีกข้อ คือมันช่วยให้รถขับง่าย คล่องตัว โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และมีความปลอดภัยมากด้วย เนื่องจากการขับเคลื่อล้อหน้ามีโอกาวเกิดการลื่นไถลน้อยกว่า และแก้ไขง่ายกว่า

โดยการเกิดการลื่นไถลที่เกิดขึ้น คือ อาการหน้าดื้อ หรือเลี้ยวไม่เข้า ผู้ขับขี่เพียงผ่อนคันเร่ง หรือแตะเบรกเบาๆ เพื่อลดการลื่นไถล เท่านั้น ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างง่ายดาย และไม่จำเป็นต้องมีทักษะมาก เนื่องจากทุหคนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะพึ่งพาเบรกเป็นหลักอยู่แล้ว

ผิดกับ การแก้ไขสถานการณ์ เวลาท้ายปัด หรือ Oversteer ที่ต้องอาศัยการควบคุ ทั้ง คันเร่ง และพวงมาลัย ซึ่ง คนขับรถทั่วไป อาจแก้ไขไม่ได้ และจบลงทีาอาจเกิดอาการหมุน หรือ เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า ในยุค ที่ยังไม่มรีระบบความปลอดภัยในรถยนต์มากอย่างวันนี้

ในช่วง 70 รถขับหน้า เริ่มกลายมาเป็นที่นิยม เนื่องจากมีการพิสูจน์แล้วว่า ระบบสามารถให้ความประหยัดน้ำมันได้ดีด้วย ซึ่งมาจากการสูญพลังขับน้อยกว่านั่นเอง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ โดยเฉพาะ ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น เริ่มหันมาใช้แพลืฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า ในรถยนต์หลายรุ่น โดยคงเหลือรถระดับไฮเอนด์เท่านั้น ที่ใช้ การขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนเดิม

จนคนในยุคนี้ชิ้นกับ รถขับเคลื่อนล้อหน้า เว้นแต่เมื่อคุณก้าวไปสู่รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมหรูหรามากขึ้น จะพบว่า พวกมันเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อเน้นความมั่นใจ และ ความรู้สึกในการขับขี่มากกว่า

นับถอยหลัง การจากไป

แม้ว่าขับเคลื่อนล้อหน้า จะมีดีในหลายด้าน จนมันเป็นรถแผนปัจจุบัของหลายผู้ผลิตสำคัญของโลก แต่ประเด็นของรถขับเคบื่อนล้อหนเ้า คือมันมักมีประเด็นปัญหา “เพลาขับรูด” โดยรถที่มีกำลังขับเยอะๆ ตลอดจน ยังมีอาการ torque Steer หรือ อาการที่แรงบิดจะทำให้พวงมาลัยส่าย หรือปรับทิศทางอย่างรุนแรง

จนรถขับเคลื่อนล้อหน้าพลังแรง ได้ชื่อว่าขับยาก จนรถประเภทนี้มีอยู่ไม่มากนัก หนึ่งในคือ Honda Civic Type R ผู้อยู่ยงคงกระพันมาหลายปี

แต่ประเด้นที่เป็นจุดเด่นของขับเคลื่อนล้อหน้า ทางด้านความปลอดภัย เริ่มหายไปเรื่อยๆ ก็มาจากระบบความปลอดภัย อย่างระบบควบคุมการทรงตัวที่เข้ามามีบทบาท จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ในรถปัจจุบัน วันนี้

ทำให้ คนไม่ได้คิดแล้วว่า รถขับหน้า ขับง่าย ปลอดภัย กว่าขับหลัง เพราะยังไง ก็มีตัวช่วยระบบควบคุมการทรงตัว และป้องกันการลื่นไถล ช่วยสนับสนุนการทำงานอยู่ดี

รวมถึง การเอาน้ำนหักทั้งหมดไปไว้ทางด้านหน้า โดยเฉพาะเครื่องยนต์ ก็มีวิศวกรหัวสมัยใหม่บางคนมองว่า ถึงประเด็นความปลอดภัย โดยเฉพาะ กรณีการชนอย่างรุนแรง

ไม่เพียงเท่านี้ การพัฒนารถแรงบิดสูงให้ตอบสนองได้ อย่าง เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ก็มองว่า การเอาแรงบิดกลับมาไว้ที่ล้อหลัง เพื่อดันรถไปข้างหน้า แทนการดึงแบบรถยนต์ขับหน้าที่ทำกันมาต่อเนื่อง ให้ประสิทธิผลที่ดีกว่า

ยิ่งชุดมอเตอร์ สามารถขับไปวางตรงไหนก็ได้ ไม่ใหญ่เท่าเครื่องยนต์ ไม่เสียพื้นที่ในห้องโดยสารแบบ รถสันดาป ใช้เครื่องยนต์ ต้องการห้องเครื่อง เอาไว้จุขุมพลัง

รถยนต์ไฟฟ้าแทบทุกรุ่น จึงปรับการออกแบบ มาเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง ในรุ่นเริ่มต้น และขับเคลื่อนสี่ล้อ ในรุ่นบนๆ สำหรับคนต้องการสมรรถนะในการขับขี่

ด้วยเหตุนี้ ในยุคที่ก้าวต่อไป อย่างไร ก็ต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้า ตามกระแสต้องช่วยกันรักษาโลกนี้ให้ดีขึ้น ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ก็จะถูกทอนหายไปเรื่อยๆ จากการมาของรถยนต์ไฟฟ้า

จุดเริ่มต้น ของการจากลา รถขับเคลื่อนล้อหน้า เริ่มมีการพูดถึงอย่างมากในวงกว้าง ในต่างประเทศ แม้วันนี้จะดูแล้วมันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะรถขับหน้าส่วนใหญ่ ที่เรารู้จักก้คือ รถใช้งานประจำวัน

ด้วยการมาของรถยนต์ไฟฟ้า และเทรนด์โลก ที่กำลังบีบให้ลดการใช้น้ำมัน อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการปล่อยไอเสีย นี่เอง ทำให้คนเริ่มไปหา รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะ รถยนต์ขับในประจำวัน ใช้งานในเมือง

ตลอดจน รถระดับไฮเอนด์ ก็เป็นรถคนละแบบที่เน้น ความสบาย และง่ายต่อการขับขี่ และส่วนใหญ่จะออกมาเป็นขับเคลื่อนล้อหลัง

ในอนาคต รถขับหน้า อาจกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น เหมือนที่รถขับหลัง เครื่องยนต์วางหลัง เคยเป็นมา แต่จะนานแค่ไหน กว่าที่มันจะหายไป เวลาเท่านั้น ที่จะเป็นคำตอบ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่