ในที่สุด GWM เปิดตัวกระบะรุ่นใหม่นั่นคือ GWM POER SAHAR Hi4-T กระบะสายลุยขับสี่พ่วงพลังปลั๊กอินไฮบริดในงาน Auto China 2024

ภายนอกโหดทั้งคันเริ่มที่ชุดแต่งตั้งแต่กระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่พร้อมโลโก้ ไฟหน้า LED กันชนหน้าออกแบบใหม่รองรับวิ้นท์ติดรถพร้อมตะขอลากสีแดงสองจุด สนอร์เกิ้ลติดบังโคลนหน้า คิ้วขอบล้อตีโป่งสีดำตีให้หนากว่าเดิม ราวหลังคาสปอร์ตสีดำ บันไดช้างสีดำ ด้านหลังเรียบง่ายด้วยไฟท้าย LED ทรงเท่ กระบะท้ายที่เปิดได้สองรูปแบบทั้งเปิดทั้งบานลงมาหรือเปิดแบบตู้กับข้าวซ้าย-ขวา พร้อมฝาปิดกระบะท้ายออกแบบเข้ากับตัวกระบะท้ายสีเดียวกับตัวรถ และล้ออัลลอยมาในขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางจาก BFGoodrich AT tires

ภายในหรูกว่าเดิมด้วยการตกแต่งโทนดำ-ส้ม พร้อมฟังก์ชันมากมายทั้ง หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5 Bluetooth  หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า HUD ลำโพงรอบคัน 10 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับ 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ สร้างบรรยากาศภายในให้เพลิดเพลิน นาฬิกาแบบคลาสสิกพร้อม เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 เลื่อนเบาะได้ด้วยที่พักแขนตอนกลางและช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ขุมพลังใหม่เบนศซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า P2 ให้ประสิทธิภาพมากกว่า 96% ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะแรงกดอากาศสูงและอุณหภูมิต่ำ สู่การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมรถกระบะไปอีกขั้นให้แตกต่างไปจากเดิม กำลังสูงสุด 164 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.1 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร

วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จในโหมดไฟฟ้าล้วน 100 กิโลเมตร และวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงาน 780 กิโลเมตร สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานจะมีประสิทธิภาพมากถึง 40 กิโลมตรต่อลิตรและอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.15 วินาที เลยทีเดียว

คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดไฟฟ้าล้วน โหมดไฮบริด และโหมดอัจฉริยะ โดยเมื่อระดับแบตเตอรี่อยู่ต่ำกว่า 13.5% ระบบจะเปลี่ยนเป็นไฮบริดโดยอัตโนมัติ และเมื่ออยู่ในระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ต่ำกว่า 10% รถจะเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์โดยอัตัโนมัติและทำการชาร์จพลังงานเข้าแบตเตอรี่

พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ อาทิ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทรายและโหมด 4L พร้อมโหมด crawl mode โหมด Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน โดยเตรียมขายจีนเร็วๆนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่