กลายเป็นเรื่องชวนอลหม่านกันอีกครั้งหลังจากรัฐบาล ประกาศจะขอเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรในรถจักรยานยนต์ใหม่ทุกรุ่นทุกแบบไปสู่แนวคิดการจัดเก็บตามการปล่อยไอเสีย หรือ ภาษี Co2 คล้ายกับที่ดำเนินการในรถยนต์

ผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายใหม่ดังกล่าว จะทำให้ราคารถเพิ่มสูงขึ้น ตามการปล่อยไอเสียที่เกิดขึ้นจริง และที่น่าเป็นห่วงสุดคือตลาดบิ๊กไบค์ที่เริ่มชะลอตัวลง แถมการซ้ำเติมด้วยภาษีรูปแบบใหม่นี้ จะทำให้สาวกคนชอบ 2 ล้อ ขับสนุกอาจจะต้องคิดหนักไม่น้อยเมื่อจะซื้อรถคันต่อไป หรือเปล่า

รีวิว Honda CBR650R

หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงราคาจำหน่ายรถ ที่จะต้องถีบตัวสูงขึ้นจากมาตรการใหม่ คำถามที่หลายคนสนใจ คือรถแต่ละกลุ่มน่าจะเพิ่มเท่าไรบ้าง หลังจากมีข่าวว่ารถจักรยานยนต์ทั่วไปเพิ่มคันละ 200 บาท เมื่อใช้มาตรการภาษีใหม่

ก่อนจะทราบว่าราคาเท่าไร เรามาดูมาตรการใหม่ของรัฐ ว่ามีการจัดเก็บภาษีอย่างไรบ้าง สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปและไฮบริด มีอัตราภาษีจัดเก็บแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้

  • ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 10 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 1 
  • ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 10 กรัมต่อกิโลเมตรแต่ไม่เกิน 50 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 3 
  • ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 50 กรัมต่อกิโลเมตร แต่ไม่เกิน 90 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 5
  • ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 90 กรัมต่อกิโลเมตร แต่ไม่เกิน 130 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 9 
  • ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 130 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ร้อยละ 18

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ (ในบทความนี้ขอนับตั้งแต่เครื่อง 500 ซีซี ขึ้นไป)  จะทราบว่าต้องเสียภีสรรพสามิตรเท่าไร เราจะต้องมาดูอัตราการปล่อยไอเสีย ของรถรุ่นดังกล่าว

ทีมงานได้ทำการแบ่งกลุ่มเพื่อออกสำรวจข้อมูลการปล่อยไอเสียของรถจักรยานยนต์ ปรากฏว่า หลายเว็บไซต์ในประเทศไทยทั้งทางภาครัฐบาลและผู้ผลิตยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว  จึงสืบค้นข้อมูลจากทางฝั่งยุโรป ที่บังคับให้มีการเปิดเผยข้อมูลกับลูกค้า

จากการสืบค้น เราพบเรื่องที่น่าสนใจว่า การปล่อยไอเสียของเครื่องยนต์ มี 3 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้ปล่อยไอเสียไม่เท่ากัน คือ

                1.รูปแบบเครื่องยนต์ เช่น ระหว่าง 2 สูบ กับ 4 สูบ เป็นต้น

                2.ขนาดเครื่องยนต์

                3.กำลังเครื่องยนต์

ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นปล่อยไอเสียไม่เท่ากัน และมีผลต่อการชำระอัตราภาษีไม่เท่ากัน  (หมายเหตุในบทความนี้เลือกเฉพาะรถจากแบรนด์ชั้นนำ ที่มีการวางจำหน่ายในประเทศไทย)

หมายเหตุอัตราภาษีตามขนาดกระบอกสูบกำหนดให้รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดตั้งแต่ 500 ซีซี แต่ไม่เกิน 1,000 ซีซี เสียภาษีในอัตราร้อยละ 8 อ้างอิงจากประกาศ ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560

จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบจากภาษีเดิม รถบางรุ่นจะได้อานิสงค์ภาษีใหม่ต่ำลง และราคาแต่ละรุ่นในกลุ่ม 650 -1,000 ซีซี จะเพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 1 จากปัจจุบัน ดังนั้นราคาขายอาจไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากอย่างที่หลายคนกังวล  ยกเว้นรถกลุ่ม1000 ซีซี ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ตามภาษีใหม่ จะเพิ่มจากเดิมอีกร้อยละ 10

(คลิก ที่ภาพ เพื่อชม ข้อมูลอย่างชัดเจนขึ้น)

หมายความว่า ราคาแต่ละรุ่นก็น่าจะมีการขยับปรับลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามฐานภาษีใหม่ ตามแต่การปล่อยไอเสียของรถรุ่นนั้น ๆ

อย่างไรก็ดี สัญญาณในเรื่องนี้ ค่อนข้างชัดเจนมากในปง่ การที่บิ๊กไบคืในภาพรวมจะมีราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 650 ซีซีขึ้นไป เนื่องจากมีอัตราในเพดาน 4 และ 5 ตามลำดับ นั่นหมายถึงถ้าคุณอยากได้บิ๊กไบค์ ควรน่าจะรีบซื้อในปีนี้ดีกว่าโดยเฉพาะกลุ่มที่มากกว่า 650 ซีซี ขึ้นไป

สำหรับราคาจำหน่ายที่ทางทีมงานคำนวนนี้เป็นเพียงคร่าวๆ จากข้อมูลที่ได้รับทราบมาจากข้อมุลที่หาได้ของกรมสรรพากร ส่วนราคาจริง จะเพิ่มมากแค่ไหน เราจะทราบกันก็ในปี พ.ศ. 2563

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่