ทุกวันนี้การแข่งขันในตลาดรถใหม่ ทำให้บริษัทรถยนต์พยายามสร้างรถที่ทำผลกำไรอย่างงามให้กับบริษัท รถยนต์ใหม่หลายรุ่นมีการใช้งานที่ดีขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น แต่เช่นกันก็ตัดข้าวของที่ไม่จำเป็นออกไป หนึ่งในนั้น คือ  ยางบังโคลน ที่เราคุ้นเคย บัดนี้หายไปในรถหลายรุ่นรวมถึงกระบะ

หลายครั้งหลายหนเราคงเคยได้ยินเรื่องราวของหินดีกระจกแตก หรือกระจกร้าวจากเศษหินที่พุ่งด้วยความเร็วสูงจากไหนไม่ทราบมาโดนรถ จนสร้างความเสียหาย และน่าหงุดหงิดใจ

Test Drive Chevrolet Colorado Storm
รถกระบะบางรุ่นอาจไม่มียางบังโคลน แต่สามารถซือได้ที่ตัวแทนจำหน่าย

ถึงเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย ระหว่างหินดีดกระจก จากสภาพถนนเมืองไทยถูกละเลยทางด้านความสะอาด แต่ในด้านหนึ่งของเรื่องนี้ก็สามารถป้องกันได้ ด้วย “ยางบังโคลน” ที่ควรติดตั้งไว้ด้านหลังล้อและยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้น เพื่อป้องกันเศษหินหรือฝุ่นปลิวกระเด็นออกจากล้อไปทำความเสียหายรถคันอื่นได้

การหายไปของยางบังโคลน เริ่มต้นมาจากกลุ่มรถเก๋ง จากความพยายามวิศวกรรมรถกลุ่มนี้ให้การขับขี่ให้ดีขึ้น จนเลียดติดพื้น แถมต้องการการออกแบบที่มีรูปทรงสวยงาม จนกลายเป็นการใส่ยางบังโคลนในรถอาจะมองแล้วดูแปลกประหลาด รวมถึงอาจครูดกับพื้น จนสร้างความเสียหายกับชุดยางกันโคลน ทั้งสร้างความรำคาญใจกับผู้ใช้มากกว่าเป็นประโยชน์

การทยอยหายไปของเริ่มรามมายังรถกลุ่มอื่นโดยเฉพาะกลุ่มกระบะจากผู้ผลิตชั้นนำทั้งหลาย เริ่มพยายามย่อขนาดยางบังโคลนเล็กลง ไม่ยาวหรือบังล้อเท่ารถสมัยก่อนทั้งที่ล้อและยางปัจจุบันก็มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือบางยี่ห้อใช้เล่นแร่แปรธาตุ ไม่มีมาจากโรงงานแล้วปัดไปเป็นดีลเลอร์ออพชั่นจะติดไม่ติดก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของลูกค้า

ในเชิงวิศวกรรมมุมหนึ่ง ที่ “ยางบังโคลน” ส่วนใหญ่ไม่ติดมาให้ไม่ใช่เพียงอยากให้ลูกค้าซื้อสร้างรายได้เท่านั้น หากมันยังไม่ดูสวยงาม และในเชิงการออกแบบแล้วยังมีประสิทธิผลต่อค่าสัมประสิทธิเสียดทานอากาศ อันมีผลต่อความประหยัดด้วย

 ตลอดจนการหายตัวในรถยนต์หลายรุ่นในปัจจุบันอาจเป็นไปได้ถึงความคิดว่า ถนนเมืองไทยก็ดูสะอาดตาปราศจากฝุ่น ทั้งที่จริงเพียงเวลาคุณเดินทางในเมืองหลวงมหานครเท่านั้นแต่เมื่อขับออกเส้นทางห่างไกล หรือถนนที่ใช้เดินทางต่างจังหวัด เส้นทางเหล่านั้นอาจไม่ได้รับการดูแลมากมายนักทำให้ฝุ่นหรือหินยังมีอยู่ไม่น้อยตามเส้นทาง จนล้อสามารถปั่นและดีดใส่รถคันอื่นได้

รถกระบะสมควรต้องมียางบังโคลน เนื่องจากหินที่ยางสามารถดีได้ด้วยความเร็วไปหาเพื่อนร่วมทางได้

ในทางหนึ่งกฎหมายก็ไม่ได้มีการออกมาบังคับว่า รถต้องติดยางบังโคลน เนื่องจากถือว่าล้อที่อยู่ในซุ้มล้อ หรือ  Fender   คือ ถูกติดตั้งอยู่ใต้บังโคลนแล้ว  

หากความเป็นจริงรถยนต์ยังมีความสูงจากพื้นในระดับหนึ่งและสามารถปั่นดีดเศษฝุ่นได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะในปัจจุบันความนิยม รถกระบะ-อเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนสำคัญ รถเหล่านี้มีความสูงมากพอที่จะสามารถดีดเศษหินดินหรือทรายได้อยู่ รวมถึงรถยนต์กระบะ-อเนกประสงค์สมัยใหม่ เป็นรถที่มีแรงบิดเยอะบ้างอาจติดตั้งยางแบบพิเศษด้วย ทำให้แรงกระทำที่ล้อต่อพื้นมีความรุนแรงมากขึ้น สามารถทำให้หินก้อนเล็กก้อนน้อยที่ไม่เคยได้รับการเหลียวแลในการทำความสะอาดจากหน่วยงานดูแลทางที่เกี่ยวข้อง กลายเป็นขีปนาวุธดีๆดีดไปโดนจนสร้างความเสียหายต่อรถคันอื่นได้

ยางบังโคลน อาจไม่จำเป็นรถเก๋ง เนื่องจากไม่สูงจากพื้นมากนัก

หลายคนอาจคิดว่ายางบังโคลนก็มีดีแค่นี้ แต่ในมุมหนึ่งมันช่วยป้องกันน้ำฝุ่น กับสีรถที่อยู่หลังล้อได้ด้วยทำให้สีที่ช่วงประตูหน้าหรือ กันชนหลังไม่มีริ้วรอย หรือสีเสื่อมไวจาการใช้งานรวมถึงหากอ้างอิงความเชื่อยุคก่อน มันช่วยป้องกันสนิมที่อาจเกิดขึ้นกับชิ้นส่วนที่เปราะบางเช่นขอบชายล่างกระบะได้ด้วย   

อย่างไรก็ดี คำถามสำคัญก็อยู่ที่ว่า“ยางบังโคลน” ยังจำเป็นหรือไม่

ในมุมหนึ่งมันอาจไม่จำเป็นเท่าไร สำหรับรถเก๋งที่มีความสูงจากพื้นไม่มากนัก อาจกลายเป็นหอกข้างแคร่น่ารำคาญใจเมื่อใช้งาน อาจครูดหรือสร้างเสียงรบกวนมากกว่าจะเป็นประโยชน์

 กลับกันในรถกระบะ หรือ อเนกประสงค์ อาจจะยังจำเป็นต้องมี  เนื่องจากรถมีความสูงจากพื้น และรถหลายคันไม่ได้ใช้เพื่อขับบนถนนปกติธรรมดาเท่านั้น ยางบังโคลนจึงอาจจำเป็นสำหรับรถกลุ่มนี้เพื่อลดการกระเด็นของเศษฝุ่นและหิน ที่อาจติดมากับยาง  อันจะส่งผลต่อเพื่อนร่วมทางในระหว่างการขับขี่ จนอาจเป็นอันตรายและนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุหรือไม่

อย่างไรก็ดี ในทางกฎหมายว่าด้วยกฎกระทรวง ส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถยนต์ พ.ศ. 2551 ไม่ได้กำหนดบังคับว่า ยางบังโคลน หรือที่เรียกว่า “แผ่นบังโคลน” ต้องติดตั้งในรถยนต์ทุกคัน  แต่กล่าวเพียงว่า “ในกรณีบังโคลนไม่เป็นไปตามที่กำหนด(หรือล้ออาจยืนและไม่อยู่ในซุ้มล้อ) ต้องติดมาด้วยเท่านั้น”  ซึ่งรถทุกคันในปัจจุบัน ก็ถูกออกแบบมาให้ล้ออยู่ในซุ้มล้อ จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดความละเลยในการติดตั้งแผ่นบังโคลน

ถึงจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับคนที่เคยประสบปัญหาหินดีดรถและกระจกจนได้รับความเสียหาย ประสบการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นมองแล้วอาจเป็นเหตุสุดวิสัย ทั้งที่อาจเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้ เพียงการเข้มงวดการใส่ยางบังโคลนในรถบางประเภทจากภาครัฐก็ช่วยเหตุไม่เกิด จนทำให้เกิดความเสียหายและอันตรายต่อเพื่อนร่วมทาง อย่างที่เป็นในทุกวันนี้ 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่