สำหรับแฟนๆชาว BYD ที่รอคอยว่า BYD SEAL U เตรียมจะขายเวอร์ชันอีวีพวงมาลัยขวาต้องแสดงควาเสียใจด้วยเพราะเขาจะขายแค่ยุโรปพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น

ส่วนเวอร์ชันพวงมาลัยขวามีขายแต่จะนำเวอร์ชันเสียบปลั๊กหรือ Plug In Hybrid มาขายแทนโดยสื่อท้องถิ่นทั้งออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ลงความเห็นเหมือนกันว่าเวอร์ชัน Plug In Hybrid จะเปิดตัวทั้งสองที่ ด้วยหน้าตาคล้ายเวอร์ชันไฟฟ้าแต่จุดต่างตรงที่ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวมีช่องระบายอากาศแนวนอนสามชั้นตรงกลางของชุดกันชนหน้า ประกบคิ้วสีเงินสองเส้นซ้าย-ขวาบนมุมกันชน

ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ใต้ชุดไฟหน้าแบบรูปตัวแอล กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันขนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา มีคำว่า “ Build Your Dreams ” ที่ฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว

ภายในเหมือนไฟฟ้าแต่ปรับโทนสีภายในเป็นสีดำล้วนเน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน  มาตรวัดความเร็ว 8.8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40 เพื่อขยายพื้นที่ในการขนสัมภาระ เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ

มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 311 แรงม้า มาพร้อมสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น DM-i 110 ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกัน วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.3 วินาที

และรุ่น DM-i 150 พื้นฐานเดียวกันแต่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 26.6 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับการชาร์จกระแสกลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW และวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และวิ่งไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันเพียงหนึ่งครั้งเบื่องต้นเตรียมเปิดตัวที่ออสเตรเลียครึ่งปีแรกของปี 2024 ส่วนนิวซีแลนด์ภายในปีนี้สำหรับ BYD SEAL U PHEV

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: