ท่ามกลางการต่อสู่ ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า BYD กลายเป็นผู้มาแรง แซงทางโค้ง หลังจากวางจำหน่าย และประสบความสำเร็จจากทั้ง BYD Atto 3 และ BYD Dolphin ปีนี้ ทาง ค่าย ก็มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ที่หลายคน รอคอย BYD SEAL ออกมาวางจำหน่าย ด้วยเช่นกัน

BYD seal review

BYD Seal จัด เป็นรถอีกรุ่นที่อยู่ในตระกูลมหาสมุทร โดยมีเป้าหมายในการบุกตลาดเก๋ง คอมแพ็ค สำหรับผู้บริหาร ค่อนไปทางเก๋งใหญ่ ด้วยการมาของ Tesla model 3 ทำให้ BYD ตัดสินใจ สร้างรถรุ่นนี้ รับการโหมตลาดของสิหืตะวันตก และ เป้นรถที่ทั่วโลกให้คำชมว่า ดีไม่แพ้กัน

งานออกแบบ

หน้าตาภายนอก BYD Seal หลายคนเห็นไปจนไม่ต้องอธิบายมากความ ตัวรถออกแบบให้มีความสปอร์ต ปราดเปรียว สะดุดตาขาซิ่งทั้งหลาย ตั้งแต่แรกเห็น

หน้าตาของรถคันนี้ ไม่ได้มีดีแค่งานออกแบบ มันยังถูกพัฒนาให้ตรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ เริ่มจากด้านหน้าที่มาพร้อม ค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานแบบรถสปอร์ตชั้นนำ ต่ำถึง 0.219 Cda หน้าของมันจึงกระเดียดไปค่อนข้างคล้ายค่ายเยอรมัน เรียกว่า ได้แรงบันดาลใจน่าจะถูกกว่า

BYD seal 2023

ในส่วนของหน้าหน้าออกแบบ มาให้เล็กเรียว ปราดเปรียว ตอบการใช้งาน สามารถส่องสว่างได้อย่างชัดเจน ทรงไฟออกมาคล้ายๆ จนในบางครั้ง ผมมองเผินๆ คิดถึง Toyota Supra A90 รุ่นใหม่

ช่วงกันชนหน้า เหล่าให้มีความหน้าแหลม ถูกใจสายสปอร์ตทุกคน ที่มองหารถสไตล์นี้ งานออกแบบยังเพิ่มความลงตัว ด้วยเส้นไหล่ ที่สะท้อนจากซุ้มหน้า ไปซุ้มล้อหลัง รวมถึง ยังมาพร้อม มือเปิดไฟฟ้า สามารถซ่อนได้ เมื่อเริ่มการเดินทาง

ทรงตัวรถออกมาในแนว ซีดานท้ายลาดตามสมัยนิยม ให้ตูดที่ค่อนข้างสั้น ช่วงหลังคาโค้งมลลงมายาวๆ

BYD seal 2023

ด้านท้ายรถ ฝาท้ายออกแบบมาให้มีสปอร์ยเลอร์ในตัว ไฟท้าย นับเป็นเอกลักษณ์ของ BYD Seal กับ ไฟท้าย ทรงเกล็ด สวยงามมากในยามค่ำคืน ส่วนตอนกลาง วัน จะออกเป็นโคมใสรมดำ ดูสปอร์ตเทห์ ไม่น้อย

ทางด้านชุดล้อที่ให้มา ทุกรุ่นเป็นสไตล์ทูโทน ต่างกันก้ตรง ลายล้อและขนาด รวมถึงชุดยาง

รุ่นเริ่มต้น Dynamic แตกต่าง ด้วย การเป็นรุ่นเดียวที่ให้ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยางที่ให้ก็ไม่ได้ดีอะไรมาก เป็น Giti แถมเป็นยางเน้นนุ่มขับสบาย ผิดกับ ภาพลักษณ์ออกแนวสปอร์ต

ในรุ่น กลาง Premium และ Performance ใช้ล้อชุดเดียวกัน เป็นล้ออัลลอย ทูโทน ขนาด 19 นิ้ว ตอบการขับขี่ด้วยยาง Continental Eco Contact ยางประหยัดน้ำมัน ทำเอา เกาหัว เพราะรถทั้งสองรุ่นมีพละกำลังขับมหาศาล จนไม่เหมาะกับยางแแบบนี้อย่างแน่นอน

BYD seal 2023

ภายใน สปอร์ตกว้าง และทันสมัย

ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร BYD นำเสอน ภายในห้องโดยสารที่มีความทันสมัย น่าใช้งานอย่างครบเครื่อง

ข่าวดี สำหรับชาวไทยทุกคน รุ่นขายในไทย ให้ห้องโดยสารสีดำ All Black ถูกใจสายสปอร์ต อย่างแน่นอน

ตรงหน้าคนขับให้จอ 10.25 นิ้ว ใหญ่เต็มตา ดูชัดเจน และ ตัวอักษร ในจอจัดว่าใหญ่ใช้ได้ ถูกใจผู้ใหญ่แน่นอน

ภายในห้องโดายสาร   BYD seal

จอกลาง ขนาด 15.6 นิ้ว หมุนได้ นับว่าค่อนข้างใหญ่ถูกใจ สายสปอร์ตหลายคน ในจอ มีลูกเล่นมาค่อนข้าง ครบ โดยเฉพาะ การเชื่อมต่อไร้สาย จากทั้ง Apple Car Play และ Android Auto ส่วนลูกเล่นในจอ ก็เหมือนๆ กับ Atto 3 ไม่ได้หวือหวา อีกอย่าง ยังไม่มีเวลาเล่นมากด้วยครับ เลยยังบอกอะไรไม่ได้มาก

เว้นเพียงว่า interface ของจอ ค่อนข้าง ใหญ่ใช้งานง่าย สบายตา ใครที่เคยชิดกับ จอเล็กๆ มาจอใหญ่ ชนิด ipad มีอาย ก็น่าจะถูกใจ

ที่ผมชอบใจ คืองานออกแบบคอนโซลกลาง ทุกอย่างจัดวางไว้อย่างเหมาะเจาะ พร้อมใช้งานอยู่ใกล้มือ โดยเฉพาะสิ่งที่ต้อใช้ในการขับขี่ มีอย่างเดียว คือ ปุ่มโหมดแอบไกลมือไปนิด แต่ก็พอรับได้ในการใช้งาน

ทางด้าน การโดยสาร เบาะนั่ง คู่หน้า ปรับไฟฟ้า ทั้งคู่ สามารถบันทึกท่านั่งได้ 3 ตำแหน่ง รวมถึง มีระบบระบายอากาศ และอุ่นร้อนได้ด้วย

ทุกรุ่นเป็นเบาะหนังทั้งหมด ต่างกันเพียง รุ่นเริ่มต้นจะใช้หนังสังเคราะห์ รุ่นกลางและรุ่นท๊อป ใช้หนังแท้ ผสมเข้ามาในหลายจุด ถ้ามองด้วยตา ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง จนกว่าจะนั่ง สัมผัสความสบายต่างกัน พอตัว แน่นอนรวมถึง เวลาใช้รถท่ามกลางแสงแดด ก็น่าจะพบว่า เบาะสังเคราะห์ร้อนกว่าด้วย

เรื่องพื้นที่การโดยสารตอนหลัง ต้องบอกว่าเหลือเฟือ ที่วางขากว้างสบาย แต่ที่ช่วงไหล่ ไม่เหลือมาก เรื่องพื้นที่เหนือกัว ก็เช่นกันมาจากทรงท้ายลาดของมัน

หากคนตัวใหญ่ไซส์หมีอย่างผมก็ยังสามารถเข้าไปนั่งโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย เหมาะสมต่อการเดินทางไกล

ฟังชั่นตอนหลัง ก็ไม่มีอะไรหวือหวา ทุกอย่าง เป็นมาตรฐานตอบโจทย์อย่างเหมาะสม มีที่เท้าแขน , ช่องแอร์หลัง , ช่องชาร์จ USB มาให้ แค่นี้

ไฮไลท์ สำคัญของ BYD Seal คือ หลังคาพาโนรามิค 2 ชั้นขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งห้องโดยสาร ให้พื้นที่กว่า 1.9 ตรม. ต้องบอก่อนว่า วันที่เราขับทดสอบ ฟ้าครึ้มฝนตก เลยยังบอกไม่ได้มากว่า ถ้าเจออากาศร้อนๆ แบบบ้านเรา จะแสบหัว เวลาขับขี่หรือไม่

ภายในห้องโดยสาร   BYD seal
ภายในห้องโดยสาร   BYD seal

การวิศวกรร มและการทดลองขับ

ใต้เรือนร่างของเจ้า แมวน้ำไฟฟ้า มันถูกพัฒนา บนโครงสร้างเดียวกับ BYD atto 3 และ BYD Dolphim ใช้โครงสร้าง e- Platform 3.0 แตกต่างด้วย การให้ขั้นสุดเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่เรียกว่า Cell to Body

ถ้านึกไม่ออก ปกติ รถยนต์ไฟฟ้า จะติดตั้ง แบตเตอร์รี่ไปใต้พื้นห้องโดยสาร แต่ BYD Seal แตกต่าคือ พื้นห้องโดยสารที่เราเหยียบย่ำ คือ ฝาบนของแบตเตอร์รี่แพ็ค ถ้า จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ

นั่นทำให้ ตัวกับแบตเตอร์รี่แพ็คมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ประดุจ แบตเตอร์รี่เป็นส่วนหนึ่งของตัวรถ ไม่ใช่ส่วนเสริมเข้ามา เหมือนในอดีต ที่เรารู้จักรถยนต์ไฟฟ้ากันมา

ในการทดลองขับในวันนี้เราได้ลองขับตัวรถทุกรุ่นที่วางขายในไทย ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น จนถึง รุ่นท๊อปออพชั่น ที่หลายคนแซวว่า “ไทคานเอื้ออาทร” อาจบอกได้ว่า seal ตอบได้ทุกคน ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าสักคันในบ้าน

BYD seal Dynamic
ทริปวันนี้ออกเดินทางจากกทม. ไปเขาใหญ่ โดยเราจะสลับรถขับในแต่ละช่วงการเดินทาง

รถรุ่นแรกที่เราได้สัมผัส เป็นรุ่นเริ่มต้น โดยพละกำลังขับของมันเท่า Atto 3 (204 แรงมา้ แรงบิด 310 นิวตนัเมตร) แต่ด้วยแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่กว่า เล็กน้อย และขนาดตัวที่ใหญ่ถึง 4.8 เมตร น้ำหนักเปล่า 1,922 กก. มันก็พอทำให้เราได้ได้ว่า มันจะไม่เร้าใจ เหมือน ที่เราเคยสัมผัสใน Atto 3

BYD seal dynamic

เหยียบคันเร่งออกไป มันไม่แรงอย่างที่คิด ออกแนว เป็นรถขับง่ายสบายๆ ไปได้เรื่อยๆ เร่งก็มา แต่ไม่ถึงกับ หวือหวา พุ่งทะยานมุทะลุ

เรามีโอกาาส ลองอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม จับโดย V Box Race Logic ทำตัวเลข ได้ 10.61 วินาที 80-120 ก.ม./ช.ม.​ได้ 7.01 วินาที จัดว่า อยู่ในระดับรถบ้านพร้อมใช้งานทั่วไป

BYD seal dynamic

สิ่งที่น่าแปลกใจ คือ ตัวรถรุ่นนี้ทำช่วงล่างออกมาค่อนข้างนิ่มนวล เป็นรถที่ขับสบายสุดๆ ถูกจืต คนมองหารถยนต์ไฟฟ้า แล้วไปลองมาหลายยี่ห้อ แล้ว ค้นพบว่า มันค่อนข้างจะแข็งติดสปอร์ต ถ้านั่นคือปัญหา สำหรับ คุณ แนะนำ ให้มาลอง เจ้านี่

อีกอย่าง ตัวรถที่มีความยาว (ฐานล้อก็ยาว) ทำให้ ใครที่ไม่ชินกับการขับรถขนาดใหญ่มาก่อน อาจจะพบปัญฆาว่า เวลาเหวี่ยงพวงมาลัย เปลี่ยนเลน แล้ว รถสะบัด เนื่องจากรถคันนี้เป็นขับเคลื่อนล้อหลัง

แนะนำว่า ให้ใช้เวลากับรถ และฝึกการให้พวงมาลัย นิ่มนวลลง ไม่ใช่กระชากซ้าย ขวา แล้ว อาศัย การเดินคันเร่งช่วย รถจะขับเนียนจนน่าแปลกใจ

BYD seal Performance

จากตัวเริ่มต้นสุดชิล เรามาต่อกันที่ ตัวท๊อป ตัวนนี้ แตกต่างด้วยข้าวของ สมรรถนะ ที่ใส่เข้ามาอย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะ

  • มอเตอร์ไฟฟ้า 2ตัว ให้กำลังมากสุด 530 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร
  • ระบบควบคุมแรงบิด itelligemce torque adaption control (itac)
  • แบตเตอร์รี่ขยายขนาดเป็น 82 Kw
  • รองรับการชาร์จเร็วสุด 150 kw
  • ระบบโช๊คอัพ FSD (Frequency selective damping)
  • เบรกหน้า 4 พอท พร้อมจาน ระบายความร้อนแบบเจาะรู

อาจพูดได้เต็มปากว่า รถรุ่นนี้เน้น สมรรถนะในการขับขี่มากที่สุด

นั่งหลังพวงมาลัย ลองออกตัว โอ้โห!!!!!! อัตราเร่ง อย่างกับจรด 0-100 จาก V Box ได้ 4.55 วินาที 80-120 ก.ม./ช.ม.​ได้ 2.38 วินาที ไว ระดับ รถอย่าง AMG A45 มีงง

น่าเสียดาย เรายังไม่ได้ลองความเร็วสูงสุด รถรุ่นนี้ แต่เท่าที่ทราบมันไปได้เพียง 180 ก.ม./ช.ม. เท่านั้น นั่นทำให้ มันเป็นรอง Tesla model 3 ที่สามารถทำความเร็ว ทะลุ 200 ก.ม./ช.ม.​ไปแบบสบายๆ

BYD seal performance

เมื่อรถแรงขึ้น คุณ ก็คงคาดหวัง กับช่วงล่างที่จะมั่นใจขึ้น ก่อนอื่น ต้องเรียนตามตรงว่า โช๊ค FSD นั้นไม่ใช่ โช๊คไฟฟ้า ทาง BYD

เจ้าโช๊ค FSD ที่ใส่เข้ามา ฟังดูดี น่าจะช่วยมั่นใจขึ้น แต่กว่ามันจะช่วง คุณก็ต้องขับเร็วจนถึงค่าที่มันกำหนด เท่าที่ลองต้องแช่ 130-140 ก.ม./ช.ม.​นานหลาย กิโลเมตร จึงจะรู้สึกว่า มันปรับตัวให้เฟิร์มขึ้น

แต่การปรับตัวของโช๊คนี้ ก็ไมไ่ด้มาในสไตล์แน่นแข็ง จนมั่นใจ หวดความเร็วได้บ่อย มันเพียง ให้รู้สึกมั่นใจขึ้นนิดเดียวเท่านั้น ตัวรถก็ยังคงความนุ่มนวลนั่งสบายอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อประกอบกับช่วงล่างที่ออกมาในแนวนุ่มๆ เมื่อมาอยู่ในรถที่มีพละกำลังมากขนาดนี้ก็ดูจะไม่เข้ากัน รถมีพลังแต่ช่วงล่างนั่งสบาย ขับไปแล้ว รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล

BYD seal performance

ยิ่งเร่งนิดเดียว 140 ก.ม./ช.ม.​ไม่ใช่เรื่องแปลก ของรถคันนี้ พอขับความเร็วสูง กลับรู้สึกไม่มั่นใจ แม้คนที่มีทักษะขับรถ ระดับ AMG , M Power มาหลายคราว พูดตามตรงว่า รถคันนี้ต้องการช่วงล่างที่ดีกว่านี้

รถพละกำลังขนาดนี้ไม่น่าแปลกใจนักที่ทุกคนจะขับเร็ว คุณมี 500 แรงม้าใต้ฝ่าเท้า ก็คงอยากสนุกกับมันเป็นธรรมดา พอขับเร็ว ก็ต้องมาซึ่งการมุดท่ามกลางจราจร นั่นทำให้ คุณเริ่มอาการโคลงตัวเยอะ การตอบสนองการควบคุมที่ทำได้เพียงพอไปวัดไปวา ไม่ได้ให้รู้สึกมั่นใจ

แม้ว่าช่วงล่างจะปรับตัว ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่น่าพอใจ สำหรับผู้เขียน มันต้องดีมากกว่า แข็งมากกว่านี้ เอาถนนมากกว่านี้ นี่คือที่อยากจะเตือน ใครที่มองรถคันนี้

ยิ่งกว่านั้น ชุดยางประหยัด ก็ดู เหมือนจะกอดคอ ร้องไห้ ไปกับช่วงล่างที่ดูเหมือน โดนมอเตอร์ไฟฟ้า และ ผู้ขับขี่ ทรมาณทรกรรม บดขยี้ ขนสัมผัสได้เลยว่า ยาง continetal นี้ ร้อนง่าย เอาไม่อยู่ ไม่เหมาะ กับสายสปอร์ต ผู้ชอยฟาดความเร็ว

ทำให้ในภาพรวม เจ้าแมวน้ำตัวซิ่ง เอาตามตรงก็เด่น ในเรื่องพลังขับอย่างเดียว ช่วงล่างการควบคุมไม่น่าประทับใจ แต่มันเหมาะ สำหรับสายไปต่อ ซื้อมา แล้วเปลี่ยนช่วงล่าง

แต่แม้ว่าจะฟังดูง่าย เออ เปลี่ยนช่วงล่าง แต่เอาเข้าจริง มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะ ช่วงล่างสำหรับ BYD Seal ไม่ได้ หาซื้อง่าย เท่าที่รู้ยังไม่มีให้ซื้อ ก็คงต้องรอต่อไปสักพัก จึงจะมีออกมาขาย

BYD Seal Premium

คันสุดท้าย BYD Seal Premium , คันนี้ ข้าวของหลายอย่างมีความก้ำกึ่งตัวท๊อป มันขาดเพียง มอเตอร์หน้า เพราะ มอเตอร์หลัง ใช้เหมือนกับรุ่นบน และ ระบบขับเคลื่อนเป็นขับหลังไม่ใช่ขับสี่

พวกโช๊คหายไป เข้าใจว่า จะใช้แบบเดียวกับ ตัวเริ่มต้น ยังดี ได้แบตเท่าตัวท๊อป นั่นทำให้ ระยะทางต่อการชาร์จ ไกลสุดถึง 650 ก.ม. ขับจริง ก็น่าจะราวๆ 500 ก.ม./ การชาร์จ เท่าที่ลองคำนวนคร่าวๆ

อีกอย่างรุ่นนี้ได้ ล้อขอบ 19 พร้อมยางเดียว กับ ตัวท๊อป รวมถึงเบรกก็ใช้ แบบเดียวกัน

พูดง่ายๆ คือ มัน คือ รุ่นบนตัดมอเตอร์หน้า ไม่ได้ช่วงล่างพิเศษ และระบบควบคุมแรงบิด เท่านั้นเอง

ออกตัว รู้สึกได้เลยว่ารถเป็นมิตรกว่า ตัว Performance เร่งทันใจ ไม่เร็วไวเกินไป 0-100 ก.ม.ช.ม ,อยู่ราวๆ 8 วินาที โดยประมาณ 80-120 ก.ม./ชม. เหลือเพียง 5 วินาที เหลือเฟือต่อการใช้งาน ในชีวิตประจำวัน

ช่วงล่างดีกว่า ตัวล่าง และรู้สึกดีกว่าตัวบน เนื่องจากตัวรถ มีน้ำหนักน้อยกว่า ตัวบน และ พลังขับน้อยกว่าด้วย พอขับแล้ว รู้สึกว่า มันไม่นิ่มไป แข็งกำลังดี พอให้คนนั่งได้รู้สึกผิวถนนบ้าง ไม่ดูนวล เหมือนตัวล่าง ที่มาประดุจ นั่ง พรมวิเศษ

ในส่วนการตอบสนองรวมๆ มีสมดุล ดีที่สุดในหมู่แมวน้ำ ทั้ง 3 รุ่นขับแล้วสบายใจ เร่งแซง โอเค ช่วงมีความแข็ง มั่นใจไปถึง ช่วงความเร็วสูง มุดได้กำลังสนุก ไม่น่ากลัวจนเกินไป

บทจะชิล ก็ขับได้สบายๆไปเรื่อยๆ ทำให้ส่วนตัวมองว่าเป็นรุ่นที่เหมาะสม ที่สุด ต่อการใช้งาน พลังไม่ได้มาก แต่ก็มีมากพอต่อการใช้ขับขี่


สรุป BYD Seal เน้นขับสบาย ออพชั่นครบ พลังขับแล้วแต่ชอบ

หลังจาก ลอง รถทั้ง 3 รุ่น ส่วนตัวผมมองว่า BYD seal แต่ละรุ่นมีจุดขายของตัวเอง แล้วแต่ว่าคุณมองหาอะไร

BYD seal performance

ตัวเริ่มต้น เหมาะกับสายพ่อบ้าน เน้นขับสบายไม่เน้นพลังขับเท่าไร
Premium เหมาะ สำหรับ คนเน้นความมั่นใจในการขับขี่ มีพลังขับ ช่วงล่างกำลังดี และไม่แรงจนเกินไป
Performance เหมาะกับสายมุทะลุ ชอบพลังขับ แต่ต้องระวังในเรื่องช่วงล่าง ที่อาจจะยังไม่ตอบสนองมาก เวลาคุณมุดด้วยความเร็ว

รวมๆ มันมีความแตกต่างกันในระหว่างรุ่น ขึ้นอยู่กับว่ามองหา อะไรในรถคันนั้น ส่วนตัวผมมองว่า BYD seal จะเป็นรถที่หลายคนสนใจ ด้วย รูปทรงของมัน และ สมรรถนะที่มีดีไม่แพ้กัน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่