เปิดขายที่จีนมาตั้งแต่ต้นปีกับซิตี้คาร์อย่าง BYD Seagull และล่าสุดเผยตัวเลขยอดขายออกมาช่วง 9 เดือนทำยอดขายได้ 280,217 คัน

ในส่วนของเดือนธันวาคมที่ผ่านมาทำได้ 50,525 คัน ส่งผลให้ยอดขายรวมของค่ายนี้ไม่ว่าจะจีนและทั่วโลกตลอดปีที่ผ่านมา 3,012,906 คัน เติบโต 62% แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 1,574,822 คัน เติบโต 73% และ รถยนต์เสียบปลั๊ก PHEV 1,438,084 คัน เติบโต 52% ด้วยตัวรถยาวประมาณ 3 เมตรปลายๆ สร้างจากแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 เท่ด้วยไฟหน้า LED พร้อมตรา BYD รับกับชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศ ด้านข้างมาพร้อมเส้นสายทันสมัยออกแบบกระจกบานหน้าบานหลังเล่นระดับ ที่เปิดประตูแบบยกก้านล้อมีให้เลือกทั้งแบบอัลลอยสีทูโทนและกระทะล้อพร้อมฝาครอบทั้งขนาด 15 นิ้วและ 16 นิ้ว ด้านท้ายเล็กตามตัวรถด้วยไฟท้าย LED แนวยาวใต้ไฟท้ายติดโลโก้ Build Your Dreams ชุดกันชนหลังติดตั้งป้ายทะเบียนรถใต้ฝาท้าย

ภายในมีความคล้ายกับ BYD Dolphin ในส่วนของแผงตคอนโซลหน้าแต่ปรับในส่วนช่องแอร์ของแผงคอนโซลหน้าซ้าย-ขวา ตรงกลางใต้แผงจอสัมผัส เบาะนั่ง Bucket Seat ทรงสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน จอในส่วนของอุปกรณ์ Infotainment ใหญ่เต็มตาด้วยขนาด 12.8 นิ้ว พร้อมช่องเสียบ USB 4 จุด มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับธรรมดาแบบ 6 ทิศทาง และคนนั่ง 4 ทิศทาง เบาะหลังสามารถพับได้ในอัตราส่วน 40:60 และกุญแจแบบ Keyless Entry และ Keyless Start

เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่น TZ180XSH มีความจุแบตเตอรี่ถึง 2 รูปแบบทั้ง 30.08 kWh และ 38.88 kWh ให้กำลังมากสุด 74 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร เป็นให้ความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยวิ่งไกลสุด 305 และ 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC โดยชาร์จเร็ว DC 10-80% ในเวลา 30 นาที และเป็นการใช้แบตเตอรี่โซเดียม-ไอออน ที่ต้นทุนถูกกว่าแบตนิเกิล-เมทัลไฮไดรด์ และแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนฟอสเฟต เบื่องต้น จำหน่ายสามรุ่นย่อยโดยเปิดราคาขายอย่างเป็นทางการเริ่ม 73,800-89,800 yuan หรือราว 379,000-454,000 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่