เป็นระยะเวลาสิบกว่าปี ตั้งแต่ที่ทางบริษัทรถยนต์ชั้นนำ เริ่มแนะนำรถยนต์ขนาดเล็กกลับเข้ามาสู่ตลาดประเทศไทย การเข้ามาของ Toyota Yaris, Honda Jazz และ Honda City นับเป็นความกล้าในการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ต่อคนในบ้านเรา จนในที่สุดกว่า 2 เจนเนอร์เรชั่นรถที่ผ่านมา รถขนาดเล็กที่มพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กลายเป็นที่นิยม
ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้รู้จักรถยนต์กลุ่มใหม่ที่เรียกว่า “อีโค่คาร์” มันเป็นรถยนต์ที่กำเนิดขึ้นภายใต้โครงการของภาครัฐบาลที่เล็งเห็นความต้องการการใช้รถยนต์ และต้องการทำให้รถยนต์ที่คนไทยมีโอกาสใช้มีความปลอดภัย และประหยัดพลังงานรวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยพร้อมกันในตัว
โจทย์ต่างๆ เหล่านี้ถูกเคาะออกมาเป็นโครงการรถยนต์ที่เรียกว่า “ACEs Car” ก่อนจะผันมาตามรัฐบาลบ้านเราที่ระสำระสายไปตามท่านผู้นำรัฐบาลเขย่าเป่าเสก จนท้ายที่สุดออกมาเป็นโครงการรถยนต์อีโค่คาร์ และด้วยความที่ภาครัฐต้องการให้รถยนต์ขนาดเล็กขวัญใจคนไทยคันใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทางภาครัฐบาลกำลังฆาตรกรรมรถยนต์ขนาดเล็กกลุ่มเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร หรือ ทีในวงการเรียกว่า “ซิตี้คาร์” และในช่วงไม่กี่ปีต่อจากนี้ ที่ว่างตรงกลาง ระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 และ 1.6 ลิตร จะไม่มีเหลืออีกต่อไป
แนวโน้มการหายไปของรถยนต์นั่งขนาดเล็กเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เริ่มเด่นชัดมาก ตั้งแต่อีโค่คาร์เฟสที่ 1 เริ่มออกวางจำหน่าย รถยนต์ที่ในตลาดต่างประเทศจะต้องใช้เครื่องยนต์ ขนาด 1.5 และ 1.6 ลิตร ต่างถูกยกหัวใจเปลี่ยนใหม่ใส่บล็อกเล็ก ตอบโจทย์ภาครัฐ และทางบริษัทรถยนต์ชั้นนำต่างก็ได้รับอานิสงค์ สิทธิทางภาษี ในการดำเนินธุรกิจให้มีผลกำไรมากขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
การไร้ซึ่งการกำหนดแนวทางขนาดทรวดทรงตัวถัง ผิดกับนโยบายแรกเริ่มต้นความคิดที่เคาะออกมา ทำให้อีโค่คาร์นับวันยิ่งมีความใหญ่ขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้น จนจากเดิมที่คิดว่า มันจะเป็นเพียงรถยนต์นั่งขนาดเล็กธรรมดาใช้งานในเมือง วันนี้ อีโค่คาร์ สามารถตอบโจทย์ได้มากถึงขนาดดีพอจะเดินทางต่างจังหวัด ระหว่างเมือง แม้ว่าผู้โดยสารอาจจะต้องทนเบียดเสียดไปในรถขนาดเล็ก แต่สำหรับบรรดาผู้ซื้อหารถยนต์กลุ่มนี้ที่แท้จริง บรรดาเด็กวัยรุ่นทั้งหลายพวกเขาไม่ยี่หระ ในเรื่องนี้สักเท่าไร
การกลืนกินรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กำลังเห็นได้ชัด จากความนิยมของรถยนต์อีโค่คาร์ที่ทวีความต้องการมากขึ้น จนนัววนี้มายืนแทนตำแหน่งรถยนต์ซิตี้คาร์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ในฐานะรถเริ่มต้นสำหรับคนอยากมีรถยุคใหม่
สาเหตุสำคัญมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกัน ประการแรก ราคารถยนต์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร นับวันยิ่งมีราคาเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เนื่องจากออพชั่นที่เพิ่มเข้ามาตอบโจทย์มากมาย จนราคารถรุ่นท๊อปในวันนี้กระโดดขึ้นไป ใกล้เหยียบราคา 8 แสนบาท ทุกขณะ ทั้งที่เดิมทีอยู่ในช่วง 6 แสนบาทปลายๆ ถึง 7 แสนบาทต้นๆ
ประการต่อมา รถยนต์อีโค่คาร์มีความสามารถในการใช้งานไม่ต่างจากเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร มากมายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ ทั้งรถยนต์ซิตี้คาร์และอีโค่คาร์ ต่างถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน ที่เรียกว่า “Sub Compact Car” หรือรถยนต์นั่งขนาดเล็ก จะแตกต่างกัน ตรงที่ขนาดมิติตัวถังรถเปลี่ยนแปลงไปตามขนาด โดยรถขนาดเล็กที่สุด ความยามตัวรถไม่เกิน 3,600 มม. จะถูกเรียกว่า Sub Compact A segment หรือ Mini Car ในปัจจุบัน รถยนต์อีโค่คาร์ที่มีขนาดตามไซส์นี้ คือ Suzuki Celerio และ Honda Brio
ส่วนรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีขนาดเกิน 3,600 มม. แต่ไม่เกิน 4,100 มม. จะถูกกำหนดเป็น “sub Compact B Segment”หรือ อาจจะเรียกว่า “Super Mini” บ้างอาจจะเรียกว่า “Small Car” ซึ่งส่วนใหญ่อีโค่คาร์ในปัจจุบัน (ยกเว้น Suzuki Celerio และ Honda Brio) จัดอยู่ในกลุ่มนี้
โดรถยนต์ทั้งสองนอกจากต่างกันในเรื่องขนาดตัวรถเป็นตัวบทกำหนดแล้ว ยังมีเรื่องของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันด้วย โดยรถยนต์กลุ่ม sub Compact A จะใช้เครื่อง 1.0 -1.2 ลิตร ส่วนใน Sub Compact B จะใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 1.3-1.6 ลิตร แล้วแต่ตามบริษัทผู้ผลิตจะเลือกใช้
และท้ายสุดที่วันนี้อีโค่คาร์จะผงาดขึ้นเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาตรฐานใหม่ของคนไทย คือการกำหนดทิศทางของรัฐบาลทีไม่กำหนดขนาดมิติตัวถังรถอย่างชัดเจน ทำให้ผุ้ผลิตรถยนต์ต่างเดินเกมเครื่องเล็กบอดี้ใหญ่กันไปเป็นแถว มีรถยนต์หลายรุ่นที่ใช้ขนาดตัวรถใหญ่แต่ตีตั๋วเครื่องเบนซิน 1.2 -1.3 ลิตร เข้ามาขาย รวมถึงด้วยแนวนโยบายส่งเสริมเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กเข้ามาจำหน่าย
ตลอดจนในปัจจุบันบริษัทพัฒนาระบบส่งกำลังต่างๆ มีศักยภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มทำเกียร์อัตราทดมากเข้ามาตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น ทั้งจากผู้ผลิตเกียร์อิสระ หรือบริษัทที่พัฒนาชุดเกียร์ด้วยตัวเอง แถมในรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดเล็กเกียร์ CVT ยังมีดีมากพอจะตอบโจทย์ ในการขับขี่ให้เครื่องยนต์ขนาดเล็กมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าเดิม
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่อนาคต เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จะเริ่มจางหายไป แม้ในความเป็นจริงเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ยังได้รับความนิยม เนื่องจากความไม่เข้าใจในการทำงานของเครื่องยนต์ขนาดเล็กของคนไทย และยังมีคนอีกกลุ้มที่ต้องใช้รถวิ่งทำงานตามต่างจังหวัด ซึ่งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ตอบการใช้งานได้พอสมควร
หากแต่ในอีกไม่นานนี้เมื่อบริษัทรถยนต์นอกจาก Mazda เข้าสู่การผลิตรถยนต์อีโค่คาร์ระยะที่ 2 แล้ว เราจะได้เห็นภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ซึ่งวันหน้า เราอาจจะไม่มีรถขนาด 1.5 ลิตรให้ได้เลือกหา และทุกวันนี้ก็มีนับรุ่นได้เลย
ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา ridebuster.com