ต้้งแต่ Subaru เปิดตัวรถยนต์ Subaru Forester ออกมา ทั่วโลกให้ความสนใจว่าที่อเนกประสงค์ใหม่ที่เปิดตัวออกมาเอาใจสาวกอีกครั้ง ในครั้งนี้นอกจากรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาที่มีการปรับขยายขนาดมาเป็น 2.5 ลิตร ยกระดับสมรรถนะในการขับขี่ยังมีรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ Subaru e Boxer มันเพิ่งเริ่มวางจำหน่ายในประเทศ ญี่ปุ่นและเราจะพาไปดูกัน
Subaru e Boxer เป็นนวัตกรรมที่มีแนวโน้มจะได้เห็นในตลาดเอเซีย รวมถึงประเทศไทย ด้วยความเข้มข้นในตลาดยานยนต์ ที่มีความตื่นตัวเรื่องมลภาวะไอเสีย และใช้เกณฑ์ภาษีใหม่ ที่เน้นการจัดเก็บภาษีจากมลภาวะที่ปล่อย เช่นในประเทศไทย และมาเลเซีย เป็นต้น
ระบบ Subaru e Boxer ไม่ใช่เรื่องใหม่ในแง่การพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับรถยนต์ Subaru เพราะ ก่อนหน้านี้ทางซูบารุ เคยพัฒนารถยนต์ Subaru XV Hybrid แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ทว่าความต้องการในโลกวันนี้ไฮบริดดูดีมีภาษีมากกว่า และทางบริษัทยืนยันว่าพวกเขาจะหันเดินหน้าทางนี้มากขึ้น และ Forester ใหม่ ดูจะเป็นรุ่นแรกที่ออกมาในรูปแบบรถยนต์ไฮบริด
ตัวระบบ Subaru E Boxer ยังคงใช้เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์เหมือนเดิม แตกต่างด้วยการติดตั้งชุดมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ชุดเกียร์ของรถ มอเตอร์ขนาดกำลัง 10 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่ากำลัง 13 PS จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ให้แรงบิดสูงสุด 65 นิวตันเมตร ส่งกำลังจากแบตเตอร์รี่ ลิเธียมไอออน ขนาด 4.8 กิโลวัตต์ ช่วยในการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ในเบื้องต้น อาทิ การออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ,ช่วยในการเร่งแซง
ทางด้านเครื่องยนต์ ระบบ Subaru e Boxer ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Boxer 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร รหัส FB20 พร้อมระบบ Direct injection ให้กำลังสูงสุด 145 PS ที่ 6,000 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 188 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ที่เด็ด ของ Subaru e Boxer ที่อยู่รถยนต์ Subaru Forester มีความสามารถในการขับขี่มากกว่าระบบไฮบริดจากค่ายอื่นๆ ด้วยความสามารถในการขับขี่ร่วมกับโหมดการขับขี่ในรถ ไม่ว่าจะโหมดสปอร์ต เน้นการขับขี่ที่สนุกสนานมากกว่าเดิม และ นอกจากนี้เพื่อความประหยัดถึงขีดสุดทาง ซูบารุยังออกแบบให้ระบบสามารถทำงานร่วมกับระบบ Subaru Eyesight ผ่านโหมด Econ C เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด
ทั้งนี้ Subaru เคลมอัตราประหยัดที่ได้จากระบบ Subaru e Boxer จากการทดสอบตามโหมด JC08 ด้วยอัตราประหยัด 18.6 ก.ม/ลิตร
สำหรับ Subaru e Boxer ใหม่ เริ่มวางจำหน่ายในรถยนต์ Subaru Forester รุ่น Advance ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนประเทศไทย จะมีโอกาสต้อนรับเวอร์ชั่นไฮบริดหรือไม่ คงต้องติดตามกันเร็วๆ นี้แน่นอน
ที่มา Subiethailand
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”586″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_imagebrowser” ajax_pagination=”0″ order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com