ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราจะพบว่า มีประเด็นสังคม ในเรื่องกระบะออนิว ที่มีเรื่องราวไม่เว้นแต่ละวันในแง่ของการชนท้ายรถคันข้างหน้า

การขับรถชนท้ายคันข้างหน้า ไม่ว่าอย่างไรเสีย แล้ว ผู้ที่ขับชนท้ายทางด้านหลังถือว่า มีความผิดเสมอ เนื่องจาก ตามกฏหมายการจราจรทางบก ต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้า ในระยะที่ปลอดภัย ให้คุณไม่ชนท้าย รถที่ขับตาม หากในทางปฏิบัติจริงก็แทบจะไม่มีใครทำแบบนั้น กับภาวะการจราจรเมืองไทย

ถึงจะบอกกันว่าการเว้นระยะห่าง ช่วยให้เราไม่ชนท้ายรถคันหน้าได้ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและควร ทว่าในบางสถานการณ์ แม้ว่า เราจะมีการเว้นระยะห่างเป็นอย่างดี จนคิดว่าปลอดภัย หากถ้ารถคันหน้าเบรกได้เร็วกว่าปกติทั่วไป การเว้นระยะให้ปลอดภัย อาจไม่ช่วยทั้งหมดก็ได้

ในบรรดารถยนต์สมรรถนะสูง รวมถึงรถหรูหลายรุ่น ปัจจุบัน มีการอัพเกรด ชุดปั้มและจานเบรก เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดมั่นใจมากขึ้น อำนาจการเบรกเร็วขึ้น ส่วนหนึ่ง มาจาก พลังขับตัวรถ ที่มีพลังสูงขึ้นตามไปด้วย หรือบ้างก็อาจจะมีน้ำหนักมาก

แต่เบรกเหล่านี้ ที่ถูกขนานนามว่า Big Brake แม้จะปลอดภัยกับผู้ใช้รถคันนั้น ก็กลับกลายเป็นกงล้อวัดดวงเพื่อนร่วมทาง เพราะไม่ใช่รถทุกคัน ติดตั้งเบรกสมรรถนะสูงมาให้จากโรงงาน โดยเฉพาะรถยนต์ใช้งานทั่วไป จะให้เบรกที่เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ใช่เบรกสมรรถนะสูงอะไรมากมายนัก

ชุดเบรกสมรรถนะสูงเหล่านี้ มีการพัฒนาในแง่สำคัญ​อยู่ 2-3 ด้าน คือ การจับผ้าเบีก หรือตัวแม่ปั้มเบรกทางด้านล่าง ที่มักมีขนาดใหญ่ มีจำนวนลูกสูบมากกว่ารถปกติ ตั้งแต่ 2 พอท ขึ้นไป จนถึง รถอย่าง Rolls Royce Ghost 2021 อาจจะมีขนาดใหญ่ได้ถึง 6-8 พอท เพื่อปราบพละกำลัง จากเครื่องยนต์ V12 6.7 ลิตร ที่มีกำลังสูงถึง 563 แรงมา้ ที่5,000 รอบต่อนาที

นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมผ้าเบรกขนาดใหญ่เพื่อให้ พื้นที่สัมผัสจานเบรกมากขึ้น ตลอดจนจานเบรกที่สามารถระบายความร้อนได้ดี ให้ความมั่นใจในการขับขี่

ในรถยนต์สมรรถนะสูงหลายรุ่น ยังมีการปรับปรุง การเซทอัพตำแหน่งปั้มเบรก หรือ ที่เรียกว่า จุดยึด Caliper ด้วย และอาจเซทอัพเป็น ดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่มีปั้มเบรกที่มีประสิทธิภาพสูง ทางด้านหลังด้วย เพื่อตอบสนองเร็วในความเร็วสูง

ตามปกติแล้ว ในรถยนต์ทั่วไป ตามที่มีข้อมูล จากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ อย่าง โตโยต้า ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง จะใช้ระยะทางในการเบรกจาก 100-0 ก.ม./ช.ม.​เพียง 50 เมตรเท่านั้น (ในรถทุกรุ่นทุกแบบ)อาจกล่าวได้ว่าค่อนข้าง ตรงตามกฏหมายบ้านเรา ที่มีการระบุว่า ที่ความเร็ว 80 ก.ม./ชม.​ผู้ขับขี่ต้องเว้นระยะห่าง ราวๆ 40 เมตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทาง

เราขอยกตัวอย่าง ข้อมูลการเบรก ของรถบางรุ่นที่มีโอกาส เคยทดสอบมาในการรีวิว เก็บข้อมูล จาก อุปกรณ์วัดค่าในการทดสอบ บนถนนลาดยาง

รุ่นรถ ระยะเบรก 100-0 ก.ม./ช.ม. (เมตร)ใช้ระยะเวลา (วินาที)
Honda WR-V49.653.4
Toyota Corolla Altis 1.6 G47.953.28
Toyota Fortuner GR Sport49.083.76

นี่คือ ค่าของรถยนต์ธรรมดาๆ ทั่วไป ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่เมื่อ เราทดลองเบรก กับรถที่มีสมรรถนะสูง มีประสิทธิภาพในการขับขี่ หรือรถหรูบางรุ่น (ที่มีกำลัง มากกว่า 200 แรงม้าขึ้นไป) เราพบข้อมูลว่า

รุ่นรถระยะเบรก 100-0 ก.ม./ช.ม. (เมตร)ใช้ระยะเวลา (วินาที)
BMW X6 Xdrive 40i40.812.93
Volvo C40 Pure Electric36.852.65
Subaru BRZ 6 AT 40.602.90

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เรามีข้อมูล เป็นปัจจุบัน ซึ่งวัดโดย V Box Race Logic ที่ได้รับความน่าเชื่อถือ จากอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างกว้างขวาง

จากข้อมูล จะพบว่า รถที่มีสมรรถนะสูง มักทำระยะเบรกให้สั้น เพื่อตอบสนองลูกค้าให้ความมั่นใจปลอดภัยกว่ารถปกติ ปราบความแรงได้อย่างทันใจ

ผิดกับรถใช้งานทั่วไป ที่จะใช้ ค่ามาตรฐานว่า ในความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม.​จะมีระยะเบรกราวๆ ไม่เกิน 50 เมตรเท่านั้น

และอาจจะใช้ระยะทางมากกว่านี้เมื่อใช้งานจริง ด้วยประสิทธิภาพยางที่ลดลง ตามอายุการใช้งาน และ สภาพถนนที่ไม่เหมือนกัน รวมถึง ประสิทธิภาพ แต่ละยี่ห้อ คุณลักษณะระบบ ก็ไม่เหมือนกัน เช่น หน้าดิสก์หลังดรัม แบบที่รถกระบใช้กัน หรือ ดิสเบรก 4 ล้อ ที่ทีในรถเก๋ง ราคา 7 -8 แสนบาทขึ้นไป

ยิ่งมาดู เวลาตอบสนอง จะพบว่า ช้ากว่าอยู่ราวๆ 1 วินาที แม้ว่า อาจจะฟังดูน้อยนิดมากๆ แต่การตอบสนองเร็วกว่าในแง่ความปลอดภัย แม้เพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถเปลี่ยนจากชน เป็นรอด เปลี่ยนจากต้องเป็นหนี้ กลายเป็น มีเรื่องคุยเสียวๆ ให้เมียหยิก

ส่วนสำคัญ มาจาก ประสิทธิภาพเบรกที่ดีกว่า โดยเฉพาะชุดปั้มเบรกทางด้านหน้าขนาดใหญ่ ที่มีให้เห็นตั้งแต่ 4 พอทขึ้นไป และหลายรุ่นอาจจะใช้ปั้มหลั ‘ที่มีขนาดใหญ่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Nissan GT-R ที่ขายในไทย จะใช้เบรกหน้า 6 พอท และ เบรกหลัง 4 พอท เป็นต้น

เมื่อ ประกอบกับประสิทธิภาพ ยางที่ใช้ยางหน้ากว้างกว่ารถธรรมดาทั่วไป และใช้ล้อขอบใหญ่เพื่อทำให้ การสัมผัสกดลงไปแนบแน่น ในระหว่างการขับขี่

อย่าง รถหรูที่เป็นข่าว ตามสเป็คปกติ( Stock Spec) จะใช้ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 255/50/ R19 แต่อาจมีการปรับแต่งหรือ Customize จากโรงงาน ทำให้รถให้มีล้อใหญ่ขึ้น และแน่นอน ยางก็ใหญ่ขึ้นตามไปอีก

ตัวเลขสถิติ การเบรก หากเรามีโอกาสได้ลองวัดค่า น่าจะดีกว่า บรรดารถที่เราเคยสัมผัสมา อย่างไม่ต้องสงสัย

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้ คือ รถยนต์ไฟฟ้า มีอัตราเบรกเร็วกว่า รถสันดาป อีกพอตัว ด้วยแรงดึงจากมอเตอร์ หรือ Kers ประกอบกับ ประสิทธิภาพในการเบรก สามารถหยุด 100-0 ใน 36.85 เมตรเท่านั้น ในรถอย่าง Vovlo C40 Pure Electric ถือว่าเร็วมากๆ ยิ่งเป็นที่น่ากังวลมากขึ้น ด้วยปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น

นอกจากนี้ ในเคสนี้ ยังมี บรรดารถบ้านที่ไปแต่งเบรก เพิ่มประสิทธิภาพจากเดิม ซึ่ง ก็จะมีความสามารถไม่ต่างจาก รถหรู รถสปอร์ต ใส่ BigBrake มากนัก สามารถเบรกปราบฝูงม้าอยู่หมัดทันใจ ก็มีชะตาไม่ต่างกัน

ดังนั้น ถ้ามองกันที่ความจริง จากตัวเลข ที่เราได้มีการทดสอบ ค่อนข้างชัดว่า ยังไงเสีย ประสิทธิภาพเบรก รถบ้านๆ ก็ไม่อาจสู้ รถที่ใช้ปั้มเบรกขนาดใหญ่ และ มีการวิศวกรรมระบบเบรกมารองรับพลังกำลัง 300-400 ม้าได้อย่างแน่นอน อาจพอในการขับขี่ทั่วไป แต่เมื่อต้องเบรกกระทันหันจริงๆ จะมีระยะทางมากวก่า รถที่มีเบรก ประสิทธิภาพมากกว่า

อาจเป็นความจริง การขับขี่ปลอดภัย ต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้ปลอดภัยที่สุด ตามกฏหมายว่า 40 เมตร ที่ความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. และคงไม่มีใครขับใกล้รถหรู ราคาแพงๆ เท่าไรนัก แต่เมื่อเทียบ รถที่ใช้ระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพ ในการชะลอ หรือกระทั่งหยุด จากการชนคันข้างหน้า

ในกระบวนการเบรก เป็นที่ทราบกันว่า มี

  • ระยะคิด คือ ระยะที่ผู้ขับขี่ตอบสนองกับระบบเบรก
  • ระยะปฏิบัติการ หรือระยะเบรกที่ระบบทำงานตอบสนองไปยังล้อและยาง

ด้วยประสิทธิภาพที่ต่างกัน พอสมควร จากข้อมูลเท่าที่เรามีส่วนหนึ่ง ก็ชัดว่า รถบ้านๆทั่วไปไม่มีทาง จะรอด จากการชนรถหรูเลย ถ้าไม่เว้นห่างตั้งแต่ 10 เมตร ขึ้นไป หรือ ถ้านึกไม่ออก รถกระบะยุคนี้ มีความยาวเฉลี่ย 5เมตร โดยประมาณ ถ้าคุณขับตามรถหรู ประมาณ 2 คันรถกระบะ เป็นอย่างน้อย จึงจะมีโอกาสรอด

เพราะ การเบรก เป็นเรื่องการตอบสนอง และใช้งานประสิทธิภาพ ของปั้มเบรก ตลอดจนล้อและยาง อย่างเต็มที่ เปลี่ยนจากชน เป็นรอด

ที่เราบอกว่า 10 เมตร เป็นรถที่เราทดสอบ และมีสภาพยางดีเยี่ยม ซึ่งในรถใช้งานจริงของหลายคน อาจมีสภาพยางตามการใช้งาน ซึ่งอาจทำให้ระยะเบรกมากกว่านี้ ก็ได้

ยิ่งกว่านั้น คุณไม่มีทางรู้เลยว่า รถคันไหนใช้ Big Brake จะรู้ก็แต่เพียง ตอนเขาเบรก แต่เราจะให้ทิป ทุกคันง่ายๆว่า รถหรูสมัยใหม่ เกือบทุกรุ่นที่มีกำลังตั้งแต่ 200 ม้า ขึ้นไป จะใช้เบรกใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพทั้งหมด ทางที่ดี ก็อย่างที่เราบอกต้องถอยห่าง เว้นระยะเอาไว้ และมีสติ เวลาตามรถพวกนี้

กลับกัน ที่ใช้รถสมรรถนะสูง มีชุดเบรกใหญ่ ก็อยากฝากสักนิด เบรกแล้ว ก็ช่วยเหลียวมองกระจกหลัง บางทีคุณเอาอยู่ ข้างหลังเอาไม่อยู่

เวลาผมขับรถพวกนี้จะทำแบบนี้เสมอ เพื่อไม่ให้เขาชนเรา และเราไม่เสียเวลา ไม่เสียรถ เพราะอย่าลืมไม่ใช่รถทุกคัน ใช้เบรกมีประสิทธิภาพสูง

อย่าให้ คุณหยุดมั่นใจ แต่เพื่อนร่วมทาง ต้องวัดดวง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่