Audi SQ8 เอสยูวีทรงคูเป้รหัสแรงสุดที่สปอร์ต ทรงพลัง และอัดแน่นเทคโนโลยี พร้อมแล้วที่จะคนขับโลดแล่นด้วยเครื่องดีเซลเทอร์โบ Mild Hybrid อันมีแรงม้าสูงสุด 429 ตัว

ลูกค้ากระเป๋าหนักมีพฤติกรรมในการช้อปปิ้งทุกสิ่งอย่างต่างจากคนทั่วไป หนึ่งในนั้นคือความต้องการครอบครองสิ่งสุดพิเศษกว่าใครๆ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องรถมันจะต้องแรงกว่า สวยกว่า และตอบสนองกิเลสอันแสนเร่าร้อนให้ได้ครบถ้วน โดยเอสยูวีคูเป้รุ่นท็อปสุดอย่าง Audi SQ8 ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของคำว่า เรือธง ได้ชัดเจนไม่แพ้รถคันใดบนโลก

ความพิเศษของ SQ8 ในประเด็นควาามงดงามภายนอกนั้น เริ่มจากการตกแต่งตัวถังเอสยูวีคูเป้ที่เดิมก็โฉบเฉี่ยวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เสริมแต่งด้วยอะไหล่ต่างๆ รอบคัน อาทิ ช่องดักอากาศเข้าเครื่องทรงใหม่ ล้อโตไซส์ 22 นิ้ว และปลายท่อไอเสีย 4 รู 

เมื่อกระโดดเข้ามาห้องโดยสารจะพบว่า หนังหุ้มตามพวงมาลัย เบาะนั่ง แผงประตู เหล่านี้ใช้เป็นหนังแบบ Alcantara แล้วแปะตราโลโก้ S เอาไว้เพื่อบ่งบอกว่าข้าคือรถตระกูลแรง S-Line นอกจากนี้ บริเวณแป้นเหยียบก็ใช้เป็นแบบสแตนเลสสตีล รวมถึงขอบชายประตูทำจากอลูมิเนียม

ที่สุดแห่งหัวใจดวงใหม่คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากเครื่องดีเซลเทอร์โบคู่ แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร บล็อกเดียวกับที่อยู่บน SQ7 โดยขุมพลังนี้สร้างกำลังสูงสุด 429 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ลากมาตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,000 รอบต่อนาที โดยแรงทั้งหมดถูกส่งไปยังล้อทั้งสี่ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ AWD ในนามระบบ Quattro และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รับหน้าที่ถ่ายทอดกำลัง

เหนือสิ่งอื่นใดคือ เจ้าเครื่องดีเซลตัวแรงนี้มาพร้อมระบบ Mild Hybrid อันมีแบตเตอรรีลิเธียมไอออน 48V ไว้สร้างกำลังจากช่วง 0-22 กม./ชม. แทนที่เครื่องยนต์ ขณะเดียวกัน ยังช่วยเสริมกำลังให้แก่เทอร์โบในช่วงรอบต่ำ หรือการเร่งยามความเร็วไม่สูงมากนัก

ที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้ SQ8 เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 249 กม./ชม. สำหรับด้านระบบขับขี่มีช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับค่าแปรผันให้เหมาะสมทุกสถานการณ์ รวมถึงจานเบรคที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เซรามิคกับปั๊มเบรคสีแดงเป็นมาตรฐาน ส่วนใครอยากจัดเต็มกว่าก็มีระบบเลี้ยวสี่ล้อ กับระบบลิมิเต็ดสลิปแบบสปอร์ตและระบบกันโคลงไฟฟ้าที่ปรับค่าแปรผันอัตโนมัติ

สำหรับราคาจำหน่ายของเอสยูวีคูเป้ตัวแรงสุดของค่ายสี่ห่วงยังไม่เปิดเผยตอนนี้ แต่มีการคาดเดาว่าจะอยู่ราว 108,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 3,348,000 บาท) นับว่าราคาน่าคบหาไม่น้อยที่ต่างประเทศ

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg src=”galleries” ids=”1175″ display=”basic_thumbnail”]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่