เวลาผ่านไปแล้ว 12 ปี หลังจาก Aston Martin Vantage รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นบนโลกของสปอร์ตคาร์สุดหรู โดยครั้ง Vantage รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวมีการใช้โครงสร้างอลูมิเนียมเหมือนที่มีอยู่ใน DB11 เป็นจำนวน 70% ของรถทั้งหมด และที่สำคัญคือขุมพลังหลักเป็นของ Mercedes-AMG แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร

 

Aston Martin Vantage

 

แค่เพียงเห็นก็รู้ทันทีเลยว่า Aston Martin Vantage 2018 มีเส้นสายคล้ายกับ DB10 รถของเจมส์ บอร์น พยัคฆ์ร้าย 007 โดยด้านหน้าดูดุดันด้วยช่องดักอากาศแบบเกล็ดฉลาม ขณะเดียวกันที่ด้านข้างก็มีความเหมือนกับรถโมเดลก่อน แต่ขัดเกลาให้ดูลงตัวกับมิติตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้าย นอกจากนี้ด้วยการใช้โครงสร้างอลูมิเนียมรุ่นล่าสุดเกือบ 70% ของรถ น้ำหนักรถจึงอยู่เพียง 1,530 กิโลกรัมเท่านั้น

 

 

หัวใจหลักที่สร้างพลังขับเคลื่อนหยิบมาจาก Mercedes-AMG แบบเบนซินเทอร์โบคู่ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 510 ตัว กับแรงบิดมหาศาล 685 นิวตันเมตรตั้งแต่ 2,000-5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF สามารถเร่ง 0-100 กม.ต่อชั่วโมงได้ใน 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 314 กม.ต่อชั่วโมง

 

 

ปัจจัยเพิ่มความสนุกที่ขาดไปไม่ได้สำหรับรถสมัยใหม่ก็คือโหมดขับขี่ โดยเจ้า Vantage มีทั้งสิ้น 3 แบบ ได้แก่ Sport, Sport Plus และ Track ซึ่งจะปรับกำลังเครื่อง ระบบเกียร์ ช่วงล่าง และการตอบสนองของพวงมาลัยให้เหมาะสมต่างกันไป นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Vantage เพิ่มระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ที่ทำการควบคุมพลังที่ส่งไปสู่ล้อหลัง

 

 

แง่ของมิติตัวรถ Vantage มีความยาว 4,465 มิลลิเมตร สั้นกว่ารุ่นพี่ DB11 อยู่ 284 มิลลิเมตร หรือสั้นกว่า Porsche 911 ที่ 34 มิลลิเมตร ยิ่งไปกว่านั้นการจัดวางน้ำหนักตัวรถก็มีสัดส่วนด้านและหลังที่ 50:50 ส่งผลให้การขับขี่มีสมดุลและสนุกสนานมากกว่าโมเดลก่อน ด้านระบบเบรกให้มาขนาด 400 มิิลลิเมตรพร้อมคาลิปเปอร์ 6 สูบ ที่ล้อหน้า ขณะเดียวกันด้านหลังมีขนาด 360 มิลลิเมตรกับคาลิปเปอร์ 4 สูบ เหนือสิ่งอื่นใดคือล้ออัลลอย 20 นิ้ว ลายพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะ Vantage และห่อหุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero ขนาด 255/40 R20 ที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังใช้ 295/35 R20

 

 

ห้องโดยสารถูกออกแบบใหม่ให้สปอร์ตแต่เรียบหรูสไตล์อังกฤษ ทั้งนี้ระบบสาระบันเทิงภายในใช้ของ Mercedes-Benz เช่น จอกับระบบควบคุม เกี่ยวกับอุปกรณ์พื้นฐานเจ้านี่ก็จัดให้ครบถ้วน ตั้งแต่กระจังหน้าไททาเนียม ปลายท่อไอเสียคู่แบบสแตนเลส เบาะสปอร์ต ภายในหุ้มด้วยหนังอัลคันทารา เครื่องปรับอากาศแยกส่วน กุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ท ระบบตรวจสอบลมยาง รวมถึงเซนเซอร์ช่วยจอดหน้าและหลังกับกล้องมองภาพ

 

 

อย่างไรก็ตามการเปิดตัวของ Aston Martin Vantage ในไทยคงต้องรออีกสักพัก เพราะก่อนหน้านี้ไม่มานานผู้แทนจำหน่ายในไทยเพิ่งเผยโฉม DB11 ไปด้วยราคา 21.9 ล้านบาท ซึ่งเจ้า Vantage รุ่นใหม่คงมีราคาต่ำกว่าอยู่ราว 16-18 ล้านบาท

 

 

ช่วยเป็นกำลังใจให้เรา

 

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่