KIA Stonic คือรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็กของแบรนด์เกาหลีที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2017 และได้รับการปรับโฉมเล็กมาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะยังไม่พอสำหรับการขายต่อในปี 2026

2026 KIA Stonic จึงมาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่อีกครั้งบนพื้นฐานโครงสร้างเดิม นั่นจึงหมายความว่า คราวนี้ ตัวรถก็ยังคงมีความแตกต่างจากรุ่นพี่ แค่ในเรื่องของการแต่งหน้าทาปากใหม่ โดยจะหันไปใช้แรงบันดาลใจจากเหล่ารถยนต์ไฟฟ้าตระกูล “KIA EV_” เพื่อความทันสมัยที่มากกว่าแทน
โดยสังเกตได้จากการเลือกออกแบบไฟหน้าใหม่ ให้เป็นลักษณะ Tiger Face ทั้งจากการวางแนวดวงไฟแนวตั้ง แต่เสริมความโดดเด่นด้วยแถบไฟ DRL ขนาดใหญ่, กันชนหน้าเพิ่มภาพลิกษณ์ติดลุยนิดๆ ด้วยชิ้นกรอบกันกระแทกสีเงินบนช่องดักลมที่ใช้กรอบพลาสติกด้านเช่นเดียวกับชายล่างตัวถังรอบคัน
จากนั้นก็มีการปรับงานออกแบบไฟท้ายใหม่ ให้คล้ายกับไฟหน้า เช่นเดียวกับกันชนท้ายที่ดูเหลี่ยมสันขึ้น บึกบึนกว่าเดิม และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวรถยาวขึ้นกว่าเดิมอีก 65 มิลลิเมตร เป็น 4,165 มิลลิเมตร
นอกนั้นในส่วนของแก้มข้าง, บานประตู, หลังคา กรอบกระจกรอบคัน ยันกรอบกระจนบนประตูบานท้ายกับสปอยเลอร์หลัง ล้วนยังคงเดิมทั้งหมด
ภายในห้องโดยสารเองก็มีการปรับงานตกแต่งใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนจากการเน้นเส้นสายโค้งมนของรถยนต์จาก KIA ยุคปี 2010’s เป็นงานตกแต่งแบบเดียวกับเหล่ารถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ยุคปัจจุบัน ทั้ง พวงมาลัยแบบ 2 ด้าน และปุ่มมัลติฟังก์ชัน พร้อมการแปะโลโก้แบรนด์ไว้เยื้องขวาบนปุ่มแตรตรงกลาง, คอนโซลหน้าแบบ 2 เลเยอร์ ระหว่างชั้นบน กับแถบช่องแอร์ โดยมีชุดหน้าจออันโฟเทนเมนท์กับ จอแสดงผลข้อมูลตัวรถ ขนาดจอละ 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อเป็นแผงเดียวกัน และยังติดตั้งแบบกึ่งลอยตัวจากคอนโซลขึ้นมาอีกที
นอกนั้นจะมีการเพิ่มปุ่มควบคุมระบบลูกเล่นต่างๆไว้ที่ฐานคันเกียร์, เพิ่มถาดชาร์จโทรศัพท์แบบ Wireless Charge, เพิ่มพอร์ทชาร์จไฟแบบ USB-C, เพิ่มระบบไฟแวดล้อม, และมีระบบ ADAS ซึ่งมีฟังก์ชันหลักมาให้ครบครัน ทั้ง Smart Cruise Control, Highway Driving Assist, และ Blind-spot Collision Avoidance Assist กับ Safe Exit Warning เป็นต้น

ขุมกำลังตัวรถ ยังคงเลือกใช้เครื่องยนต์ T-GDI แบบ 3 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า PS ในรุ่นเริ่มต้น และขยับเป็น 115 PS ในรุ่นที่ได้มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อนในลักษณะของระบบ Mild Hybrid ก่อนส่งกำลังทั้งหมดไปยังชุดล้อคู่หน้า ผ่านระบบเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า
โดยเบื้องต้นทาง KIA มีแผนจะวางจำหน่ายตัวรถรุ่นนี้ในทวีปยุโรป และออสเตรเลีย เป็นหลัก ส่วนในประเทศอื่นๆจะมีการประกาศข้อมูลอีกครั้งในภายหลัง