ทุกวันนี้ รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้ากลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยในตลาด การวางระบบขับเคลื่อนและระบบบังคับเลี้ยวไว้ด้วยกันมีเหตุผลมากมายร้อยแปด ที่ทำให้บริษัทรถยนต์คิดว่าคงดีกว่าถ้ารถใหม่ๆจะเป็นแบบนั้น

หากคนรุ่นเก่าและคนที่ชื่นชอบการขับรถกลับยังคงถวิลหารถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังอยู่ไม่เสื่อมคลาย

รถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นการวิศวกรรมตั้งแต่ครั้นอดีต วิศวกรจะจัดวางเครื่องยนต์ชุดเกียร์ระบบบังคับเลี้ยวไว้ทางด้านหน้า แต่จะส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง ปัจจุบันในตลาดเหลือเพียงรถกระบะและสปอร์ตบางรุ่นเท่านั้น เราจะมาสำรวจว่า ทำไมความจริงรถขับเคลื่อนล้อหลังอาจจะดีกว่าขับหน้า

1.กระจายน้ำหนักดีกว่า

คนขับรถทั่วไป ไม่คิดถึงเรื่องการกระจายและสมดุลน้ำหนักในรถที่ตัวเองใช้มากมายนัก แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบขับรถ หรือขับรถซิ่งสมดุลน้ำหนักหมายถึงทุกสิ่งในการขับขี่ สมดุลรถที่ดี เช่นในรถยนต์อย่าง   Mazda MX-5   ให้ผลดีในการเกาะโค้งเกาะถนนมากขึ้น

Mazda MX-5 30th Anniversary Edition

ทั้งหมดเป็นเหตุผลในแง่การกระจายน้ำหนัก หรือ  Weight distribution  ซึ่งการวางระบบขับเคลื่อนและการบังคับเลี้ยวไว้ในที่เดียวแบบรถขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้น้ำหนักทั้งหมดถูกวางไว้ในจุดเดียว

ขณะที่รถขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีการวางเครื่องยนต์ตามแนวยาวของตัวรถหรือ Longtitude   เครื่องและเกียร์แทบจะถูกวางต่อกันลึกเข้ามาทางด้านในตัวรถ ไม่ได้แพ็คอยู่ที่ด้านหน้าในห้องเครื่องเท่านั้น

แถมมันยังมีเพลาขับและเฟืองท้ายต่อไปยังด้านหลัง ทำให้ในภาพรวมน้ำหนักจะไม่ไปกองรวมกันทางด้านหน้า ส่งผลให้โดยส่วนใหญ่รถขับเคลื่อนล้อหลัง (เครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง) จะมีอัตราการกระจายน้ำหนักดีกว่า จึงนิยมในรถสปอร์ตหลายรุ่น ที่ต้องการสมรรถนะในการขับขี่

2.เข้าโค้งดีกว่า

ถ้าคุณมีโอกาสขับรถปัจจุบันขึ้นโค้งบ่อยๆ จะพบว่า มันขับยากในระดับหนึ่ง คุณต้องกะการบังคับเลี้ยวโฟกัสกับพวงมาลัยมากเป็นพิเศษ แล้วอาจจะรู้สึกเครียดกับมัน หลายครั้งคงเคยพบหักเลี้ยวน้อยไปรถก็จะไม่เปลี่ยนทิศ และบางครั้งหักเลี้ยวมากไป รถก็เหมือนจะข้ามเลน หรือไปกินเลนชาวบ้าน

นั่นเพราะการวางระบบบังคับเลี้ยวกับระบบขับเคลื่อนไว้ด้วยกัน ทำให้รถขับเคลื่อนล้อหน้าออกมาเป็นอย่างนั้น และเมื่อคุณขับรถขับเคลื่อนล้อหน้าบนถนนต่อเนื่องจะรู้สึกว่ามันต้องควบคุมพวงมาลัยมากและบางทีไม่ได้สนุกเลย

เรื่องทำนองเดียวกันไม่เกิดขึ้นกับรถขับหลัง การวางระบบบังคับเลี้ยวกับล้อขับเคลื่อนแยกจากกัน ทำให้ คุณมีอิสระในการบังคับทิศทางรถดีกว่า  รวมถึงในถนนที่คดเคี้ยวต่อเนื่องรถขับเคลื่อนล้อหลังยังลดความเหนื่อยล้าการบังคับเลี้ยวดีกว่าขับหน้า

อันที่จริงในนักขับที่มีทักษะสูง อาจใช้การควบคุมคันเร่งเข้าช่วยในการเข้าโค้งร่วมด้วย ทำให้ คุณไม่ต้องหักพวงมาลัยเยอะเหมือนรถขับหน้า เนื่องจากเมื่อฝึกจนชิน สามารถหักพวงมาลับเล็กน้อย และใช้คันเร่งที่ปันล้อทางด้านหลัง ช่วยผลักให้รถเปลี่ยนทิศทางได้ตามต้องการ

3.ความรู้สึกพวงมาลัยดีกว่า

ด้วยการไม่มีการขับเคลื่อนมาอยู่ในล้อบังคับเลี้ยว นักขับส่วนใหญ่ลงความเห็นว่ารถขับเคลื่อนล้อหลังให้ความรู้สึกการบังคับเลี้ยวดีกว่า เนื่องจากไม่มีการขืนการบังคับเลี้ยวจากการขับเคลื่อน ทำให้การบังคับทิศทางอาจไม่เป็นไปตามใจนึก และยังกะการเข้าโค้งได้แม่นยำกว่าด้วย

4.การเกาะถนนดีกว่า

ทำไมรถขับหลังจึงเกาะถนนดีกว่า หลายคนอาจจะสงสัย

อย่างที่เรากล่าว่ารถขับหลัง โดยมากจะวางเครื่องยนต์ไว้ข้างหน้า แล้วส่งกำลังขับไปทางด้านหลัง หรือต่อให้เป็นรถแบบเครื่องยนต์วางกลางแล้วขับเคลื่อนล้อหลังก็มีความเหมือนกันอยู่ประการหนึ่ง คือเมื่อคุณกดคันเร่งไปแล้ว ล้อหลังจะเป็นตัวขับกำลัง

ในจังหวะออกตัวน้ำหนักจะถ่ายจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อให้ล้อหลังเกาะถนน ส่วนทางด้านหน้าก็ยังมีน้ำหนักจากเครื่องยนต์ด้วย (ถ้ารถเครื่องวางกลางน้ำหนักจะถูกกดทับโดยน้ำหนักผู้ขับขี่) ทำให้มีกำลังผลักดีกว่า รถขับหน้า

Toyota Supra 2019 สลับเครื่อง 2JZ

ส่วนเวลาเข้าโค้งด้วยการวางเครื่องยนต์ตามแนวยาว และชุดเกียร์อยู่ใต้ห้องโดยสาร ทำให้ จุดศูนย์ถ่วงมักจะอยู่เกือบกลางรถ น้ำหนักเครื่องช่วยกดล้อบังคับเลี้ยวทางด้านหน้าให้เกาะถนน ด้านหลัง ใช้น้ำหนักอีกส่วนจากเกียร์ ผู้ขับขี่ ตลอดจนเฟืองท้าย มากดล้อขับเคลื่อน ทำให้ในความเป็นจริงน้ำหนักกดทับมี 4 ล้อ จึงเข้าโค้งดีกว่า เกาะถนนมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็ว

5.ดีกว่าในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การแนะนำรถยนต์ขับหน้าออกสู่ตลาด ส่วนหนึ่งผู้ผลิตคิดว่า พกเขาช่วยให้ผู้ซื้อปลอดภัย เนื่องจากรถขับหน้ามักจะเกิดอาการหน้าดื้อเพียงอย่างเดียว  และแก้ได้ด้วยการเบรก หรือยกคันเร่ง เพื่อแก้ไขสถานการณ์

แต่ความจริงแล้วรถขับหลังก็มีดีในเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นกัน เริ่มจาก ถ้าต้องเบรกอย่างรุนแรง  รถขับเคลื่อนล้อหน้าอาจจะมีอาการท้ายปัดที่ไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากน้ำหนักทั้งหมดถูกถ่ายโอนมาด้านหน้าในระหว่างการเบรก  ทำให้ล้อหลังเกาะถนนน้อยลง ท้ายลอยและเริ่มเป๋อย่างไร้ทิศทาง จนบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการรถหมุนได้

2018 Nissan 370Z Heritage Edition 8

กลับกันรถขับหลังเมื่อเบรกอย่างรุนแรงน้ำหนักจะถูกถ่ายมากด้านหน้ามากเช่นกัน แต่ด้วยน้ำหนักจากเพลาขับ , เฟืองท้าย ทำให้มีน้ำหนักกดทับอยู่ส่วนหนึ่ง ตลอดจนคุณยังสามารถอาศัยการเบรกเชิงกลหรือ Engine Brake  ลดกำลังขับของล้อทางด้านหลัง ทำให้แม้จะเบรกอย่างรุนแรงในรถขับหลัง ก็มักจะไม่มีอาการเป๋หรือเสียการควบคุม (ถ้าไม่ใช่รถท้ายเบาอย่างรถกระบะ)

อย่างไรก็ดี รถขับหลังยังมีดีซ่อนอยู่อีกในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในอดีต ก่อนยุคระบบเบรกป้องกันล้อล็อค หรือการควบคุมการทรงตัวจะเกิดขึ้นจนเป็นมาตรฐานแบบในวันนี้  ในอดีตรถส่วนใหญ่ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง ได้รับการยอมรับว่า สามารถหลบหลีกสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีกว่า คุณสามารถหักหลบได้ง่ายกว่าขับเคลื่อนล้อหน้า

และในจังหวะฉุกเฉิน เช่นตกใจหมาตัดหน้า หรือกำลังจะชนต้นไม้ คุณยังพอจะมีโอกาสบังคับเลี้ยวหนีภยันตราย เมื่อคุณเบรกอย่างรุนแรง ส่วนรถขับหน้าถ้าเบรกรุนแรง (โดยไม่มี  ABS)   ล้อหน้าล็อค จนทำให้เกิด   understeer  หรือหน้าดื้อ คุณจะไม่สามารถบังคับเลี้ยวได้ หรือเรียกว่า โอกาสแทบจะเป็นศูนย์ในการรอดจากอันตราย

6.ขับสนุกกว่า

หลายคนชื่นชอบรถขับหลังเพราะว่าเอาตราตรง พวมันขับสนุกกว่า คุณสามารถสนุกกับรถได้ทุกเมื่อทุกที่ เช่นในยามเข้าโค้ง หรือถ้ารถคุณมีความแรงมากพอ เวลาออกตัวมันจะรู้สึกราวกับคุณถูกถีบออกราวกับมีจรวดติดหลัง

นอกจากนี้รถขับหลังที่มีพละกำลังเครื่องยนต์ยังสามารถเข้าโค้งด้วยการใช้ล้อหลังควบคุม หรือ  Drift   ได้เป็นสิ่งที่รถขับหน้าขับสี่ไม่มีวันทำได้ และอดีตพิธีกรรายการ   top Gear   ที่มีฝีมือในการขับรถอย่าง เจเรมี่ คลากสัน เคยบอกว่า เชื่อเถอะว่า คนชอบการควบคุมเมื่อรถมีอาการท้ายปัดหรือ  Over Steer   มากกว่า การตกใจตื่นกลัวเมื่อไม่สามารถควบคุมได้อย่างขับเคลื่อนล้อหน้า มันอาจจะยากที่จะอธิบายให้คนขับรถทั่วไปฟัง  แต่นักขับตัวจริงจะชอบการควบคุมเมื่อท้ายไหลมากกว่า เพราะความจริงคุณยังควบคุมได้ ถ้าเข้าใจ

7.ช่างส่วนใหญ่ว่าซ่อมง่ายกว่า

ด้วยการวางระบบขับเคลื่อนล้อหน้ากับระบบบังคับเลี้ยวไว้ด้วยกัน ทำให้หลายครั้งเมื่อคุณจะซ่อม เครื่อง – เกียร์ โดยมาก จะต้องยกออกมาทำข้างนอก โดยปลดแพหน้าทั้งหมด ซึ่งรวมถึงระบบช่วงล่าง เพื่อยกเครื่องหรือเกียร์ออกซ่อม

กลับกันในรถยนต์ขับหลัง ช่างที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ จะไม่ยกเครื่องหรือเกียร์ออกมาทั้งยวง พวกเขาสามารถซ่อมแยกส่วนได้ เนื่องจาก เครื่องและเกียร์ไม่ได้หมกไว้ในที่เดียวกัน แถมการยกเครื่องออกมา ในรถหลายรุ่นไม่จำเป็นต้องถอดแพช่วงล่างออกมาด้วย จึงง่ายกว่า และบางครั้งไม่จำเป็นต้องมีเครื่องมือขั้นสูงเช่น ลิฟท์ยกรถ ก็ได้ 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่