เริ่มกลายเป็นที่ตื่นกลัวของหลายคน  หลังมีกระแสสังคมคนใช้รถหลายรุ่นหลายยี่ห้อ เริ่มออกมาเปิดเผยให้เห็นถึงความชอกช้ำในการซ่อมระบบเกียร์ CVT  จนมาถึงตรงนี้หลายคนที่กำลังจะซื้อรถใหม่ หรือใช้อยู่ อาจเริ่มปอดขึ้นมาบ้าง

เกียร์  CVT   หรือ  Continuous Variable Transmission  เป็นเทคโนโลยีที่มีใช้มานานในต่างประเทศ คนไทย เพิ่งมาคุ้นกับมันในช่วงต้นยุค 2000 ก่อนจะล้างลาไป แล้วกลับมาใหม่อีกครั้งในช่วงปี 2010 หลังนิสสันเริ่มแนะนำรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีโค่คาร์ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก 

ระบบเกียร์ใหม่ถูกชูความสามารถในการขับขี่ พ่วงมาพร้อมความประหยัด แถมยังขับได้นิ่มนวลนั่งสบาย แต่ระยะหลังเราเริ่มเห็นผู้ใช้รถออกมาพูดทางเดียวกันว่า เกียร์แบบนี้มีโอกาสพังสูงมาก และเมื่อมันเสียหายก็มีค่าใช้จ่ายสูงตามมาด้วย

หลักการของเกียร์  CVT   ในปัจจุบัน ไม่ว่าคุณใช้รถยนต์รุ่นยี่ห้อไหนที่ขับด้วยระบบเกียร์   CVT (ยกเว้นระบบ  E-CVT ในกลุ่มรถไฮบริด) จะเหมือนกันด้วยการใช้ลูกรอก 2 ตัว ทำงานกับสายพานเหล็กที่จะปรับเปลี่ยนจังหวะไปตามที่หน่วยประมวลผลคอมพิวเตอร์เห็นสมควร ตอบรับการใช้งานของเราในช่วงเวลานั้นๆ

จุดอ่อนสำคัญของระบบเกียร์   CVT   อยู่ที่ชุดสายพานเหล็กที่ทำงานกับลูกรอกทั้ง 2 ตัว จะต้องรับแรงตึงเครียดจากลูกรอกตลอดเวลา จนกว่าเราจะหยุดรถ หรือเลิกใช้งาน ซึ่งการหมุนเปลี่ยนจังหวะต่อเนื่องนี่เอง ทำให้สายพานมีโอกาสล้าหรือเสียหายได้ในระยะยาวหากใช้ไม่ถูกต้อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณขับรถด้วยความเร็วต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือ มีการเร่งการกระชากบ่อยครั้ง ชุดสายพานอาจจะต้องรับแรงดึง-แรงฉุด มากกว่าการขับไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วคงอย่างที่คนปกติเขาทำกัน

ดังนั้นเพื่อให้เกียร์   CVT   ในรถคู่ใจคุณอยู่ยาวนานที่สุดมากเท่าที่จะเป็นไปได้  เรามาดูสิว่าควรทำอย่างไรบ้าง

1.ไหลรถก่อนเสมอ

ด้วยความเป็นเกียร์สายพาน การปล่อยเบรกให้รถไหล ก่อนเติมคันเร่ง ช่วยลดแรงฉุดจากแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ให้สายพานเกิดความเครียดได้ โดยเฉพาะในยามรถติด ถ้าคุณเบรกแล้วเร่งออก สายพานจะถูกฉุดด้วยแรงบิดต่อเนื่องเรื่อยๆ จะมีผลเสียในระยะยาว

2.อย่าเลี้ยงคันเร่งหยุดรถบนเนิน

คนจำนวนไม่น้อยชอบใช้เทคนิคเลี้ยงคันเร่งบนเนินเพื่อหยุดรถแล้วรอจังหวะออกตัว หลายคนทำแบบนี้ โดยเฉพาะคนขับมือเก๋า เพราะกลัวรถไหล หรือไม่ก็จะได้มีจังหวะออกตัวเลย  พฤติกรรมดังกล่าวส่งแรงเครียดถึงสายพานในเกียร์มากกว่าที่คิด เนื่องจาก ลูกรอกในเกียร์จะรับแรงบิดจากเครื่องยนต์ต่อเนื่องในขณะที่ลูกรอกอีกด้านที่หมุนเพลาขับกลับไม่สามารถขับเคลื่อนล้อได้  ทำให้เกิดแรงดึงที่สายพาน  ถ้าต้องจอดติดขึ้นเนินให้เหยียบเบรกจะดีกว่า เดี๋ยวนี้เขามีระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน Hill start assist   แล้ว ไม่ต้องกลัวรถไหล เวลาออกตัว

3.ติดนานควรเข้า  N 

เมื่อรถติดนานๆ ควรเข้า   N   เป็นข้อแนะนำที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากต่างประเทศ เนื่องจากเมื่อเราเข้า   N  ชุดเกียร์จะทำการปลดตัว   torque Converter   ที่ต่อกับเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้มีการส่งแรงบิดมาชุดเกียร์เป็นการชั่วคราว เมื่อไม่มีแรงบิดก็ไม่มีการหมุนลูกรอก ลดภาระเรื่องแรงเครียดสายพานได้มากกว่าการเข้าเกียร์  D   แล้วเหยียบค้างไว้

แต่ถ้าคุณติดไฟแดงแค่ไม่กี่นาที 60-120 วินาที ก็ไม่จำเป็นต้องปลดมาเกียร์  N   ก็ได้ครับ เพราะการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ไปมาเร็วๆ นอกจากจะทำให้โซลินอยเสียแล้ว บางทีรับเผลอเรอ เราก็ปลดมา  D  รีบออกตัว กลายเป็นกระชากสายพาน ทำเรื่องดีกลับกลายเป็นเรื่องร้ายไม่รู้ตัวมาก่อน

4.หยุดรถให้นิ่งก่อนเปลี่ยนทิศทางขับ

เวลาเราขับรถเดินหน้า-ถอยหลัง เช่น ในห้าง หรือลานจอดรถ บางคนก็มีมารยาทเกรงใจเพื่อนร่วมทางมากเกินไป จนทำอะไรรีบร้อน โดยเฉพาะเวลาเราเดินหน้าถอยหลังรถ ขอให้มั่นใจว่า เราหยุดรถนิ่งสนิทก่อนเปลี่ยนทิศทางขับ เพื่อไม่สร้างแรงตึงให้สายพานโดยไม่จำเป็น

5.อย่าไหลรถด้วยเกียร์  N   

เชื่อว่าหลายคนคงทำบ่อยกับรถเกียร์ธรรมดา ด้วยการไหลรถแล้วเข้าเกีร์ที่มีอัตราทดต่ำ เพื่อประหยัดน้ำมันมากขึ้นสักหน่อย เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง ถึงคุณจะประหยัดได้ในวันนี้ก็อาจต้องเสียมากในวันหน้า เมื่อชุดคลัทช์ลาโลกอย่างรวดเร็ว

สำหรับเกียร์  CVT   ความเสียหายอาจไม่เกิดกับชุดคลัทช์แต่เป็นสายพานในชุดเกียร์ ซึ่งจะต้องรับแรงบิดจากการฉุดกระชากของทางล้อกับทางเครื่องยนต์พร้อมกัน และนั่นทำให้ในระยะยาวมันอาจพังง่าย

Nissan-note-review-ridebuster (6)

6.ใช้เกียร์  S  หรือ  Overdrive   ให้เป็น

หลายคนขับรถเกียร์ออโต้ รู้แต่ว่า กดคันเร่ง กดลึกกว่า เปลี่ยนจากเร่งเป็นซิ่ง แต่ลืมคิดว่ารถที่เราใช้ก็มีออพชั่นช่วยขับขี่อื่นพร้อมรับใช้ยามที่คุณต้องการเร่งความเร็ว โหมด  S   ที่แป้นเกียร์ และบางยี่ห้อ อาจเป็นปุ่ม  Overdrive คือโหมดการขับขี่ที่มีมาให้เผื่อคุณต้องการทำความเร็ว

มันให้คุณสมบัติเทียบเท่ากับการคิกดาวน์ แต่ดีกว่าตรงที่คุณบอกเกียร์ว่ากำลังจะทำอะไร เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งหรือกดปุ่ม เราจะพบว่าเกียร์ไม่กระชาก ถ้าเทียบกับการขับด้วยวิธีการคิกดาวน์ จะมีการกระชากมากกว่าพอควร

แต่ผมก็ไม่แนะนำให้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงมาก ในเกียร์  CVT   เนื่องจากอาจจะส่งผลต่อสายพานในระยะยาวจากความร้อนสะสมในเกียร์ รวมถึง การต้องรับแรงบิดสูงสุด ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ อาจทำให้สายพานล้าได้ในอนาคต

7.อย่าเขยื้อนรถไว

เวลารถติดในบ้านเรา อาจจะต้องรีบจี้ไปข้างหน้า เพื่อไม่ให้คนอื่นเขาแทรกเข้ามาได้ แต่ในความเป็นจริง การเขยื้อนทีละนิดไม่เป็นผลดีกับ เกียร์  CVT  เลย คุณต้องเพิ่มแรงบิดช่วงสั้นๆ แล้วเบรก การหมุนสายพานในเกียร์ก็ทำตามอย่างที่เรากำลังบอกคุณเช่นกัน เมื่อคุณเร่ง ลูกรอกฝั่งเครื่องยนต์หมุนเร็ว เพื่อส่งกำลัง เมื่อเบรก แรงดึงจากลูกรอกฝั่งชุดล้อ จะให้แรงเสียดทานแรงตึงกับสายพาน

ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ เช้าเย็นทุกวัน สายพานก็น่าจะเสื่อมสภาพและล้าได้ง่าย จนคุณอาจประหลาดใจ และคิดว่ามันเปราะบางทั้งที่กรำศึกมานานมาก

 

จากทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา เชื่อว่าน่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ยืดอายุเกียร์  CVT   ได้ยาวนาน ซึ่งผมเชื่อว่าหลักๆ เกียร์จะมีปัญหาหรือไม่ข้อสำคัญมาจากการขับขี่ของเรามากกว่าปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่