เวลาเราเลือก “รถใหม่” เราหลายคนต่างมีเหตุผลของตัวเองในการมองหารถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ให้กับความต้องการในการซื้อของเรา หลาครั้งเราพบว่า ความต้องการจบลงด้วยการซื้อรถใหม่ที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม

และทำให้หลายคนตัดสินใจผิดพลาด ต่อไปนี้ คือ 7 เรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดเวลาซื้อรถใหม่

1.ซื้อ PPV 7 ที่นั่ง ขนได้ทั้งครอบครัวสบายกว่า จริงหรือ

จริตคนไทยชอบซื้อรถยนต์เผื่อไว้ก่อน กลัวว่าอนาคตจะไม่ได้มีโอกาสในการซื้อรถคันใหม่อีก ประเด็นหนึ่งที่คนไทยมักเข้าใจผิดมาโดยตลอด ข้อหนึ่งตกเป็นกรณีซื้อรถยนต์ 7 ที่นั่ง โดยเฉพาะอเนกประสงค์ขนาดกลาง ที่มาจากกระบะ หรือ   PPV  ประเภท  Isuzu  Mu X ,Toyota  Fortuner    คนจำนวนไม่น้อยชอบคิดว่ามันคุ้มค่ากว่า เพราะ สามารถโดยสารได้ 7 ที่นั่ง วันไหน ต้องขนพ่อตาแม่ยายไปก็ครบทั้งครอบครัวดูคุ้มค่มากกว่า

ความจริง …. รถยนต์อเนกประสงค์   PPV   เป็นรถกลุ่มที่มาจากกระบะ ซึ่งได้รับความนิยมมากตั้งแต่ช่วงยุคต้นปี 2000 การออกแบบให้สามารถนั่งได้ 7 ที่นั่ง นั้นเป็นความสามารถที่ถูกนำมาชูเป็นจุดเด่น จนหลายคนเข้าใจผิดไม่น้อย รถเหล่านี้ นั่งได้ 7 ที่นั่งจริง แต่เป็นที่นั่งแบบที่เรียกว่า 5+2 หรือหมายถึง จริงๆ แล้ว นั่งได้ 5 คน แต่ถ้าอยากนั่ง 7 ก็มีเบาะมาให้นั่ง แต่คุณต้องสูญเสียพื้นที่ในการขนสัมภาระไป

ปัญหาถ้าคุณคิดว่าซื้อมานั่ง 7 ที่นั่ง คือ สัมภาระจะไปไว้ที่ไหน แล้วที่สำคัญ เบาะนั่งแถวที่ 3 ไม่ได้ออกแบบมาให้ผู้ใหญ่นั่ง มันเหมาะสำหรับเด็กๆ นั่งโดยสารมากกว่า ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีครับ ว่า ซื้อรถ 5 ที่นั่งปกติ ประหยัดเงินกว่า แล้วอยากพาคนแก่เที่ยวจริง ค่อยพาขึ้นเครื่องเหิรฟ้า ไปจะดีกว่าไหม .. อีกอย่างท้ายสุดคนแก่ไม่ค่อยเที่ยวหรอก จริงๆ นะ พาไปกินข้าวอร่อยๆ แถวบ้าน หรือ มีลูกหลานอยู่ด้วยก็พอใจ

2.เครื่องเล็กประหยัดกว่าเครื่องใหญ่มาก

หลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็กถูกพูดถึงในเชิงความประหยัดมากมาย จนเราทุกคนรับภาพความคิดว่า ถ้าอยากจะได้รถที่มีความประหยัด ต้องซื้อรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดเล็ก มันจะให้ความประหยัดกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่ามาก จนต้องซื้อเมื่อมองหาความประหยัด

ความจริง รถยนต์เครื่องยนต์ขนาดเล็กอาจมีความประหยัดกว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จริง แต่ไม่ใช่ในทุกรูปแบบการขับขี่ ขุมพลังจิ๋วพวกนี้เหมาะจะใช้ขับในเมือง เดินทางใกล้ๆ และไม่ใช้ความเร็วมากมายนัก

แต่ถ้าคุณขับรถด้วยความเร็ว ขับนานๆ เดินทางไกลๆ บ่อยๆ จะค้นพบว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็กเหล่านี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความประหยัดอย่างที่คุณคิด โดยเฉพาะถ้าคิดซื้อรถเดินทางไกล กำลังเครื่องยนต์อันน้อยนิด เมื่อเจอสัมภาระบางครั้งก็ไม่ได้ประหยัด เมื่อเทียบกับรถที่มีเครื่องใหญ่กว่า

ผมเคยลองขับ   Nissan X Trail   เครื่อง 2.5  ลิตร ที่หลายคนอาจจะคิดว่ามันกินน้ำมันแหลกไปหัวหิน เส้นทางเดียวกัน เคยเอา Subaru  XV  เครื่อง 2.0 ลิตร มาขับ ปรากฏว่า   Nissan  X Trail  ประหยัดกว่าเล็กน้อย ประมาณ 0.5 ก.ม./ลิตร แม้จะใช้ความเร็วเท่ากัน และลักษณะการจราจรเหมือนกัน

แต่ถ้าคิดจะเอาเจ้า 2.5 เข้าเมือง เตรียมใจไว้เลย มันซดกว่าแน่นอนครับ ดังนั้นที่ถูกต้อง คือเลือกขนาดเครื่องยนต์ในรถที่เราจะซื้อให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ครับ

3.ขับเคลื่อนสี่ล้อ ได้ใช้แค่ไหนกัน …

พอมีใครตั้งคำถามว่า “ซื้อรถขับเคลื่อนสี่ล้อดีไหมครับ” สักพักก็จะมีคนมาตอบด้วยวลีทีเด็ดว่า “มีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” แต่ที่เขาไม่ได้บอกในหมายเหตุ คือว่า ของที่มีแล้วไม่ได้ใช้ ก็มีค่าบำรุงรักษานะครับ ..

รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ไม่ว่าแบบไหน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เพิ่มขึ้นมาช่วยขับเคลื่อน มาพร้อมกับค้าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นด้วยเป็นเงาตามตัว 

หลายคนชอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า ซื้อรถขับเคลื่อนสี่ล้อไปแหละ เจ็บแต่จบดีกว่า ยังไงเดี๋ยวเราก็มีโอกาสจะไปเที่ยวป่าเที่ยวเขาอยู่บ้างแน่ๆ

ทั้งที่ความจริงของชีวิต เราจะมีโอกาสมากสักเท่าไร ไปลุยสมบุกสมบันในวันว่าง การเที่ยวป่า ไปออฟโรดไม่ได้เหมือนขับรถไปโรงแรม กิจกรรมกลางแจ้งขับรถลุยป่า ไม่ใช่มีรถขับเคลื่อนสี่ล้อ จะห้าวไปไหนก็ได้  คุณต้องรู้จักเสน้ทาง และมีการเรียนฝึกทักษะพื้นฐานด้วย 

ถ้าคุณเป็นคนที่ยังไม่พร้อมจะใช้ชีวิตสมบุกสมบันขนาดนั้น รถขับเคลื่อนสี่ล้อสักคันในชีวิต จะกลายเป็นเพียงภาระค่าผ่อนรายเดือน และค่าบำรุงรักษา ที่เพิ่มขึ้น แทนที่คุณจะมีเงินเหลือใช้ในแต่ละเดือน

4.ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมันก็เหมือนกันหมด

เรื่องนี้บอกเลยว่า ไม่ใช่อย่างที่คิด …. ผมยังจำได้เมื่อเร็วๆนี้มีคลิป หนึ่งเป็นรถอเนกประสงค์ประเภทครอสโอเวอร์ วิ่งพุ่งพลาวลงน้ำ แล้วติดกลางลำธาร เพราะเข้าใจว่ารถตัวเองเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ยังไงก็น่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ

ความจริงแล้วระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ปัจจุบัน มี 2 แบบใหญ่

1.4WD   เป็นระบบที่มักใช้ในพวกรถกระบะ ระบบแบบนี้จะทำงานตามการเลือกของผู้ขับขี่ว่าเมื่อไร พวกเขาควรจะใช้โหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ , โหมด 4 ล้อ ความเร็วสูง หรือจะใช้ 4 ล้อความเร็วต่ำ เมื่อ กด สวิทช์หรือหมุน ระบบจะทำงานตามความต้องการ 

แต่ระบบแบบนี้มีปัญหาสำคัญคือ โหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยเฉพาะ 4 ล้อความเร็วสูง นั้นจะไม่สามารถขับบนถนนเปียกเวลาฝนตกได้ เนื่องจากจะทำให้วงเลี้ยวกว้าง และควบคุมรถยาก

2. AWD  ระบบ  All Wheel Drive เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในโลกยุคใหม่ เน้นการใช้ระบบควบคุมการทรงตัวเข้าช่วยในการตัดสินใจว่า ท้ายสุดแล้ว ระบบจะขับเคลื่อนอย่างไร

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบนี้ใช้เซ็นเซอร์ต่างจำนวนมาก ดูแลระหว่างการขับขี่ และมีการตอบสนองทันที่ที่พบว่า รถอาจจะมีการลื่นไถลเกิดขึ้น ระบบจะทำการสั่งให้ขับเคลื่อนล้อหลังเกิดขึ้น บางระบบอาจจะขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา แล้วดูการส่งถ่ายกำลัง หรือหยุดถ่ายกำลัง เช่น ถ้าล้อหน้าขวาเกิดลื่นไถล จะถ่ายเทกำลังไปยังล้ออื่นทั่งมีความมั่นคงในการขับขี่เป้นต้น

ดังนั้นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแต่ละแบบไม่เหมือนกัน ต้องดูว่าระบบพวกนี้สามารถตองการขับขี่อะไรได้บ้าง บางแบบอาจสามารถลุยได้เกาะถนนดีด้วย เช่น  Symmetrical  All Wheel Drive ของ   Subaru  ซึ่งมีฟังชั่น   X Mode   ช่วยลุย เป็นต้น

5.รถกระบะประหยัดกว่ารถเก๋ง จริงหรือ

ข้อนี้เห็นบ่อยมาก หลายคนจะบอกว่า รถกระบะเป้นเครื่องดีเซลวอย่างไรก็ประหยัดกว่ารถเก๋ง ทังที่เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

เครื่องดีเซลประหยัดกว่าเบนซินจริงหรือไม่ ยังเป็นข้อที่หลายคนถกเถียงกันมาในวันนี้ แต่ภาพที่ทำให้คนไทยคิดว่า กระบะประหยัดกว่ารถเก๋ง มาจากเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งที่ความจริงแล้ว เครื่องดีเซลที่ใช้ในรถกระบะมีขนาดกลาง ปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ 1.9 ลิตร ไปยัน 2.8 ลิตร แต่ที่นิยมมากที่สุด คือกลุ่ม 2.5 ลิตร

จะเห็นได้ว่าเครื่องดีเซลในรถกระบะ ล้วนเป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และแน่นอนพวกมันกินน้ำมันมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ในอดีต กระบะประหยัดกว่ารถเก๋งเนื่องจากราคาน้ำมันดีเซล ถูกกว่ามาก แต่ปัจจุบันรถเครื่องเบนซินก็มีความสามารถในการใช้พลังงานทางเลือกได้หลากหลายมีหลายราคาตามต้องการ

และจากการลองขับทดสอบรถกระบะหลายรุ่น เราพบว่ารถกระบะจะมีอัตราประหยัดเฉลี่ย 12-13 ก.ม./ลิตร เมื่อขับเดินทางไกล ซึ่งรถเก๋ง-อเนกประสงค์เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร ก็ทำอัตราประหยัดได้พอๆ กัน ยิ่งปัจจุบันรถเบนซินสามารถใช้พลังงานทางเลือกได้ด้วย เผลอๆ จะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า

6. รถอเนกประสงค์ ไม่เหมือนกันทั้งหมด

ยุคนี้เป็นยุครถยนต์อเนกประสงค์เต็มเมือง พวกมันดูพร้อมลุย ตอบโจทย์ในการใช้งานหลากหลาย และหลายคนก้ทราบดีกว่า มันมีอยู่ 2 แบบ คือ 1. อเนกประสงค์จากพื้นฐานรถกระบะ หรือ PPV เช่น   Nissan Terra, Isuzu Mu X  , Toyota Fortuner   และ  2.รถอเนกประสงค์จากรถเก็ง หรือเราจะเรียกว่า   Crossover   พวก  Chevrolet Captiva, Nissan X Trail   เป็นต้น

คนแห่ซื้อรถอเนกประสงค์

มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่า รถทั้ง 2 กลุ่มเหมือนกันเวล่าขับขี่ และด้วยราคาค่าตัวแล้ว PPV   ดูน่าสนใจคุ้มค่า ขนได้ 7 คน  แถมดูพร้อมลุยกว่าด้วย หาความจริง รถทั้ง 2 แบบแม้เราจะเรียกกลางๆ ว่า  รถอเนกประสงค์ กลับขับต่างกันโดยสิ้นเชิง

รถ PPV   ด้วยการมาจากกระบะ พวกมันจะมาพร้อมช่วงล่าง แข็งสักหน่อย แม้ปัจจุบันจะมีความพยายามพัฒนาจนนั่งสบายขึ้น แต่ก้ยังมีปลายนวมติดกระด้างบ้าง และไม่สามรถแก้ไขได้ เนื่องจากเป็นธรรมชาติของรถที่มีโครงสร้างแชสซีแตกต่างกัน แน่นอนข้อดีรถแบบนี้คือลุยได้สมบุกสมบันกว่า และดีกว่าถ้าคุณต้องผ่านทางถนนเสียตามต่างจังหวัด

กลับกันรถแบบครอสโอเวอร์ เน้นความสบายในการโดยสารสูงสุด มันทำได้ดีมาก โดยเฉพาะเวลาขับบนถนนทางหลวง โครงสร้างตัวรถยกสูง และโช๊คที่มียาวกว่ารถเก๋งทั่วไป ทำให้รถสามารถซับแรงกระแทกได้ดีกว่า เข้าโค้งดีกว่า เป็นรถเหมาะเดินทางไกล แต่ไม่เหมาะจะไปลุยสมบุกสมบันมากมายอะไรนัก

7. เชื่อหรือว่า คุ้มที่สุดคือรถกระบะ

คนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน ยังตัดสินใจซื้อรถกระบะด้วยภาพมองว่ารถกระบะมีความคุ้มค่า ใช้งานได้หลากหลาย ขนคนก็ได้ , ขนของก็ดี มีเครื่องดีเซลอีกต่างหาก

รถกระบะมองเหมือนจะพกความคุ้มค่า แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ถ้าเรามองคิดมุมกลับว่า รถกระบะในวันนี้ราคาเริ่มต้นก็ 6 แสนบาทในรุ่นแคป รุ่น 4 ประตู ราคา 8 แสนบาทโดยประมาณ ใช่เรามีพื้นที่ในห้องโดยสาร เรามีพื้นที่กระบะเปิดโล่งไว้ใช้งาน แต่เราใช้งานกระบะมากแค่ไหนกัน

ถ้าเราใช้พื้นที่กระบะขนของประจำมันคุ้มค่าแน่ แต่ในชีวิตใช้งานปกติ ถ้าไม่ได้ทำกิจการค้าขาย หรือการเกษตร กระบะท้ายที่เราเสียไปไม่ได้ใช้งานแทบไม่ได้สร้างประโยชน์เลย ส่วนในห้องโดยสารอย่ากระบะแคป ก็มีการรณรงค์ไม่ให้นั่งกระบะตอนแคปแล้ว ถ้ามองไปในรุ่น 4 ประตู พื้นที่โดยสารก็ถือว่าดีพอจะนั่งในระดับหนึ่งเวลาเดินทางไกล งแต่ความสบายในการเดินทางก็ไม่มีทางสู้รถเก๋งได้

และปัจจุบัน บริษัทห้างร้านหลายเจ้าก็มีบริการส่งสินค้าถึงบ้านถ้าเป็นชิ้นใหญ่อาจจะเสียค่าขนส่งสักหน่อย แต่ถ้ามองกลับกันมันก็คุ้มค่ากว่าจะจ่ายเงินซื้อกระบะไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะนานๆ ทีเราจะได้ขนของจริงๆ กับเขาสักครั้ง  

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่