ขึ้นชื่อว่ารถยนต์เมื่อใช้งานไปสักพักประสิทธิภาพของชิ้นส่วนต่างๆ มัก “ลด” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนที่มีความรู้ก็มักดูแลรถได้เหมาะสม แต่สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มดูแลตรงจุดไหนบ้าง วันนี้เรามีวิธีเช็ครถง่ายๆ 3 ข้อมาฝากกัน

 

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านทั่งคุณสุภาพสตรีและคุณสุภาพบุรุษ วันนี้เรามีบทความเกี่ยวกับการดูแลตรวจเช็ครถง่ายๆ 4 ข้อ ให้ผู้อ่านได้นำไปใช้ดูแลรถยนต์ของท่าน เพราะปัจจุบันรถสมัยใหม่มีชิ้นส่วนที่ลดความทนทานลง โดยจะเห็นได้ว่ารถใหม่บางรุ่นบางโมเดล มีผู้ใช้ออกมาโพสแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์แล้วว่า ตรงนั้นตรงนี้พังชำรุดก่อนระยะที่ควรจะเป็น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจทำให้ท่านเสียทรัพย์มากโดยใช่เหตุ ลองอ่านสิ่งที่เราจะเขียนต่อไปนี้ แล้วนำไปลองใช้งานจริงบนรถของผู้อ่าน

 

วิธีเช็ครถ

วิธีเช็ครถ

 

1.’น้ำมันเครื่อง’ ของเหลวสีเข้มที่สำคัญต่อหัวใจของรถ

 

ก่อนอื่นให้ท่านทำการสตารท์รถยนต์เดินเครื่องไว้ราว 5-10 นาที ให้เครื่องยนต์ได้วอร์มอยู่ในช่วงอุณหภูมิทำงานปกติ จากนั้นดับเครื่องแล้วดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาดู ถ้าอยู่ต่ำกว่าระดับ MAX ก็ให้เติมน้ำมันเครื่องทดแทนลงไปจนได้ระดับ ต่อมาคือลองใช้ไฟฉายสาดส่องไปที่บริเวณขอบเครื่อง ดูว่ามีน้ำมันเครื่องเยิ้มออกมาหรือไม่ ส่วนถัดมาให้ดูที่กรองน้ำมันเครื่องว่ามีคราบเกิดขึ้นไหม ถ้าไม่เจอก็ให้มุดลองมาฉายไฟไปตรงบริเวณที่เครื่องยนต์เชื่อมต่อกับชุดเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งถ้าเจอคราบน้ำมันเครื่องไหลเยิ้ม ก็ให้ท่านนำรถเข้าศูนย์ฯ หรืออู่ที่ไว้วางใจโดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้ปัญหาลุกลามจนกระทบต่อสมรรถนะเครื่องยนต์

 

วิธีเช็ครถ วิธีเช็ครถ

 

2.หม้อน้ำ ระบบเหงื่อของยานพาหนะ

 

หม้อน้ำเป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถของคุณวิ่งไปได้ทุกสถานที่ วิธีการดูแลนั้นไม่ยากเลย โดยผู้อ่านสังเกตุดูปริมาณน้ำในหม้อพักน้ำ ถ้าพบว่ามันลดลงมาถึงระดับครึ่งหนึ่งของความจุก็ให้เติมน้ำยาเข้าไปจนเต็ม ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีจุดรั่วเกิดขึ้นในระบบระบายความร้อน วิธีตรวจสอบจัดว่าไม่ยากจนเกินไป เบื้องต้นให้ก้มดูใต้ท้องรถว่ามีน้ำสีแดง หรือนำสีอื่นๆ ที่ไม่ใช้น้ำใสไหลนองบนพื้นหรือไม่ ถ้ามีให้เอาไฟฉายมาส่องตามท่อน้ำที่วิ่งออกจากหม้อน้ำเข้าเครื่อง และส่องไล่ออกจากเครื่องมายังหม้อน้ำทุกจุด เมื่อเจอว่ามีน้ำหยดหรือซึมแสดงว่าคุณต้องนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็ว

 

วิธีเช็ครถ วิธีเช็ครถ

 

3. แบตเตอรี แหล่งเก็บพลังไฟของรถยนต์

สิ่งสุดท้ายที่ควรตรวจเช็คทุกครั้งคือแบตเตอรี โดยรถยนต์แต่ละคันจะใช้แบตฯ รูปแบบต่างกันไป หากรถของคุณใช้แบตฯ น้ำก็ให้ตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นทุก 1-2 เดือน หมั่นเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับปกติเสมอ ต่อมาเป็นแบตเตอรียอดนิยมที่พบเห็นได้บ่อยในรถสมัยใหม่ นั่นก็คือแบตฯ กึ่งแห้ง หรือเรียกสั้นๆ ว่า MF โดยเจ้าแบตฯ ชนิดนี้หลายคนเข้าใจผิดว่าไม่ต้องดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งาน ทว่าความจริงแล้วมันแค่ถูกซีลผนึกไม่ให้น้ำกรดระเหยไว ฉะนั้นเราจึงต้องเปิดช่องคอยตรวจสอบระดับน้ำกรดในแบตฯ ทุกๆ 6 เดือน ท้ายสุดถ้าพบว่าบริเวณขั้วแบตเตอรีมีขี้เกลือสีขาว สีเขียว หรือสีฟ้าเกาะอยู่ ก็ให้ท่านนำน้ำอุ่นมาราดแล้วใช้ผ้าเช็ดครบเหล่านี้ออก จากนั้นค่อยใช้น้ำมันอเนกประสงค์ฉีดพ่น

 

เราหวังว่าผู้อ่านทุกคนจะได้รับเทคนิคที่เป็นประโยชน์นี้แล้วนำไปใช้กับรถส่วนตัว ซึ่งการตรวจสอบป้องกันก่อนปัญหาจะลุกลามใหญ่โตช่วยประหยัดได้มาก เพราะหากรถของคุณเกิดเสียอย่างรุนแรงระหว่างกำลังขับใช้งาน นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมให้รถกลับมาดีเหมือนเดิม 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่