หากพูดถึงรถยนต์รุ่นเด็ดๆจาก Toyota แน่นอนว่าชื่อแรกๆที่หลายคนนึกถึงย่อมเป็น Toyota Supra และด้วยวาระการถือกำเนิดครบรอบ 45 ปี 2024 Toyota GR Supra 45th Anniversary คันนี้ จึงได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฉลองมัน

ตามชื่อเรียก และอย่างที่เราได้ระบุไว้ในข้างต้น ว่า 2024 Toyota GR Supra 45th Anniversary คันนี้ คือรถรุ่นพี่เศษ ที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ของ Toyota Supra ที่ได้ถือกำเนิด หรือวางขายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978

แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ แทนที่มันจะมาพร้อมกับเฉดสีเอกลักษณ์ของรุ่นทวด กลายเป็นว่ามันดันมาพร้อมกับเฉดสีและการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่อย่าง Supra Mark IV ที่ตอนนี้ไม่ว่าสายซิ่งคนไหนก็รู้จักดีกันทั่วโลกมากกว่า (ซึ่งก็ยังพอเป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่)

ดังนั้น เฉดสีโปรโมทของมัน จึงเป็นเฉดสีส้ม Mikan Blast ที่เอาจริงๆก็ไม่ใช่สีดั้งเดิมของ Supra Mark IV แต่เป็นสีที่ทำให้ใครหลายคนรู้จักรถยนต์รุ่นนี้มากขึ้น เพราะมันคือเฉดสีที่ใกล้เคียงกับฮีโร่คาร์ใน Fast and Furious ภาคแรก

แต่หากสีดังกล่าวดูถูกต้องตามโฉลกมากเกินไป ทาง Toyota USA ก็ยังมีทางเลือกสีที่สองนั่นคือ สีขาว Absolute Zero ให้ลูกค้าได้เลือกซื้ออยู่ โดยแต่ละสีจะมีการผลิตเพียง สีละ 450 คัน เท่ากับว่ารถรุ่นนี้จะถูกผลิตขึ้นเพียง 900 คันเท่านั้น

นอกจากชุดสี ที่จะถูกสงวนไว้เฉพาะรุ่น เจ้า Supra 45th Anniversary ยังมาพร้อมกับการตกแต่งที่ช่วยเพิ่มความพิเศษให้กับตัวรถอีกหลายจุด ทั้งการแปะสติ๊กเกอร์สีดำ คาดทางด้านข้าง ตั้งแต่ด้านหลังซุ้มล้อหน้า ผ่านบานประตู ไปจนถึงช่องดักลม(หลอก)ก่อนถึงซุ้มล้อหลัง โดยตัวสติ๊กเกอร์ที่ว่านี้จะมีการทำลายกราฟฟิกเป็นรูปโลโก้รุ่น “Supra” เอาไว้ทางด้านหน้าด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ในฝั่งชุดล้อเอง ก็ยังเป็นชุดล้อ GR ที่มาพร้อมกับสีดำเงา และตัวคาลิปเปอร์เบรก ก็เปลี่ยนจากสีแดงประจำ GR เป็นสีดำ เช่นกัน แถมยังมีการติดตั้งสปอยเลอร์หลังทรงเตี้ย ปรับระดับได้ ใส่มาให้ด้วย

และหากแค่นั้นยังไม่พอ ใต้ฝากระโปรงหน้ายังมีค้ำโช้ก ทำสีเฉดเดียวกับตัวถังใส่มาให้ ส่วนภายในห้องโดยสารเอง ก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่เพลทลำดับการผลิต และการตกแต่งทริมสีขาว-ดำ แทน เพื่อความเรียบง่าย

ส่วนรายละเอียดพื้นฐานอื่นๆของตัวรถ จะถูกอิงตาม Toyota GR Supra รุ่น 3.0 Premium ของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งหมด นั่นจึงหมายความว่า มันยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 382 HP เท่าเดิม ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนใดๆ

และในขณะเดียวกัน ลูกค้าก็ยังสามารถเลือกได้ว่า จะให้ขุมกำลังบล็อคนี้ ส่งกำลังไปยังชุดล้อคู่หลัง ผ่านระบบส่งกำลังแบบใดก็ได้ ระหว่างเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ส่วนการวางจำหน่ายพร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ จะเกิดขึ้นในช่วงไม่เกินปลายปีนี้ และจะมีการวางขายแค่เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น (เว้นเสียแต่ว่า หากชาวไทยคนไหนอยากได้ ก็อาจจะต้องลองให้ผู้นำเข้าอิสระสั่งมาให้)

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่