แม้ใครหลายคนอาจจะเข้าใจว่า Nissan GT-R Nismo รุ่นปี 2022 คือรุ่นสุดท้ายก่อนปรับใหญ่ แต่ล่าสุดทางค่ายกลับเปิดตัวรถรุ่นปี 2024 ออกมา พร้อมรหัสห้อยท้ายว่า “Special Edition”

2024 Nissan GT-R Nismo Special Edition มาพร้อมกับการปรับปรุงตัวรถใหม่ในลักษณะเดียวกับ 2024 Nissan GT-R ที่เราได้นำเสนอข้อมูลไปก่อนหน้า นั่นคือการแต่งหน้าทาปากตัวรถใหม่ตามชิ้นส่วนเปลือกนอกต่างๆ ตั้งแต่ชุดกันชนหน้า ที่ในคราวนี้ มันได้ทิ้งงานออกแบบกระจังหน้าแบบ V-Motion ออกไป แล้วแทนด้วยกรอบใหม่แบบรุ่นพี่ GT-R R34

โดยที่ฝั่งครึ่งล่างก็ได้ถูกออกแบบใหม่เช่นกัน ให้ช่องดักลมเข้าไปเป่าเบรกมีความกว้างออกไปทางด้านข้างมากขึ้น ถัดไปอีกนิด ก็จะเป็นครีบเรียงอากาศ ซึ่งถูกคั่นกลางด้วยกรอบไฟ DRL เช่นเคย และด้านข้างก็จะเป็นชิ้นครีบมรีดลมที่หักขึ้นมาจากลิปสปอยเลอร์อีกที

และในส่วนกันชนท้ายเอง ก็ถูกออกแบบใหม่แทบทั้งชิ้นเช่นกัน เพราะแม้ตัวชายล่างที่ต่อจากแนวซุ้มล้อมา จะยังคงมีทั้งความเหลี่ยม และมีช่องรีดอากาศ 3 ชั้นเหมือนเดิม แต่งานออกแบบนอกเหนือจากนั้นล้วนเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการต่อชิ้นงานคาร์บอนให้เป็นครีบขึ้นไปถึงแนวระดับไฟท้าย ชายล่างกรอบปลายท่อไอเสียเปลี่ยนใหม่ เน้นเส้นเหลี่ยมสัน แต่ถูกคั่นกลางด้วยไฟระบุตำแหน่ง แบบตัวแข่ง GT3 ซึ่งตัวชายล่างสีดำที่ว่าจะมีการอ้อมขึ้นถึงเหนือป้ายทะเบียน จะเดิมที่จะหลบอยู่ใต้แนวป้ายทะเบียน

และในจุดเดียวกันนี้ เราก็จะสังเกตได้เพิ่มเติมอีกว่า ฝากระโปรงท้ายของมันได้ถูกออกแบบใหม่ ให้มีความเป็นตูดเป็ดนิดๆ และเหนือขึ้นไปอีกหน่อย ก็จะพบกับสปอยเลอร์หลังที่เปลี่ยนเป็นแบบคาห่านตามสมัยนิยม ซึ่งมันไม่ได้มีดีแค่ในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพของอากาศที่ไหลเวียนใต้ปีกสปอยเลอร์ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ตัวสปอยเลอร์ที่ว่า ยังกว้างขึ้นกว่าเดิมอีกถึง 10%

ความแตกต่างที่เห็นได้จากสายตาของมันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อเปิดประตูเข้าไป เราก็จะพบกับงานตกแต่งห้องโดยสารที่เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยเฉพาะกับตัวเบาะนั่งคู่ใหม่จาก Recaro ที่เป็นแบบหลังแข็งคาร์บอนแต่ยังคงสามารถปรับเอนได้ และตัวพนักหลังเป็นชิ้นงานหุ้มหนังอัลคันทาร่า สลับกับหนังสังเคราะห์ ปิดท้ายด้วยการตกแต่งโทนสี ดำ-แดง เข้ากับธีมของตัวรถเป็นอย่างดี

ในส่วนของการปรับปรุงเครื่องยนต์ ทาง Nissan ระบุว่าพวกเขาได้มีการปรับปรุงรายละเอียดไส้ในใหม่เล็กน้อย เพื่อการเรียกอัตราเร่งที่ต่อเนื่องยิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะยังคงเคลแรงม้าสูงสุด 608 PS และแรงบิดสูงสุด 651 นิวตันเมตร เหมือนเดิม และที่เพิ่มเติมอีกอย่างก็คือการติดตั้งชุดเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป เข้าไปที่ชุดเพลาขับคู่หน้า จากเดิมที่มีเฉพาะคู่หลัง ช่วยให้การยึดเกาะของตัวรถยามออกจากโค้งมีความกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิม

ขณะที่ฝั่งระบบช่วงล่าง ก็ได้รับการปรับเซ็ทใหม่เช่นกัน เพียงแต่ทาง Nissan ไม่ได้ระบุว่าพวกเขาเน้นการปรับจูนไปในทิศทางใดมากกว่า ระหว่างความสะดวกสบาย กับความพร้อมซิ่ง แต่นอกนั้นในส่วนระบบเบรกคาร์บอนเซรามิค และชุดล้ออัลลอยด์ฟอร์จขนาด 20 นิ้ว ก็ยังคงเป็นชุดเดิมกับตัวรถโฉมก่อนหน้าอยู่ดี

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่