หลังมีการเปิดตัวและปรับสเป็คยิบย่อยอีกเล็กน้อยมาตลาด 5 ปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ทาง McLaren จะปรับโฉมรถซุปเปอร์คาร์ในกลุ่ม S อีกครั้ง และนั่นคือ McLaren 750S ที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้

ต่างจากตอนปรับโฉม MP4 12C เป็น 720S ที่เรียกได้ว่าเป็นการปรับใหญ่แบบ All-New คราวนี้ 2024 McLaren 750S กลับเป็นการปรับโฉมโดยยึดโครงสร้างหลักจากรุ่นพี่มาปรับปรุงใหม่อีกทีเท่านั้น ด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆของรถใหม่ราว 30% เมื่อเทียบกับของเดิม

อย่างไรก็ดี แม้ชิ้นส่วนของตัวรถ จะเปลี่ยนจากรุ่นพี่เพียงไม่ถึง 1 ใน 3 จนหากมองจากภายนอกเพียงอย่างเดียว มันก็อาจจะทำให้ใครหลายคนสับสนมันกับรุ่นพี่ได้ง่ายๆ แต่ทุกความเปลี่ยนแปลงที่ถูกใส่เข้ามา ล้วนจัดอยู่ในระดับของการ “วิวัฒนาการ” ทั้งสิ้น

เริ่มจากเครื่องยนต์ ที่แม้จะบอกว่ายังคงเป็นบล็อค V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร รหัส M840T ลูกเดิม แต่ก็ได้รับการปรับจูนใหม่ เช่นลูกสูบที่เบาลง จาก 765LT และการออกแบบระบบระบายไอเสียใหม่ ซึ่งไม่ได้เพียงทำให้เครื่องยนต์มีสุ้มเสียงที่ดุดันกว่าเดิม แต่ยังมาพร้อมกับพละกำลังที่มากขึ้นเป็น 750 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 800 นิวตันเมตร

และด้วยการปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ ให้มีความชิดมากกว่าเดิม กับการปรับปรุงชิ้นส่วนต่างๆรอบคันให้มีน้ำหนักเบาลง เช่นเบาะนั่งคาร์บอนที่เบากว่าถึง 17.5 กิโลกรัม และชุดล้อแบบใหม่ ที่ลดน้ำหนักลงได้อีก 13.8 กิโลกรัม จนน้ำหนักตัวแบบรวมของเหลวของตัวรถ หล่นลงมาอยู่ที่ 1,389 กิโลกรัม ในรุ่นหลังคาแข็ง และ 1,438 กิโลกรัม ในรุ่นเปิดประทุน (Spyder)

ส่งผลให้ตัวรถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาที (ทั้งสองตัวถัง) และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 7.2 วินาที สำหรับรุ่นหลังคาแข็ง กับ 7.3 วินาที สำหรับรุ่นหลังคาเปิดประทุน, สามารถทำระยะเวลาเข้าเส้นในระยะ 1/4 ไมล์ หรือ 402 เมตร ได้ใน 10.1 วินาที สำหรับรุ่นหลังคาแข็ง กับ 10.3 วินาที สำหรับรุ่นหลังคาเปิดประทุน

ส่วนความเร็วปลาย ถูกจำกัดเอาไว้ที่ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่ากันทั้งสองตัวถัง

การปรับปรุงในด้านสมรรถนะยังถูกเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ในส่วนของระบบกันสะเทือน ที่ได้รับการติดตั้งระบบประมวลผลใหม่ล่าสุด PCC III เข้าไป เพื่อให้ระบบกันสะเทือนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแทบทุกรูปแบบการใช้งาน(บนถนนดำ)มากขึ้น และแน่นอนว่าในด้านชิ้นส่วนกลไกเองก็ถูกปรับปรุงทั้งขนาด น้ำหนัก สัดส่วนใหม่

ระบบบังคับเลี้ยวเอง ก็มีการปรับอัตราทดใหม่ ให้สามารถทำงานได้ฉับไวมากขึ้น พร้อมกับระบบเสริมแรงพวงมาลัยที่ดีกว่าเดิม เสริมด้วยการติดตั้งสปอยเลอร์หลังใหม่ ที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มเสริมแรงกดด้านท้าย ซึ่งทั้งหมดที่ไล่เรียงมา จะทำให้สมรรถนะในการควบคุมถูกใจผู้ใช้หรือไม่ ต้องมาว่ากันอีกที (แต่มันต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน !!)

และแม้จะพึ่งเปิดตัว แต่ผู้บริหารสูงสุดของ McLaren ก็ระบุว่าตอนนี้ 2024 McLaren 750S ได้ถูกจับจองจนเกินโควต้าการผลิตในปีหน้าไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย นั่นจึงหมายความว่าหากใครสนใจและเข้าไปจับจองรถตอนนี้ กว่าจะได้รถอีกที อาจต้องรอกันจนถึงปี 2025 กันเลยทีเดียว

ส่วนราคาแบบยังไม่รวมภาษีสำหรับการวางจำหน่ายในไทย ก็มีการเปิดตัวเลขเอาไว้ที่ 324,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 11.06 ล้านบาท ในรุ่นหลังคาแข็ง กับ 345,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 11.77 ล้านบาท ในรุ่นหลังคาเปิดประทุน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่