นอกจากการเปิดตัว Kawasaki Ninaja e-1 ในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ายเขียวยังได้มีการเผยโฉมคู่แฝดร่างเนคเก็ทไบค์อย่าง Kawasaki Z e-1 ออกมาด้วย

Kawasaki Z e-1 ถูกสร้างขึ้นด้วยลักษณะเดียวกันกับ Kawasaki Ninja e-1 นั่นคือขณะที่ฝั่งตัวรถร่างสปอร์ต ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Ninja 400 / Ninja 250 ฝั่งตัวรถร่างเนคเก็ทเอง ก็ใช้พื้นฐานจาก Z400 / Z250 เช่นกัน

ดังนั้น เราจึงไม่ต้องแปลกใจที่มันจะมาพร้อมกับหน้าตาอันคุ้นเคย ตั้งแต่ไฟหน้า LED โคมเดี่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ แฟริ่งข้าง และส่วนที่เหลือ ที่คล้ายกับ Nina e-1 ทั้ง บังโคลนหน้า แฟริ่งกลางใต้เบาะผู้ขี่ แฟริ่งท้ายใต้เบาะผู้ซ้อน แม้กระทั่งชุดเฟรม สวิงอาร์มหลัง และบังโคลนหลังพร้อมแท่นยึดป้ายทะเบียน ก็ยังคงถูกยกใส่มาให้เหมือนกันทั้งหมด

ไม่เว้นแม้กระทั่งฝาครอบช่องเก็บของขนาด 5 ลิตร ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับถังน้ำมันเดิม ซึ่งดูเตี้ยลงกว่าถังเดิม โดยที่ใต้ช่องเก็บของดังกล่าวนั้น ก็จะเป็นตำแหน่งเก็บแบตเตอรี่ 2 ก้อน ที่สามารถถอดออกมาเพื่อนำไปชาร์จด้านนอกได้

โดยตัวแบตเตอรี่ที่ว่านี้ จะมีขนาดความจุ 30 Ah น้ำหนัก 11.5 กิโลกรัม และใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ใน 3.7 ชั่วโมง ต่อหน่วย ซึ่งหากรถติดตั้งแบตเตอรี่ที่ชาร์จมาเต็ม 100% ไว้พร้อมกันทั้ง 2 ลูก มันก็จะสามารถวิ่งได้ไกลสุดราวๆ 72 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WMTC

ด้านมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดรถมา แทนเครื่องยนต์ ก็จะมีรายละเอียดทางเทคนิคคล้ายกับฝั่ง Ninja e-1 ด้วยแรงบิดสูงสุด 40.5 นิวตันเมตร ที่ 0-1,600 รอบ/นาที และตัวเลขแรงม้าสูงสุด ก็อยู่ที่ 12 PS ที่ 2,600-4,000 รอบ/นาที

แต่นั่นเป็นแรงม้าที่จะได้ใช้เมื่อผู้ขี่เปิดคันเร่งเต็มที่ ในโหมด ROAD Mode + e-boost เท่านั้น หากเป็นการขับด้วยโหมดปกติ มอเตอร์จะดร็อปกำลังลงเหลือราวๆ 8 แรงม้า เพื่อการประหยัดพลังงาน

ส่วนความเร็วสูงสุดที่รถสามารถทำได้ก็มีตัวเลขเพียง 99 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในโหมด ROAD Mode + e-boost เช่นกัน นอกนั้นจะถูกลดหลั่นลงไป เหลือ 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในโหมด Road ธรรมดา และ 62 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในโหมด Eco

นอกนั้นในด้านรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถที่น่าสนใจก็มีทั้ง การใช้ชุดระบบกันสะเทือนโช้กหน้าตะเกียบคู่หัวตั้งขนาดแกน 41 มิลลิเมตร ด้านหลังโช้กเดี่ยวทำงานร่วมกลไกกระเดื่องทดแรงพร้อมสวิงอาร์มอาร์มเหล็กแขนคู่, ระบบเบรกด้านหน้าจานเดี่ยว ขนาด 290 มิลลิเมตร ทำงานร่วมคาลิปเปอร์เบรกโฟลทติ้ง 2 พอร์ท ด้านหลัง เบรกจานเดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมคาลิปเปอร์เบรกโฟลทติ้ง 2 พอร์ท เช่นกัน

ส่วนชุดล้อมีการหั่นขนาดลงจาก Z400 เช่นกัน โดยเริ่มจากการหันไปใช้ล้อของ Kawasaki Ninja 125 (บ้านเรารู้จักในชื่อ Kawasaki Ninja 250 SL) แล้วรัดด้วยยางขนาด 100/80-17 และ 130/70-17 ตามลำดับ หน้า-หลัง พร้อมแบกน้ำหนักตัวที่เบาะเพียง 135 กิโลกรัมเท่านั้น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่