Honda CBR650R ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ครองใจใครหลายคนด้วยจุดเด่นในหลายๆด้าน โดยเฉพาะในเรื่องความเป็นรถบิ๊กไบค์ที่ใครก็ปรับตัวเข้าหาได้ง่าย และตอนนี้สำหรับโมเดลปี 2024 มันก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบคลัทช์แบบใหม่ที่เรียกว่า “E-Clutch”

2024 Honda CBR650R มาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มันได้กลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์คลาสกลางที่สามารถทำยอดขายได้ถล่มทลายทั่วโลก ด้วยความคุ้มค่าจากราคาที่เป็นมิตร แต่ได้ออพชันสมน้ำสมเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปลุกกระแสเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ยังใช้ชื่อ Honda CBR650F

โดยสำหรับตัวรถรุ่นใหม่นี้ ก็เรียกได้ว่าถูกปรับโฉมหน้าตาภายนอกใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มันดูมีความโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิมและดูใกล้เคียงกับเหล่ารถมอเตอร์ไซค์ตระกูล CBR-RR มากยิ่งขึ้น ไล่ตั้งแต่ ชุดไฟ LED โคมคู่ และแฟริ่งหน้าใหม่ที่ดูแหลมคมกว่าเดิม, แฟริ่งข้างใหม่ดุดันกว่าเดิม, และแฟริ่งท้ายกับไฟท้ายแบบใหม่ ที่ยื่นยาวออกไปจากแนวท้ายรถมากกว่าเดิม ช่วยให้ตัวรถดูปราดเปรียวยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ตัวรถยังได้รับการปรับเปลี่ยนชุดหน้าจอมาตรวัดใหม่ เป็นแบบ ฟูลดิจิตอล TFT ขนาด 5 นิ้ว ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมกับสีสันสดไส แถมยังใช้หน้ากระจกลดแสงสะท้อนอย่างดี เพื่อความคมชัดในยามกลางวัน ยังรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือทั้ง iOS และ Android ได้ผ่านระบบ Honda RoadSync

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อการควบคุมหน้าจอที่มีลูกเล่นยิบย่อยเยอะกว่าเดิม ทำให้ตัวประกับแฮนด์ด้านซ้ายของมันมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบใหม่ นั่นคือปุ่มกดแบบ 4 ทิศทาง ซึ่งสามารถใช้ในการเล่นเพลง เพิ่มเสียง ลดเสียง หรือป้อนคำสั่งในส่วนของระบบนำทางได้เลย หากคุณมีบลูทูธติดหมวกกันน็อกไว้ใช้งานอยู่แล้ว

ด้านโครงสร้างตัวรถยังคงอิงมาจาก CBR650R รุ่นก่อนหน้า นั่นคือโครงเหล็ก Diamond Frame ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนคู่ แต่ในคราวนี้ทาง Honda ได้มีการปรับจูนชิ้นส่วนช่วงแกนคอใหม่ให้มีความแข็งมากกว่าเดิม และไปเพิ่มความยืดหยุ่นในช่วงเฟรมกลาง เพื่อให้ตัวรถสามารถส่งอาการจากพื้นมาสู่ผู้ขี่ได้แม่นยำกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ขี่ได้ดียิ่งขึ้น

ด้านระบบกันสะเทือนด้านหน้ายังคงเป็นแบบโช้กตะเกียบคู่หัวกลับขนาดแกน 41 มิลลิเมตร พร้อมไส้ในแบบ Separate Function Big Piston ส่วนด้านหลัง ก็ยังคงใช้ชุดโช้กอัพเดี่ยวปรับเซ็ทพรีโหลด (ความแข็ง-อ่อน) ได้ 10 ระดับ ซึ่งทาง Honda ไม่ได้ระบุว่ามีการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่หรือไม่

และในส่วนของชุดล้อ ก็ยังคงเป็นล้ออลูมิเนียมแบบเดิมกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมรัดด้วยยางขนาดเดิม คือ 120/70-17 กับ 180/55-17 ตามลำดับหน้า–หลัง โดยที่ระบบเบรกยังคงเป็นแบบเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ 4 พอท ทำงานร่วมจานเบรกคู่ขนาด 310 มิลลิเมตร ทางด้านหน้า และโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 1 พอท ทำงานร่วมจานเบรกเดี่ยวขนาด 240 มิลลิเมตร ทางด้านหลัง พร้อมระบบ ABS แบบ Dual Channel ดังเดิม ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ

ขุมกำลังเครื่องยนต์ ยังคงเป็นบล็อค 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์ว/สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 649cc ที่ไม่ได้รับการจูนใดๆทั้งสิ้นจากตัวรถรุ่นก่อนหน้า ดังนั้นมันจึงยังคงให้กำลังสูงสุดที่ 95 PS ที่ 12,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดอีก 63 นิวตันเมตร ที่ 9,500 รอบ/นาที ดังเดิม แต่มีการปรับองศาแคมชาฟท์ฝั่งไอดีใหม่ 2 องศา ให้เปิดได้นานขึ้น พร้องปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ ช่วยให้ตัวรถมีแรบิดในรอบต่ำที่ติดมือกว่าเดิม

โดยที่ระบบ HSTC ก็ยังคงมีค่าเดียว ชุดระบบเกียร์ยังไม่มีการปรับอัตราทด และตัวระบบคลัทช์เองก็ยังคงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนใดๆในเรื่องระบบสลิปเปอร์คลัทช์

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญของตัวรถรุ่นปี 2024 ครั้งนี้ ก็คือการมาของระบบคลัทช์ไฟฟ้า E-Clutch ที่ทาง Honda ระบุว่านี่ถือเป็นครั้งแรกที่มันถูกใส่เข้ามาในรถมอเตอร์ไซค์ โดยข้อดีของมันก็คือ ระบบจะคอยจัดการควบคุมการทำงานของคลัทช์ในจังหวะออกตัว และจังหวะเตรียมจอด หรือการขี่ในช่วงความเร็วต่ำๆให้ทั้งหมด

ช่วยให้ผู้ใช้ไไม่ต้องกังวลว่ารถจะดับ ขณะขี่ใช้งานในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักขี่มือใหม่ที่ยังใช้คลัทช์ไม่คล่อง หรือใช้คลัทช์ไม่เป็น รวมถึงผู้ขี่รุ่นเก๋าเองก็ยังสามารถใช้งานมันได้อย่างสะดวกสบายผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น โดยที่การต่อเกียร์ทั้งขาขึ้นและขาลงเอง ก็จะเป็นหน้าที่ของควิกชิฟท์เตอร์ที่คอยจัดการเรื่องดังกล่าวไป

อย่างไรก็ดีสำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ต้องการให้ระบบ E-Clutch เข้ามากวนใจตอนขี่ในสนาม ผู้ใช้ก็สามารถปิดระบบทิ้ง แล้วจึงค่อยกลับมาเปิดใช้งานใหม่อีกครั้งในภายหลังเมื่อต้องการได้ หรือหากใครมองว่าไม่จำเป็น ก็สามารถเลือกซื้อรถรุ่นที่ไม่มีระบบดังกล่าวติดตั้งมาให้ได้ด้วยเช่นกัน แต่มันก็จะถูกตัดระบบควิกชิฟท์เตอร์ทิ้งไปด้วยโดยปริยาย

ทั้งนี้ ทาง Honda ยังไม่มีการประกาศราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ 2024 Honda CBR650R แต่สำหรับชาวไทยที่สนใจ อาจจะไม่ต้องรอกันนานเท่าไหร่นัก เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากว่า มันจะถูกนำมาเปิดตัวในบ้านเรา ช่วงสิ้นเดือนนี้แล้ว ที่งาน Motor Expo 2023

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่