Lexus เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยกับ Luxury Van “LM” รุ่นปี 2023 สานต่อความสำเร็จมาตั้งแต่ปี 2020 จากเจนแรกจนมาถึงเจนที่ 2 ในรหัส AW10

Lexus LM 2023 มาพร้อมกับภายนอกใหม่ด้วยออกแบบหรูตั้งแต่กระจังหน้าสไตล์ “Unified Spindle” พร้อมไฟหน้าที่เฉียบคม แบบ 3 LED ด้านข้างตัวรถที่ยาวขึ้น สะท้อนการออกแบบที่เน้นความสบายของห้องโดยสารตอนหลังเป็นอันดับแรก โดดเด่นด้วยไฟท้าย L-Signature Light Bar ขนาดใหญ่ แบบ LED เสริมรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง สปอยเลอร์หลังออกแบบเนียนเรียบและชุดกันชนหลังพร้อมคิ้วสเกิร์ตในตัว กระจก Acoustic Glass บนทุกส่วนของ LM ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้ารถ ทั้งส่วนหน้า ประตูหน้า หรือประตูเลื่อน ถูกติดตั้งกระจกกันเสียงเพื่อลดเสียงรบกวน และล้ออัลลอยใหญ่สุด 19 นิ้ว

ห้องโดยสารภายในที่หรูหราประณีตออกแบบที่ยกเอาห้องนั่งเล่นและห้องทำงานมาไว้ด้วยกันสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในรุ่น 4 และ 7 ที่นั่ง ในรุ่น 4 ที่นั่งห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาสออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ ด้วยแรงบันดาลใจจากที่นั่งเครื่องบินโดยสารชั้น First class พร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว กระจกปรับความเข้มแสงอัจฉริยะ หน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว รบบเครื่องเสียงชั้นเลิศ “Mark Levinson Reference 3D Surround Sound System” ช่องเก็บของ ช่องแช่เครื่องดื่ม จุดชาร์จไฟ ช่องเก็บของด้านล่างผนังกั้น รองรับทุกความต้องการ เบาะนั่งที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล พร้อมระบบควบคุมความร้อน / เย็นของเบาะนั่ง ปรับเอนนอนได้ในองศาที่มากขึ้นกว่าเดิม โอบล้อมสรีระ ให้การซัพพอร์ตได้อย่างเหมาะสม ลดแรงสั่นสะเทือนที่มาจากภายนอกรถ พร้อม “Relaxation Function” ระบบนวดที่ทำให้ทุกการเดินทางผ่อนคลาย สะดวกสบายสูงสุด

Personalized Customization ฟังก์ชันปรับแต่งเฉพาะ ความหรูหราที่ตอบสนองทุกรสนิยมส่วนบุคคล พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย อาทิ Personalized Screen สามารถแยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล

พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ “2-Zone Audio System” ซึ่งจะแยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับ และด้านหลัง ทำให้สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่มีเสียงรบกวนซึ่งกันและกัน การควบคุมฟังก์ชันเฉพาะบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Moon roof หน้าจอ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซน สามารถควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสจาก “Overhead Control” และ “Removable Touchscreen Rear Controller” ระบบเชื่อมต่อไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB/ เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา (คอนโซลกลาง) ช่องเชื่อมต่อ USB/ HDMI 2 ช่อง ส่วนรุ่น 7 ที่นั่ง มีหน้าจอ 14 นิ้วติดเพดาน พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI/ช่องจ่ายไฟ (คอนโซลกลางที่นั่งโดยสาร)

ออปชันมาตรฐานทั้งมาตรวัดดิจิตอลเต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังประดับลายไม้ Bengala จอแสดงผลการสั่งงานขนาด 14 นิ้ว ระบบสัมผัส รองรับระบบปฏิบัติการ Apple CarPlayTM และ Android Auto ระบบ Lexus Navigation ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมรอบทิศทางจาก Mark Levinson ม่านบังแดดประตูบานเลื่อนแบบไฟฟ้า กล่องคอนโซลกลาง

ช่องเก็บของด้านหน้าพร้อมฝาปิด กล่องคอนโซลระหว่างเบาะนั่ง ที่วางแขนเบาะหลังพร้อมโต๊ะวางของที่ติดตั้งอยู่ในที่วางแขนกระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง (บริเวณที่นั่งด้านหน้า) กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง LED (บริเวณที่นั่งแถวที่สอง, รถรุ่น 4 ที่นั่ง) ที่วางแก้ว (บริเวณที่นั่งแถวแรก และแถวที่สอง) ช่องเก็บของข้างประตู (บริเวณประตูด้านหน้า) ไฟสร้างบรรยากาศที่มีให้เลือก 50 สี 14 รูปแบบ ปรับแต่งอุณหภูมิแยกอิสระได้ถึง 4 โซน เลือกระดับความสบายได้แบบส่วนตัวสำหรับทั้งผู้โดยสารแถวหน้าและผู้โดยสารแถวหลัง ระบบระบายอากาศด้านหลังปรับองศาได้

ขุมพลังเป็นแบบ HEV-Hybrid ล้วนยกมาจาก Toyota Alphard ด้วยเบนซิน 2.5 ลิตร ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิด 239 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าแบบ 5NM ให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าหลังแบบ 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 250 แรงม้า ให้ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. และอัตราเร่ง 0-100 กม.ชม. ทำได้ 8.7 วินาที

คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสามโหมดทั้ง EV, Normal และ ECO ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ E-Four พร้อมโหมดการขับขี่ใหม่ “Rear Comfort Mode” ที่ให้ความสบายนุ่มนวลอย่างแตกต่าง ด้วยระบบช่วงล่างเทคโนโลยีใหม่ “Frequency-sensitivity Piston Valve” ทำงานคู่กับระบบ “Adaptive Variable Suspension” (AVS) และควบคุมการทรงตัวขณะเบรก “Braking Posture Control” ช่วยป้องกันทั้งการโยนตัวขณะเบรก และป้องกันการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ลดอาการเวียนศรีษะ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายสูงสุดและความปลอดภัยระดับโลกกับระบบ “Lexus Safety System Plus”

LEXUS LM เจนที่ 2 มี 2 รูปแบบทั้งรุ่น 4ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง พร้อมสีภายนอก และสีภายในที่เป็นเอกลักษณ์ สีภายนอก 4 สี ได้แก่ สีดำ Graphite Glass Flake สีขาว Sonic Quartz สีแดง Sonic Agate  สีเงิน Sonic Titanium และสีภายใน 2 สี สีขาว Solis White with Copper สีดำ Black with Dark Grey Accents วัสดุตกแต่งลายไม้ ลายไม้ตกแต่งบริเวณแผงประตูลาย “Yabane” และลายไม้ตกแต่งบริเวณพวงมาลัยลาย “Bengala” โดยราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

Lexus LM 350h Executive 4-Seater                 ราคา    7,590,000 บาท

Lexus LM 350h Executive 7-Seater                 ราคา    6,290,000 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่