Mercedes-Maybach GLS ยอดเอสยูวีหรูสุดจากค่ายดาวสามแฉก เปิดตัวพร้อมตัวเลือกเบาะ 4 กับ 5 ที่นั่ง มอบประสบการณ์เหนือระดับไม่แพ้รถซีดานหรู

Mercedes-Maybach GLS 600 4Matic คือเวอร์ชั่นเอสยูวีรุ่นหรูสุดที่ทางค่ายดาวสามแฉกจะผลิตขึ้นเพื่อจำหน่าย ต่างจาก GLS โฉมปกติมาตกแต่งทุดสัดส่วนให้เหมาะสมกับการเป็น S-Class ในคราบเอสยูวีหรู แต่กับรถคันที่มีชื่อ Maybach ต่อท้ายย่อมต้องพิเศษเหนือกว่าใคร

การตกแต่งภายนอกเน้นความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบ Maybach ด้วยกระจังหน้าโครเมียมซี่ถี่แนวตั้งขนาดใหญ่ กับกันชนหน้าพร้อมช่องดักอากาศโครเมียมลายรวงผึ้งที่เข้าคู่กัน ส่วนล้ออัลลอยให้มาในขนาด 22-23 นิ้ว ก้านถี่ยิบเน้นความหรูหรา ส่วนท้ายรถยังคงให้ไฟท้ายเหมือนๆ กับรุ่นปกติ แต่มีการเสริมทริมตกแต่งโครเมียมเพิ่มเข้าไป กับตราสัญลักษณ์เฉพาะรุ่นที่บริเวณท้ายรถ

อัครเอสยูวีคันนี้ไม่ได้ยืดขนาดตัวถังให้กว้างหรือยาวขึ้นแต่อย่างใด ยังคงความยาว 5,205 มิลลิเมตร กับระยะฐานล้อ 3,135 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ได้ทำการถอดเบาะนั่งแถว 3 ออก ทำให้เบาะแถว 2 สามารถปรับเอนยืดได้ถึง 120 มิลลิเมตร หรือ 43.5 องศา เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา คล้ายกับตำแหน่งเบาะนั่งของ S-Class ที่ปรับได้ราวกับนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ ยิ่งไปกว่านั้นมีระบบจดจำตำแหน่งเบาะ ระบบเป่าลมใต้เบาะ ระบบนวด และทุกสิ่งควบคุมผ่านคอนโซลระหว่างผู้โดยสารตอนหลัง

ในประเด็นการตกแต่งภายในโดยรวม ทางผู้ผลิตเลือกใช้วัสดุชั้นเลิศมากมาย อาทิ ลายไม้แท้หลากแบบ หนังหุ้มเบาะแบบ Nappa เพื่อให้สัมผัสอันเนียนนุ่มมือ ตั้งแต่บริเวณแผงแดชบอร์ด แผงประตู คอนโซล ตลอดจนหนังหุ้มเบาะ หากใครอยากได้ความพิเศษเพิ่ม ก็เลือกแพ็คเกจหนัง designo ที่ใส่เบาะนั่งด้านหลังแบบ ottomans ซึ่งมีความนุ่มแน่นเป็นพิเศษ

หน้าจอระบบ MBUX ตรงกลางใส่มาในขนาด 12.3 นิ้ว จำนวนสองจอ พร้อมด้วยธีมอินเทอร์เฟสแบบ Maybach Classic  ให้สีโทนน้ำเงินเข้มในพื้นหลังตัดกับสีทอง Rose Gold พร้อมด้วยฟีเจอร์ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร 64 เฉดสี มีหลังคาพาโนรามิกซันรูป

เพื่อความเป็นส่วนตัวของคนนั่งด้านหลัง Maybach GLS มีการติดตั้งระบบอินเตอร์คอมสำหรับสื่อสารระหว่างคนนั่งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนเครื่องเสียงใส่ของ Burmester ระบบปรับอากาศปรับแยก 4 ทิศทาง แถมมีตัวเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศภายในรถ ซึ่งจะคอยเพิ่มความชื้นให้คนนั่งรู้สึกหายใจสะดวก ยิ่งไปกว่านั้น พัดลมแอร์ยังมีการติดตั้งลูกปืนที่เพิ่มยางไว้ข้างใน เป็นการลดเสียงหมุนเสียงรบกวนให้ดังน้อยที่สุด และมีการเคลือบสารในช่องลมแอร์เพื่อการไหลเวียนอากาศที่ปราศจากเสียงดัง

ขุมพลังหลักใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร แบบ V8 รหัส M177 มอบกำลังสูงสุด 558 แรงม้า (PS) ที่ 6,000-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 730 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบต่อนาที พร้อมกับเสริมความประหยัดกับสมรรถนะด้วยชุด EQ Boost ระบบไฟฟ้า 48V ที่ช่วยเพิ่มพลังอีก 22 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร เมื่อต้องการรีดกำลังสูงสุด ทั้งหมดส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic สามารถส่งกำลัง 100% ไปยังล้อหน้าหรือหลังได้ตามต้องการ ส่งผลถึงอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที กับรถที่มีน้ำหนักตัวมหาศาล 2,785 กิโลกรัม ขณะเดียวกัน มีการเพิ่มระบบเก็บประจุไฟฟ้าเมื่อถอนคันเร่งหรือเบรกเพื่อความประหยัดน้ำมัน ซึ่งทำได้อยู่ราว 8.3-8.5 กิโลเมตรต่อลิตร

ช่วงล่างพื้นฐานมาพร้อมระบบถุงลม Airmatic ที่เสริมด้วยระบบ Adaptive Damping System กับระบบควบคุมตัวถังไฟฟ้าแบบ 48V E-Active Body Control roll stabilisation ในรายการอุปกรณ์เสริม ซึ่งจะมีกล้องตรวจจับสภาพผิวถนนเบื้องหน้าเพื่อปรับสภาพช่วงล่างให้รอรับทางได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่