โครงการ Eco car ของรัฐบาลตอนนี้มีค่ายรถหลายแบรนด์ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าเงื่อนไขของเฟส 2 แล้ว โดยทุกค่ายต่างพัฒนาปรับปรุงรถให้ทั้งประหยัด แรง และปล่อยมลพิษน้อยลงเหมือนกัน ทว่าจะมีบริษัทใดบ้างที่ทำคะแนนเรื่องความสะอาดได้มากที่สุด ต่อจากนี้คือรายชื่อรถ 5 รุ่นที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่าใครเพื่อน

 

หากพูดกันตามจริงผู้ซื้อรถหลายคนคงให้ความสำคัญเรื่องค่ามลพิษน้อยที่สุด เพราะส่วนใหญ่แล้วมักพิจารณารถยนต์จากรูปลักษณ์ ห้องโดยสาร ความแรง และความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก แต่เราอยากย้ำอีกทีให้ผู้อ่านทุกอย่าลืมดูประเด็นค่ามลพิษที่ปล่อยออกมาด้วย เพราะค่าไอเสียที่ต่ำนั้นส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมของโลกเรา ยิ่งเฉพาะถ้าท่านอยู่ในเมืองใหญ่ที่รถวิ่งกันหนาแน่น รถที่ปล่อยมลพิษต่ำจะเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยให้อากาศบริเวณนั้นหายใจได้โล่งปอดกว่าเดิม เอาล่ะถ้าท่านอยากช่วยโลกเรามาดูกันว่ามีอีโคคาร์คันไหนบ้างปล่อยมลพิษน้อยที่สุด 5 อันดับแรก

 

 

ลำดับที่ 5 Toyota Yaris ATIV CO2 116 กรัม/กิโลเมตร 

 

เราขอไล่จากอันดับ 5 ท้ายสุดเข้าหาผู้รักษ์โลกที่สุด โดย Toyota Yaris ATIV เป็นรถอีโคคาร์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2017 จุดเด่นของรถคันนี้อยู่ที่รูปโฉมใหม่หมดทั้งคันที่มาในสไตล์ซีดาน 4 ประตู ขณะเดียวกันภายในห้องโดยสารเรียกว่าออกแบบได้สวยงามน่าใช้กว่ารุ่นพี่อย่าง Vios เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นความกว้างขวางและประโยชน์ใช้สอยภายในก็เรียกว่ามีมากไม่แพ้รถยนต์เครื่อง 1.5 ลิตร ตัวแพงกว่า นอกจากนี้มาตรฐานไอเสียของ ATIV ก็อยู่ในระดับยูโร 4 อีกด้วย ในแง่ของราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 479,000-635,000 บาท

 

 

ลำดับที่ 4 Suzuki Celerio CO2 113 กรัม/กิโลเมตร

 

ค่ายรถจากเมืองฮามามัตซึได้ส่ง Suzuki Celerio ออกมานานหลายปีแล้ว แต่เรากลับพบเห็นรถรุ่นนี้วิ่งอยู่บนถนนน้อยมาก อย่างไรก็ตาม Celerio เป็นอีโคคาร์เครื่องเบนซิน 1.0 ลิตร อันมีขนาดเล็กสุดที่จำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งข้อดีของมันคือขนาดสุดแสนกะทัดรัด ยิ่งไปกว่านั้นสมรรถนะการขับขี่ยังจัดว่าสมค่าตัว แถมยังมีห้องโดยสารที่นั่งได้สบายไม่อึดอัด เนื่องจากโครงตัวถังมีลักษณะเป็นกล่องเหลี่ยม ทั้งนี้ราคาจะเริ่มต้นที่ 363,000-488,000 บาท

 

 

ลำดับที่ 3 Mazda 2 CO2 100 กรัม/กิโลเมตร

 

ผู้เข้าวินในลำดับ 3rd สร้างความแปลกใจให้เราอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการที่เครื่องเบนซิน 1.3 ลิตร กับเครื่องดีเซล 1.5 ลิตร ที่ถูกพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Skyactiv ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเท่ากันที่ 100 กรัม/กิโลเมตร ที่น่าประหลาดใจต่อมาคือสมรรถนะของเครื่องยนต์ทั้งสองบล็อกนี้จัดว่ามอบอัตราเร่งได้เร็วทันใจ และยังให้ความประหยัดน้ำมันเกิน 20 กิโลเมตร/ลิตร ในสภาวะการใช้งานจริง ทั้งนี้ผู้ที่ใช้ Mazda 2 ส่วนใหญ่มักใช้รถกันแค่ 2 คน ซะมาก ถามว่าทำไมเหรอ? ก็เพราะเบาะหลังมันนั่งไม่สบายเหมือนคู่แข่งคันอื่นไงล่ะ ที่สำคัญคือรถสองคันนี้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 แล้วด้วย เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจราคาเจ้าสองจะอยู่ระหว่าง 530,000-789,000 บาท

 

 

ลำดับที่ 2 Mitsubishi Attrage 99 กรัม/กิโลเมตร

 

ในบรรดารถอีโคคาร์หลายๆ คัน Attrage ดูจะเป็นรถที่มีอัตราเร่งดีลำดับต้นๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งส่วนใหญ่ ก็แหงล่ะน้ำหนักตัวน้อยกว่าชาวบ้านเขา แต่นั่นไม่ใช้สาระสำคัญอะไรเพราะท้ายที่สุดแล้วเจ้านี่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กิโลเมตร (เลขสวยเชียว ฮ่าๆ) ยังไม่หมดแค่นั้นข้อดีของมันยังมีอีก ได้แก่ ระบบเตือนการชนพร้อมกับชะลอความเร็ว นอกจากเหนือจากนี้ข้าวของติดรถที่ให้มาก็จัดว่าเหมาะสมคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ทั้งนี้ค่าตัวในการสู่ขอจะเริ่มต้นที่ 472,000-599,000 บาท

 

 

The Winner Mitsubishi Mirage 98 กรัม/กิโลเมตร 

 

โอ้โหแชมป์อีโคคาร์รักษ์โลกปล่อยมลพิษน้อยกว่าที่สองแค่กรัมเดียว!! กรัมเดียวก็ถือว่าน้อยกว่านะตามหลักวิทยาศตร์หรือจะเอาอะไรมาอ้างอิงก็เถอะ ถ้าคุณจำกันได้เราเคยเสนอข่าวที่บอกว่า Mirage ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า Tesla Model ตั้งแต่เริ่มต้นการผลิต ใช้งาน และไปจนถึงการย่อยสลายเป็นเศษเหล็ก นี่แหละครับคือเหตุผลที่ทำให้เจ้ารถคันนี้ได้ตำแหน่งแชมป์ไป เหนือสิ่งอื่นใดเจ้า Mirage ยังจัดเต็มความหล่อเหลาไม่แพ้คู่แข่งคันอื่น เสริมด้วยห้องโดยสารที่นั่งได้สบาย กับรายการอุปกรณ์ความปลอดภัยที่น่าสนใจ นอกจากนี้มาตรฐานไอเสียยังอยู่ในระดับยูโร 5 อีกต่างหาก ส่วนราคาจำหน่ายในบ้านเรานั้นรุ่นถูกสุดอยู่ที่ 457,000 ส่วนรุ่นแพงสุดมีราคา 596,000 บาท

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่