กลายเป็นอีกหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์ที่มีกระแสตอบรับกลับไปดีพอสมควร สำหรับ Yamaha PG-1 ที่มีความโดดเด่นจากภาพลักษณ์ในแบบรถแม่บ้านพร้อมลุย พร้อมราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าคู่แข่ง แต่มันจะมีสมรรถนะที่ดีแค่ไหนกันล่ะ ? มาหาคำตอบกันใน รีวิว ครั้งนี้

Yamaha PG-1 คือรถมอเตอร์ไซค์กลุ่ม “Moped Bike” รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ทาง Yamaha สร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่แต่เดิม หากไม่หันไปหารถครอบครัว หรือรถแม่บ้าน เน้นใช้งานทุกวันแบบ 100% อย่าง Yamaha Finn ก็จะมีรถแม่บ้านซิ่ง ที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบความแรงไปเลยอย่าง Yamaha Exciter 155

คราวนี้ ก็จะเป็นทางเลือกรถแม่บ้านทรงแฟชัน ที่ทำให้เราสามารถนำมันไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การอวดความสวยงาม หรือการท่องเที่ยว สันทนาการแบบ “สายแคมป์ปิ้ง” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในผู้คนสมัยใหม่ยุคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคอนเซปท์ในการออกแบบว่า “Moped Scrambler”

ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า แทนที่มัน จะเป็นรถแม่บ้าน ที่มาพร้อบกับชิ้นบังลมหน้า แต่กลายเป็นว่า มันดันมีแค่เพียงแฟริ่งครอบชุดเฟรมกลาง ลากยาวไปถึงช่วงใต้เบาะนั่ง และผ่านไปยังบังโคลนท้ายเท่านั้น ส่วนชุดไฟหน้า และไฟท้าย ก็กลายเป็นแบบโคมกลม พร้อมหลอดไส้ด้านใน

รวมถึงเรือนไมล์แบบเข็มกวาดในส่วนความเร็ว กับระดับน้ำมัน และการบอกตำแหน่งเกียร์ ไฟเลี้ยว ระบบหัวฉีด แรงดันน้ำมันเครื่อง ด้วยหลอดไส้

ชุดระบบกันสะเทือนหน้าแม้จะเป็นแบบตะเกียบคู่หัวตั้ง แต่ก็มาพร้อมกับยางครอบแกนกันฝุ่น และแน่นอนว่าชุดล้อ ก็รัดด้วยยางหนาม แต่เป็นขนาด 90/100-16 ไม่ได้ใช้ขอบ 17

ส่วนท่อไอเสีย แม้จะไม่ได้มีการเดินคอแบบยกสูง แต่ก็อาจจะไม่ปัญหาเท่าไหร่นัก เพราะเดิมๆตัวรถก็มีความสูงใต้ท้องรถที่มากถึง 190 มิลลิเมตร และพักเท้าผู้ขี่เอง ก็ยังเป็นแบบที่สามารถพับเก็บได้ เพื่อลดความเสียหาย หรือลดความเสี่ยงที่พักเท้าจะเกี่ยวหิน หรือร่องทางจนทำให้คุณพลาดล้ม

ซึ่งนั่นคือเกือบทั้งหมดที่คุณสามารถเห็นได้ด้วยตา และบ่งบอกว่ามันคือรถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดมาเพื่อการใช้งานลักษณะใด ?

อีกสิ่งที่คุณเห็นได้ด้วยตา แต่มีผลถึงการใช้งาน ถัดจากพักเท้า ก็คือแฮนด์บาร์ทรงกว้าง และเบาะนั่งที่แม้จะถูกแบ่งเป็น 2 ตอน แต่ฝั่งของผู้ขี่นั้นกลับดูยาวเป็นพิเศษ และมีความสูงเพียง 795 มิลลิเมตร

จากการออกแบบในข้างต้น จึงทำให้รถแม่บ้านคันนี้ เป็นรถที่ผู้ขี่สามารถจัดแจงท่าทางในการควบคุมตัวรถได้ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางตอนนั่ง ที่มีความสะดวกสบาย จากเบาะนั่งที่เต็มก้น ตำแหน่งพักเท้าก็ไม่สูงมากนัก ไม่ถอยหลังจนเกินไป และด้วยความกว้างแฮนด์ที่มากพอประมาณ ทำให้การควบคุมแฮนด์บาร์หรือล้อหน้าเป็นไปอย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้แรงมากนัก และไม่มีอาการเมื่อยล้าง่ายๆ แม้จะขี่เป็นระยะเวลานานๆ

ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ เมื่อลองขี่ด้วยท่ายืน ซึ่งเป็นท่าทางพื้นฐานของการลุย ผู้ทดสอบพบว่านี่เป็นจุดที่ทาง Yamaha ออกแบบมาได้ดีเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ความสูงแฮนด์บาร์ ที่อยู่ในระดับพอดี ทั้งความสูง และความไกลตัว ที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ายืนแล้วต้องโน้มตัวมากนัก (ผู้ทดสอบสูง 168 เซนติเมตร) แถมยังมีระยะให้โก่งแขนเพื่อรอซับแรงกระแทกได้สบายๆ

ตัวเบาะนั่งเอง แม้ครึ่งหลังของเบาะหน้าจะใหญ่เต็มก้น แต่ครึ่งหน้าก็แคบพอที่จะทำให้ผู้ขี่สามารถใช้ต้นขาหนีบรถเอาไว้ได้อย่างกระชับ แถมยังรับเข้ากับชุดแฟริ่งช่วงใต้เบาะนั่งได้พอดิบพอดี ส่วนพักเท้าเอง ก็อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางรถอย่างสมดุล เมื่อประกอบกับน้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างเบา จึงทำให้การควบคุมการทรงตัวรถไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด แถมยังออกไปทางคล่องแคล่วคล่องตัวกว่ารถแม่บ้านทั่วๆไปเสียด้วยซ้ำ

จะติดก็แค่เพียงด้วยข้อจำกัดจากการที่เครื่องยนต์ของรถยังติดตั้งคันสตาร์ทเท้ามาด้วย จึงทำให้ส้นเท้าขวา อาจหนีบเครื่องยนต์ได้ไม่กระชับเท่าไหร่นัก เพราะคันสตาร์ทเท้าคอยดันอยู่ตลอด และเนื่องจากตัวรถไม่มีการ์ดแครงก์ด้านล่าง ทำให้หากถึงเวลาที่ขี่ๆไปแล้วเจอร่องหินสูงๆ หรือตอนเอียงรถเข้าโค้งแล้วเรากดรถลงต่ำติดพื้นมากเกินไป คันเกียร์อาจโดนหิน หรือพื้นงัดจนงอได้ง่าย ซึ่งนี่ถือเป็นจุดที่ต้องระวังอย่างมาก

ในส่วนการทำงานของช่วงล่าง และระบบกันสะเทือนเอง ก็ถือว่าค่อนข้างประทับใจชนิดที่ว่าดีไม่แพ้คู่แข่งจนกินกันได้ยากเลยทีเดียว

เพราะด้วยช่วงยุบทางด้านหน้าที่มากถึง 130 มิลลิเมตร และด้านหลังอีก 109 มิลลิเมตร กับน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา และชุดยางที่เป็นแบบกึ่งหนามอย่างแท้จริง

ทำให้การควบคุมตัวรถบนทางลูกรังนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวล และหนืดกำลังดี สามารถเก็บได้แรงกระแทกได้อย่างอยู่หมัด โดยแทบไม่มีอาการดีดหรือสะท้านที่มากเกินจนหน้าหวาดเสียวให้รู้สึกเลยสักนิด ขณะที่อาการโช้กยัน ยังไม่เจอเลยสักครั้ง แม้จะลองขี่ด้วยความเร็วหลัก 40-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง (บนทางลูกรัง) หรือมีจังหวะให้ลองกระโดดเนินย่อมๆเล่นดู แล้วก็ตาม

อย่างไรก็ดี ด้วยช่วงล่างที่มีช่วงยุบค่อนข้างเยอะ และติดนุ่ม เพื่อซับแรงกระแทก จึงทำให้การขี่รถบนทางคอนกรีต อาจจะรู้สึกโยกๆ โคลงๆไปบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าโค้งขึ้นมา หากกะจังหวะดีๆ ไม่ได้เข้าเร็วแบบนักซิ่ง รถก็ไม่ได้มีอาการหน้าหรือท้ายร่อนให้รู้สึกง่ายๆ แม้ในตอนทดสอบ รถจะต้องแบกน้ำหนักทั้งผู้ทดสอบที่เป็นผู้ขี่ ซึ่งหนักกว่า 90 กิโลกรัม และผู้ซ้อนที่เป็นนักทดสอบอีกท่านซึ่งหนัก 110 กิโลกรัมก็เถอะ

นอกจากนี้ ถึงตัวยางที่ให้มา จะเป็นยางกึ่งหนามที่มีดอกค่อนข้างใหญ่ ทว่าในการขี่บนถนนคอนกรีต มันก็ไม่ได้ส่งเสียงหอนขึ้นมามากเท่าไหร่นัก เช่นเดียวกับการสั่นสะเทือนจากผิวหน้ายางที่ไม่เรียบ และแม้ตัวยางหลังอาจจะล็อคง่ายไปบ้าง เมื่อเรากดเบรกหลังหนักๆ แต่ก็แลกมาซึ่งความสนุกในยามที่ต้องบุกทางลูกรัง ซึ่งเป็นสเน่ห์ที่ควรมีในรถมอเตอร์ไซค์สายลุยอยู่แล้ว

สุดท้ายคือระบบเบรก ที่น่าเสียดาย ว่าเรายังไม่มีโอกาสได้ลองเล่นมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากในวันทดสอบ ทาง Yamaha ให้โจทย์ว่าต้องลองนั่งกัน 2 คน ต่อรถ 1 คัน ดังนั้นจะให้เล่นแผลงๆกับเบรกก็คงไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เท่าที่ลอง ก็จัดว่าไว้ใจได้ หากคุณไม่ได้ทะเล่อทะล่าซัดรถตึงๆ แบบที่ลืมไปว่าตอนนี้คุณกำลังขี่รถซึ่งใช้ยางแบบกึ่งหนามอยู่

ด้านขุมกำลัง แม้จะยังคงเป็นบล็อคสูบเดียว 114cc ลูกเดียวกับ Yamaha Finn แต่ด้วยการปรับจูนไส้ในใหม่ จนทำให้มันสามารถรีดแรงบิดได้มากขึ้น จาก 9.2 นิวตันเมตร เป็น 9.5 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที โดยที่แรงม้าสูงสุดยังคงเท่าเดิมที่ 9.0 PS ที่ 7,000 รอบ/นาที และยังมีการลดฟันสเตอร์หน้าลง จาก 14 ฟันเหลือ 13 ฟัน เพื่อเพิ่มอัตราทดให้จัดจ้านขึ้น

ส่งผลให้ตัวรถ PG-1 มีอัตราเร่งที่ติดมือกว่า Finn ขึ้นมาอีกพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองขี่ตัวคนเดียว แบบไม่มีการบรรทุกคนซ้อน หรือสัมภาระด้านหลัง ซึ่งส่วนตัวผู้ทดสอบมองว่ามันมีความปรู๊ดปร๊าดมากกว่าคู่แข่งที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่าเสียอีก

อย่างไรก็ดี ในจังหวะขึ้นเนินชันๆโดยไม่มีระยะให้เลี้ยงความเร็วก่อนไต่ กับต้องแบกน้ำหนักผู้ขี่ที่มากถึง 90 กว่ากิโลกรัม การใช้เกียร์ 2 สำหรับไต่เนิน อาจทำให้รถมีอาการรอบเหี่ยวไปบ้าง แต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้รถจะเร่งไม่ขึ้นแล้วดับไปเลยเสียทีเดียว และมันยังคงสามารถดันเนินต่อไปทั้งอย่างนั้นได้อยู่

หรือหากผู้ขี่ไม่มั่นใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตบลงเกียร์ 1 รถก็พร้อมจะพุ่งดันเนินไปแบบฉิวๆทันที แม้จะรู้สึกว่ารอบมันแอบสูงไปนิดก็ตาม

ขณะที่การขี่แบบมีผู้ซ้อนที่มีน้ำหนักรวมกันบนรถไม่น้อยกว่า 200 กิโลกรัม ตัวรถยังคงสามารถวิ่งได้สบายๆบนทางเรียบ ส่วนการไต่เนินที่ไม่ชันมากนัก โดยมีความเร็วก่อนไต่ที่ราวๆ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง งานนี้ก็อาจจะต้องตบเกียร์ลงจาก เกียร์ 4 ลงมาเกียร์ 3 สักหน่อย เพื่อเรียกรอบ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าแม้รถจะมีการปรับจูนให้เรียกแรงบิดได้สูงขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังคงอยู่ในย่านรอบที่สูงนิดหน่อยอยู่ดี

ส่วนเรื่องของตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง เรายังไม่สามารถเก็บค่าใดๆได้ทั้งสิ้น เนื่องจากการทดสอบครั้งนี้ ยังเป็นเพียงการทดสอบในลักษณะของงานอีเวนท์ เน้นเก็บข้อมูลสมรรถนะการขับขี่ของตัวรถ แต่ทาง Yamaha ก็ระบุว่าด้วยขนาดถังน้ำมันความจุ 5.1 ลิตร ทำให้มันสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางมากกว่า 250 กิโลเมตร แน่นอน (สำหรับการขี่ชิลๆ)

เรียกได้ว่าในภาพรวมแล้ว หากไม่นับหน้าตาตัวรถ ที่ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน ส่วนตัวผู้ทดสอบก็มองว่า Yamaha PG-1 เป็นอีกทางเลือกรถมอเตอร์ไซค์แนวครอบครัวที่น่าสนใจ และเหมาะกับผู้คนหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น

  • ผู้ใช้รถทั่วไป ที่อยากได้รถมอเตอร์ไซค์ไว้จ่ายตลาดสักคัน ซึ่งสามารถขี่ผ่านหลุมท่อได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเบรกตัวโก่ง
  • ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ส่งของเดลิเวอรี่ เพราะนอกจากความสามารถของช่วงล่างในข้อก่อนหน้านี้ ตัวรถยังมีข้อดีอีกหลายจุดที่เหมาะสำหรับการนำมาใช้ส่งของ หรือวิ่งงาน ทั้งจากถังน้ำมันขนาดใหญ่ และการที่เราไม่ต้องถอดกระเป๋าหลังออกเพื่อเติมน้ำมัน
  • ผู้ใช้รถเชิงสันทนาการ เอาไว้ขี่เที่ยวเล่นพื้นที่ชนบท หรือไปแคมป์ปิ้ง ที่ผสานเอาข้อดีจาก 2 รูปแบบการใช้งานเบื้องตนเข้าไว้ด้วยกัน จนทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินทางได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

เมื่อประกอบกับราคาวางจำหน่ายที่ถูกกว่าคู่แข่ง(สายเกือบตรง) ถึง 20,000 บาท ด้วยราคาแนะนำ 64,900 บาท จึงทำให้มันเป็นรถแนวนี้ที่จับต้องได้ง่ายที่สุด

และด้วยความเป็นรถมอเตอร์ไซค์จากแบรนด์ Yamaha ซึ่งมาพร้อมกับการรับประกันที่ยาวนาน และยังใช้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ร่วมกับ Yamaha Finn ที่ติดตลาดมานานหลายปี การซ่อมบำรุงหากรถมีปัญหา หรือเกิดอุบัติเหตุขณะใช้งานขึ้นมา จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเลยสักนิด

ทีนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะครับ ว่าจะเลือกตัวรถสีไหนกัน เพราะมันมีให้เลือกถึง 4 รูปแบบตามธีมการใช้งาน ได้แก่ ได้แก่ สีฟ้า Chill Blue (สายท่องเที่ยวตามชายหาด ได้กลิ่นอายทะเลเต็มเปี่ยม), สีเหลือง Vivid Yellow (สายก๋ากั่น รักความโดดเด่นสะดุดตา ไปไหนใครก็มอง), สีน้ำตาล Humming Brown (สายธรรมชาติ เน้นความกลมกลืนกับป่าเขา ใครเห็นก็รู้ว่าชอบแคมป์เป็นที่สุด), และ สีดำ Cool Black (สายเข้ม เน้นความขรึม พร้อมสำหรับการตกแต่งในแบบที่เป็นคุณ)

ขอขอบคุณ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ที่ให้เกียรติทีมงาน Ridebuster ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าร่วมทดสอบ Yamaha PG-1 ในครั้งนี้

ทดสอบ/เรียบเรียง : รณกฤต ลิมปิชาติ
ภาพ : ไทยยามาฮ่ามอเตอร์

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่