ใจช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระแส สังคมดูจะให้ความสนใจ กรณี อุบัติเหตุบนทางด่วน ที่เกิดขึ้น โดยภายหลัง ผู้ขับขี่กล่าวอ้างว่า ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด นั้น มาจาก อาการ พวงมาลัยล็อค ขณะขับขี่ จนเกิดการสูญเสียแก้ครอบครัวของเขา

สังคม ยังคำถามมาว่า อาการ พวงมาลัยล็อค สามารถเกิดขึ้นได้จริง หรือไม่ เพระา การบังคับทิศทางรถ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ เมื่อบังคับไม่ได้ โอกาส ที่จะเสี่ยงชีวิตในรถที่เราใช้ เป็นประจำ ก็อาจเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

เข้าใจระบบบังคับเลี้ยว

ในการควบคุมทิศทางใดๆ ในรถยนต์ทุกรุ่นทุกคัน จะมีระบบบังคับเลี่ยวอยู่ ในอดีต ระบบบังคับเลี้ยวจะต่อจรงกับ ระบบกันสะเทือนต่างๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่ปรับทิศทางที่พวงมาลัย

ปัจจุบัน ด้วยความทันสมัย และความต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ทางวิศวกร จึงระบบช่วยผ่อนแรงขึ้นมาให้ลูกค้า โดยที่นิยม ในปัจจุบัน มี 2 ระบบใหญ่ คือ

  1. ระบบพวงมาลัย พาวเวอร์แบบไฮโดรลิก ระบบนี้จะใช้ชุดปั้มและน้ำมันไฮโดรลิคในการช่วยผ่อนแรงผ่านชุดแร็คพวงมาลัย โดยระบบจะทำงานตลอดเวลา เมื่อปั้มทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะติดเป็นชิ้นส่วนควบกับเครื่องยนต์ และทำงานตลอดเวลา โดยในรถบางรุ่น อาจจะมีการพัฒนาให้สามารถปรับแรงดันได้ เพื่อทำให้พวงมาลัย หนักหรือเบา แตกต่างกันออกไป (รถที่เกิดอุบติเหตใช้ระบบนี้)
  2. ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า เป็นระบบใหม่ที่ได้รับความนิยมในรถเก๋ง และรถกระบะบางรุ่น ระบบนี้จะใช้การควบคุมชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ในการบังคับเลี้ยว แทนระบบไฮโดรลิคเดิม โดยระบบนี้จะใช้ไฟฟ้าในการให้กำลังมอเตอร์ เพื่อผ่อนแรง ทำงานเมื่อผู้ขับขี่ต้อวการบังคับทิศทาง จึงจะจ่ายไฟไปยังมอเตอร์บังคับทิศทาง ที่ชุดแร็ค พวงมาลัยนั่นเอง

พวงมาลัย ล็อค เกิดขึ้นได้จริงไหม

ตามปกติแล้ว ในพื้นฐานทางวิศวกรรมรถทุกรุ่น การบังคับทิศทาง ถือเป็นความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน แม้ว่า ระบบผ่อนแรง จะเกิดความผิดพลาดในการทำงาน หรือ ล้มเหลว ระบบ จะออกแบบ ให้ผู้ขับขี่ ยังสามารถควบคุมทิศทางได้ เพียงแต่อาจจะมีน้ำหนักในการบังคับทิศทางมากว่าปกติ ต้อง ออกแรงในการบังคับทิศทาง มากกว่า

หาก อาการพวงมาลัยล็อค ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น แต่เป็นไปได้ยาก ซึ่งมี สาเหตุต่างๆ ดังนี้

1.แร้คพวงมาลัยเสื่อม

อาการแร็คพวงมาลัยเสื่อม มักจะเกิดขึ้นได้ เมื่อผ่านการใช้งานไปเป็นเวลานานๆ ตัวบังคับเลี้ยว ที่เชื่อมกับระบบกันสะเทือน หรือ ที่เรียกว่าแร้คพวงมาลัย มักจะเริ่มเกิดการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมานาน

อาการนี้ จะเกิดขึ้นในลักษณะ เมื่อบังคับทิศทางพวงมาลัยด้านใดด้านหนึ่ง จะมีอาการสะดุด คล้ายพวงมาลัยล็อค ถ้าเกิดในระหว่างการขับขี่ จะค้ลายอาการพวงมาลัยล็อคมาก แต่ถ้าคุณฝืนบังคับ จะพบว่ายังสามารถควบคุมได้ ในขณะที่การบังคับอีกด้าน จะไม่เกิดขึ้น

ถ้ารถมีอาการดังกล่าว ค่อนข้างชัดเจนว่า อาการแร็คพวงมาลัยเสื่อม

แม้ว่า ตามปกติ จะไม่มีระบุในคู่มือประจำรถ อย่างชัดเจน แต่เป็นที่ทราบกันในหมู่ช่างผู้เชี่ยวชาญว่า รถที่มีอายุมากควรเปลี่ยนถ่าย น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ เพื่อทำให้ ระบบภายในสะอาด และไม่มีปัญหาในการใช้งานในระยะยาว

2.อาการแร็ครั่ว /ปั้มพาวเวอร์ เสีย

อาการแร็ครั่ว จะเกิดขึ้นในระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ เนื่องจากระบบดั้งเดิม อาศัยน้ำมันไฮโดรลิคไหลเวี่ยน เพื่อสร้างแรงดันในการผ่อนแรงบังคับทิศทาง ในกรณีที่ ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะแร็คพวงมาลัย เกิดรั่ว ทำให้น้ำมันไหลออกจากระบบจะทำให้ พวงมาลัยมีน้ำหนักมาก ในกรณีนี้ร้ายแรงจะมีอาการ เหมือนพวงมาลัยล็อค บังคับทิศทางได้ยากในระหว่างการขับขี่

ส่วนในกรณี ปั้มพาวเวอร์เสีย ก็จะเกิดอาการแบบเดียวกัน คือ บังคับทิศทางได้ยากมาก จนผู้ขับขี่อาจจะคิดว่า พวงมาลัยล็อค

3.ชิ้นส่วนระบบบังคับเลี้ยวเสียหาย

เคสสุดท้ายนี้เป็นไปได้ยากมาก แต่ก็ใช่ว่า จะไม่มีความเสี่ยงที่จะไม่เกิดขึ้นเลย นั่นคือ ชิ้นส่วนระบบบังคับเลี้ยวเสียหาย เช่น ลูกหมากปลายแร็ค ,​ แกนพวงมาลัย ในกรณีนี้ เมื่อเกิดขึ้นจะมีอาการไม่สามารถบังคับทิศทางรถได้ ผู้ขับขี่ จะรู้สึกเหมือนพวงมาลัยล็อค

แต่ที่จริงแล้ว ยังสามารถบังคับได้ แต่จะไม่สามารถบังคับไปยังทิศทางที่เสียหายได้ดีเท่าเดิม อาจจะจ้องใช้วงหมุนพวงมาลัยเยอะกว่าปกติ

อย่างไรก็ดี, อาการพวงมาลัยล็อค จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อคุณดึงกุญแจ หรือดับเครื่องรถ แล้วหมุนพวงมาลัยจากเกิม พวงมาลัย จะล็อค อันมาจากการออกแบบของผู้ผลิต เพื่อป้องกันการโจรกรรม และรวมถึง ยังบังคับทิศทางล้อ เวลาจอดบนเนิน หรือทางชัน เป็นทริค ที่นิยมมากในหมู่ผู้ขับขี่ทั่วโลก

โดยสรุป พวงมาลัยล็อค เป็นอาการที่ ผู้ขับขี่อาจจะรู้สึก ได้เมื่อ ระบบผ่อนแรง หรือ ระบบบังคับเลี้ยว เกิดความเสียหายในระหว่างการใช้งาน แต่จริงด้วยแนวคิดทางด้านความปลอดภัย ไม่ว่ารถคุณจะใช้ระบบพวงมาลัยแบบใด ทางวิศวกร จะออกแบบ ให้ พวงมาลัยนั้น ยังสามารถบังคับได้ เพียงแต่ต้องออกแรงมากกว่าปกติ เนื่องจากระบบได้รับความเสียหาย

แต่เนื่องจากในสถานการณ์จริง คุณต้องใช้ความเร็วในการขับขี่ อาจจะมีเวลาตัดสินใจไม่นานในการทำให้ชีวิตปลอดภัย สำคัญที่สุดมีสติ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ควร พยายาม หาวิธีนำรถเข้าสู่จุดปลอดภัย ครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่