ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกมาขายในปีที่ผ่านมา MG4 กลายเป็นรถยนต์ที่ ในเวลานี้ทุกคนพูดถึงอย่างมาก ไม่ใช่ด้วยยอดขาย แต่ เพราะ การประกาศ รางวัล Thailand EV Of The Year 2023 โดยสมาคม ผู้สื่อข่าวรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ แห่งประเทศไทย รถรุ่นนี้รับรางวัลไปหมาดๆ ในปีนี้

MG4 electric

ผู้อ่าน หรือ คนที่ติดตามข่าว รถยนต์ไฟฟ้า อาจจะตกใจ ปนสงสัย ทำไม MG4 ถึงได้รางวัลนี้ และไม่เพียงเท่านั้น มีอินฟลูเอนเซอร์ ตลอดจน ผู้สื่อข่าว และนักรีวิวรถยนต์ หลายคนใช้รถรุ่นนี้เป็นรถประจำกาย ในชีวbตประจำวันด้วย อะไรทำให้มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าท ี่น่าชื่อว่าดีที่สุดในวันนี้ เราหาคำตอบด้วยกันครับ

ก่อนอื่น ต้องบอกว่า รถยนต์ไฟฟ้า MG4 ไม่เหมือนกับ รถเดิมที่คุณรู้จักมาก่อนของ MG ไม่ว่า จะ MG ZS , MG EP ด้วย ทาง SAIC Motor เจ้าของแบรนด์ เอ็มจี มีแผนใมนการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าตอบตลาดยุโรป และตั้งใจอย่างมากในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างจากเดิมๆที่ผ่านมา

ในตอนสร้า ง MG ZS และ MG EP ทั้งคู่ แตกต่างจาก MG 4 ด้วยการใช้การต้อยอดจากแพลทฟอร์มรถน้ำมันเดิม หรือ พูดตามตรง รถยนต์ไฟฟ้าคือทางเลือก ในยุคที่มันถูกพัฒนา

MG4 electric

ในกรณี MG EP มันพัฒนามาจากแบรนด์ Roewe ที่นิยมในจีน แล้วปรับสลับตรามาใช้ในนาม MG ออกมาในนาม MG 5 EV ในอังกฤษ บ้านเรา อาจจะเรียก MG EP เพื่อความเข้าใจง่ายกว่า

ส่วนที่ต่างออกไป ไม่ใช่เพียงกายภายนอกที่มาในเรือนร่าง 5 ประตู จนอาจพูดได้เต็มปากว่า นี่คือ Nissan Leaf ในเวอร์ชั่นแกนมังกร

ทว่าตัวรถ ถุกใส่ใจในเรื่องงานวิศวกรรมในแบบที่ไม่เคยมี หรือเราได้ยินมาก่อนในรถยนต์จาก MG เริ่มจากรถคันนี้พัมนาภายใต้ โครงสร้างใหม่ ที่เรียกว่า Nebula Platform

แม้ว่า เอ้มจี จะไม่ได้พูดถึงตัวดครงสร้างมากนัก ในตอนแนะนำรถยนต์รุ่นนี้ออกสู่ตลาดประเทศไทย ทว่าจากข้อมูล ที่เผยในจีน โครงสร้าง เนบูล่า หรือที่จีนเรียกว่า “Xingyun” นั้น มีการพัฒนาโครงสร้างขึ้นมาใหม่หมด สำหรับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และ MG4 ถือเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้แพลทฟอร์มใหม่นี้

โครงสร้างใหม่นี้ ออกแบบให้รองรับการใส่แบตเตอร์รี่ไว้ใต้ท้องรถ มันมีช่วงการวางแบตเตอร์รี่ในจุดที่ดีที่สุดเพื่อสร้างสมดุลน้ำหนัก

รวมถึงทำให้ ตัวแบตเตอร์รี่นั้น ไม่ห้อยต่ำลงมากว่าโครงสร้างด้วยการทำให้แบตเตอร์รี่วางได้ลึกดข้าไปในโครงสร้างมากขึ้น

ตัวโครงสร้างสามารถรับปรุงตามประเภทรถ หรือมันเป็น Modular Plarform รองรับ ระยะฐานล้อตั้งแต่ 2,690 มม.​ไปจนถึง 3,100 มม.​

ด้วยการวางแบตเตอร์ได้ดีขึ้น จึงทำให้รถมีสมดุลน้ำหนักที่ดี MG 4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบ็คเพียงรุ่นเดียวในตอนนี้ที่มาพร้อม สมดุลน้ำหนักหน้า-หลัง 50/50 เทียบเท่ารถยนต์สปอร์ตเครื่องสันดาปบางรุ่น ทั้งที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า

ปัจจุบัน ยังไม่มีค่ายไหน กล้าเคลม สมดุลน้ำหนักแบบนี้มาก่อน ในรถยนต์ไฟฟ้า แม้กับแบรนด์ชื่อดังก็ตาม

เรื่องงานวิศวกรรมยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทางเอ็มจี ยังให้ระบบช่วงล่างด้านหลัง แบบมัลติลิงค์แม้ฟังแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ ปัจจุบันคู่แข่งก็ให้มา แต่ทีเด็ดของ เอ็มจี 4 อยู่ที่การพัฒนารถให้เป็นขับเคลื่อนล้อหลัง เป็นรุ่นแรกตอนเปิดตลาด และในระดับราคาเดียวกันยังไม่มีค่ายไหนให้ การขับเคลื่อนล้อหลังมาด้วย

การขับเคลื่อนล้อหลังนั้น ทำให้ การควบคุมตัวรถค่อนข้างจะมีความเป็นธรรมชาติ ตอบสนองดี ในยามขับเอาสมรรถนะ เน้นทำความเร็ว มันพลิกตัวได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองในเรื่องการบังคับรถในทางแคบได้ค่อนข้างดีเอาเรื่อง

มันยิ่งเด่นชัด กับการทดสอบภาคสนาม อย่างการขับ สลาลอม ,​การวางสถานีเปลี่ยนเลน และทุกอย่างที่นึกออก ในแง่ของการบังคับตัวรถ ผู้ขับขี่จะรู้สึกถึงความมั่นใจพอตัว

แต่โครงสร้าง ก็ไม่ใช่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ ตัวแบตเตอร์รี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้รถคันนี้มีความหัศจรรย์ในการควบคุม MG แนะนำ แบตเตอร์รี่แบบ Cell To Pack ตัวเซลออกแบบมาให้มีความบาง เรียกว่า Rubik’s Cube battery

ตัวเซลล์ มีทั้งสิ้น 3 เซลล์หลัก แล้วจุลงในตัวแพ็คแบตเตอร์รี่ที่อออกแบบมาให้มีความพอดี

ผลคือ ได้แบตเตอร์รี่ที่บาง มีประสิทธิภาพในการใช้งาน มีน้ำหนักไม่มากเกินไป จะว่า MG เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเบารุ่นหนึ่ง มันมีน้ำหนักเปล่าเพียง 1,641 กก. (ตามข้อมูลจากประเทศจีน) ซึ่งไม่ได้มากมายอะไร เทียบเท่า และค่อนข้างใกล้เคียงรถยนต์น้ำมันในคลาส Compact Car

MG4 electric

นอกจากนี้ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า ยังพัฒนาใหม่ ทำให้ ค่อนข้างมีประสิทธิภาพต่อการตอบสนอง แม้ว่า จะมีกำลังเพียง 170 ม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ไม่ได้บ้าพลัง เหมือนค่ายอื่นๆ ที่มีตัวเลขมากกว่านี้

แต่ด้วยตัวรถที่มีน้ำหนักไม่มากมายอะไรนัก ทำให้เราได้เห็นการตอบสนองที่เพียงพอต่อการใช้งาน

Ridebuster เคยลองอัตราเรง่ง 0-100 ก.ม./ ช.ม.​พบว่าสามารถทำอัตราเร่งได้ราวๆ 7 วินาทีกลางๆ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วในระดับหนึ่ง และมีประสิทธิภาพในการขับขี่ จากตัวเลขที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ใช้จริง พบว่าจะมีช่วงการบริโภคอยู่ที่ 15-17 Kwh/100 km ถือว่าค่อนข้างดีพอสมควร กับรถราคาระดับเดียวกัน

แต่จะถามว่า จุดเด่นรถคืออะไร ก็คงต้องบอกว่า เป็นเรื่อง สมดุล และการตอบสนอง มีกลิ่นอายความสปอร์ต ติดปลายนวมมาในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรถรุ่นอื่น ยังไม่มีใครทำแบบนี้ได้

และเมื่อลองคิดตามว่า รถราคา ไม่ถึงล้านบาท ได้ช่วงล่างอิสระด้านหลัง ,พละกำลังที่ค่อนข้างมาก , ความเป็นขับหลัง ที่ไม่ใครเหมือน และ สมดุลน้ำหนัก ราวกับล่ำเรียนมาจาก รถสปอร์ตชั้นนำ และทั้งหมดนั้น ราคาไม่เกินล้านบาท ด้วย

ไม่แปลกใจเลย ที่ MG4 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับรางวัล Thailand EV Of The year ในปีนี้ อันยืนยันว่า ตัวรถรุ่นนี้ไม่ธรรมดา และมันฉีกภาพ และความคิดเดิมๆที่คุณเคยมองแบรนด์ MG

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่