แม้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าทาง Toyoto ได้มีการเลิกขายรถยนต์ในไทยไปหลายรุ่น แต่เร็วๆนี้พวกเขาก็เตรียมเสริมทัพรถยนต์รุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน ภายในวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งมันอาจเป็น Toyota Yaris Cross

Toyota Yaros Cross 2023

ต้องทำความเข้าใจกันก่อน ว่าตัวรถ Toyota Yaris Cross ที่เรากำลังเกริ่นถึงอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้เป็นตัวรถร่างที่ขายในประเทศญี่ปุ่นมานานหลายปี แต่เป็นตัวรถที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีความแตกต่างจากคันแรกอยู่หลายประการ

เริ่มจากหน้าตา ที่มาพร้อมกับเส้นสายที่ให้ความรู้สึกที่ดุดันไม่แพ้พี่ๆรถอเนกประสงค์คันอื่นๆ ทั้ง กระจังหน้าขนาดใหญ่ และเส้นสายกันชนหน้าที่ดูบึ้งตึง ด้วยกลิ่นอายจาก Toyota Highlander เสริมด้วยงานออกแบบแก้มข้าง ที่ดูบึกบึน และซุ้มล้อแบบกรอบเหลี่ยมนิดๆ ที่เป็นการหยิบยืมเอางานดีไซน์ของ Toyota RAV4 มาใส่เข้าไป

Toyota Yaros Cross 2023

ด้านงานออกแบบภายใน ตัวรถรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับแผงคอนโซลหน้า ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Toyota Yaris Ativ และ Toyota Veloz เข้าไว้ด้วยกัน แม้กระทั่งพวงมาลัย และหน้าจอมาตรวัดเอง ก็ยังใช้ร่วมกันกับรถยนต์ที่สองคันในข้างต้น ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะมันใช้ทั้งโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน และผลิตโดย Toyota Indonesia เช่นกัน

นอกจากนี้ ตัวรถยังให้หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.1 นิ้ว, แท่นชาร์จไร้สาย, หลังคาพาโนรามิค, ฝาท้ายไฟฟ้า, และระบบ ADAS “Toyota Safety Sense” เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้

ด้านเบาะภายในห้องโดยสาร เป็นแบบ 5 ที่นั่ง ซึ่งทาง Toyota Indonesia ที่เป็นผู้รับผิดชอบการสร้างตัวรถรุ่นนี้ ระบุว่ามันมีห้องโดยสารที่กว้างพอจะสู้กับรถยนต์ในรุ่นใหญ่กว่าได้สบายๆ

Toyota Yaros Cross 2023

และเนื่องจากตัวรถ ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DNGA ของ DAIHATSU บริษัทลูกของ Toyota ที่ถนัดในการทำรถยนต์ขนาดเล็ก และเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับที่พวกเขาใช้สร้าง Toyota Yaris Ativ จึงทำให้ขนาดตัวรถ มีความยาวมี 4,310 มิลลิเมตร, กว้าง 1,770 มิลลิเมตร, สูง 1,615 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร

ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันมีขนดาตัวที่เล็กกว่า Corolla Cross ลงมาอีกหนึ่งระดับ แต่ไม่ถึงขั้น Toyota Raize ที่เป็นคู่แข่งสายตรงกับ Honda WR-V

Toyota Yaros Cross 2023

ด้านขุมกำลังของ Toyota Yaris Cross หากอิงตามรุ่นที่มีวางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย เราก็จะพบว่ามันมีหัวใจให้ลูกค้าชาวอินโดนีเซียได้เลือก 2 แบบด้วยกัน

เริ่มจาก เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ความจุ 1.5 ลิตร พ่วงระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 106 PS กับแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังชุดล้อคู่หน้า ผ่านระบบเกียร์ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Automatic-CVT หรือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด

ส่วนอีกขุมกำลัง คือเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1.5 ลิตร เช่นกัน แต่ถูกปรับจูนใหม่ ให้เน้นความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า จนมีแรงม้าเพียง 91 PS และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ทว่าด้วยการเสริมกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 80 PS และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร จึงทำให้มันสามารถปั่นแรงม้ารวมกันได้สูงสุดที่ 112 PS โดยที่ระบบส่งกำลังจะมีให้เลือกเพียงแบบอัตโนมัติ เกียร์ CVT และใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่เรามองว่า มันมีโอกาสที่จะถูกนำมาเปิดตัวในไทยเร็วๆนี้ หลักๆแล้วก็มีเหตุผลทั้งในเรื่องของระยะเวลาการเปิดตัว ที่ทิ้งช่วงจากการเปิดตัวในประเทศอินโดนีเซียเพียงไม่นาน

นอกจากนี้ หากย้อนไปเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อน ทีมงาน Ridebuster ของเราเอง ก็ยังพบเห็นว่าทาง Toyota Motor Thailand แอบเอาตัวรถรุ่นนี้ มาวิ่งทดสอบแบบคลุมผ้าพรางตาบนถนนเส้นมอเตอร์เวย์อีกด้วย

ซึ่งหากนับเวลา และเทียบเคียงกับรถยนต์โมเดลอื่นๆที่ขายในประเทศอินโดนีเซีย และเตรียมเข้ามาทำตลาดในไทย ทาง TMT ก็มักจะใช้เวลาในการทดสอบและปรับเซ็ทรายละเอียดยิบย่อยต่างๆของตัวรถเพื่อให้เข้ากับการใช้งานและสภาพอากาศในประเทศไทย ราวๆ 2-4 เดือน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจังหวะเวลานั้นค่อนข้างสอดคล้องกันพอดี และเราก็ยกให้มันเป็นรถตัวเต็งที่สุดที่จะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนหน้า ในวันที่ 5 ตุลาคม ที่จะถึงนี้…

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่