พึ่งจะเปิดตัวไปได้ไม่นานกลายเป็นรถหรูที่เหล่าเซเลปต่างถวิลหาความหรูหราและพลังแรงกับ Toyota Alphard และ Toyota Vellfire เจนที่สี่

หลังจากเปิดตัวด้วยเครื่องเทอร์โบกับไฮบริดกันไปแล้วงานถูกใจสาวกเป็นแน่แท้เพราะทาง Toyota เตรียมที่จะมีเวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดลงใน Toyota Vellfire PHEV ถึงทางญี่ปุ่นยังไม่มีการเปิดเผยแต่มีความเป็นไปได้ว่าจะยกมาจาก Lexus RX450h+ ด้วยเบนซิน PHEV Dynamic Force ขนาด 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS 190 แรงม้า แรงบิด 238 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์  ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor 5NM ให้กำลังมากถึง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร สำหรับล้อหน้าและล้อหลังแบบ 4NM ให้กำลัง 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 304 แรงม้า

วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า EV ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งอาจได้ 85 กม. ตามมาตรฐาน NEDC โดยชาร์จกระแสสลับ AC แบบ Type 2 รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาเพียง 2.30 ชม. คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดได้แก่ EV,EV/HEV,HEV และชาร์จแบตเตอรี่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-Four มอเตอร์ไฟฟ้าแบบติดตั้งด้านหลัง กระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง ได้ตั้งแต่ 100:0 ถึง 20:80

ทางด้านรูปลักษณ์ยังคงเดิมเพิ่มเติมด้วยสัญลักษณ์ PHEV ท้ายรถและช่องเสียบชาร์จ AC นอกนั้นเหมือนกันตั้งแต่ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น ไฟหน้าแบบ LED Projector 3 ดวง พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบวิ่ง Sequential ชุดกันชนหน้า-กันชนหลังดีไซน์หรู

ไฟท้าย LED รูปตัว U เสริมขอบโครเมียมไว้กรอบไฟท้ายและไฟตัดหมอกหลัง ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย ประตูสไลด์ 2 บาน เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคามูนรูฟแบบ Twin Moonroof 2 บานตรงกลางซ้าย-ขวา ล้ออัลลอยขนาดใหญ่สุด 19 นิ้ว

ภายในอลังการตอบโจทย์ผู้นำเริ่มที่ ชุดเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Premium Nappa ด้วยโทนสีดำ พร้อมออปชัน เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าโดยด้านคนขับปรับได้ 8 ทิศทางพร้อมระบบความจำ 3 ตำแหน่งและผู้โดยสาร 4 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองทั้งแบบปกติและแบบ VIP Executive Lounge แยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet 5.5 นิ้ว คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนที่สามนั่งได้สามที่นั่งสามารถพับได้แบบ 50/50 ชุดแผงคอนโซลหน้าบุด้วยหนังสัมผัสเดินด้ายอย่างประณีต

ไฟสร้างบรรยากาศแบบ LED Ambient Illumination Light ปรับได้ 64 สี ลำโพงคุณภาพพรีเมียม JBL 15 จุด ช่องชาร์จแบบเสียบสายผ่าน USB ด้านหน้า 3 จุดและด้านหลัง 4 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สายและเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold เบื่องต้นเตรียมขายญี่ปุ่นเร็วๆนี้และเมืองไทยได้พบกัน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่