หลังปล่อยให้ผู้ที่สนใจตั้งคำถามกันอยู่นานถึงศูนย์บริการที่มีความเป็นหลักแหล่ง ในที่สุด Tesla ก็ได้เปิดตัวศูนย์ใหญ่ของแบรนด์ของจริงอย่างเป็นทางการแล้วเป็นที่เรียบร้อย กับ Tesla Service Center ณ The Paseo รามคำแหง

ดังที่เราระบุไว้ในข้างต้น Tesla Service Center หรือศูนย์บริการ และโชว์รูมรถยนต์ Tesla แห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ ณ ย่านการค้า The Paseo รามคำแหง ช่วงถนนสุขาภิบาล 3 และเปิดบริการตั้งแต่เวลา 9:00 – 18:00 น. วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์

ซึ่งอันที่จริง เชื่อว่าผู้ที่สนใจในรถยนต์ Tesla นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา น่าจะคุ้นเคยกันบ้างแล้ว เพราะมันก็อยู่ในบริเวณศูนย์ Tesla Test Drive Center ดั้งเดิม ที่เคยไปทดสอบรถกัน เพียงแต่ย้ายสลับมาใช้และปรับปรุงอาคารที่เคยเป็นของโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เจ้าตลาดรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ฝั่งขวาสุดของเวิ้ง The Paseo รามคำแหง แทนก็เท่านั้น

ส่วนตัวอาคารเอง แม้จะบอกว่าเป็นอาคารที่ใช้ต่อจากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกแบรนด์หนึ่ง แต่ทาง Tesla ก็ได้มีการปรับปรุงใหม่แทบทั้งหมดจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เว้นแค่เพียงโครงสร้างเสากับหลังคาภายนอกที่สวยอยู่แล้ว

ขณะที่ตัวโชว์รูมใต้หลังคา จากเดิมที่เคยเป็นเพียงลานจอดรถโล่งๆ ก็มีการทำผนังกระจกล้อมรอบอย่างดี เพื่อทำเป็นโชว์รูมห้องแอร์ ซึ่งมาพร้อมกับการวางพื้นที่แบบ Double Volume หรือโถงกลางแบบเปิดโล่ง ช่วยให้ตัวโชว์รูมดูไม่อึดอัด

และบริเวณกลางโถงกลาง ก็จะมีโต๊ะประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่อาจจะยังไม่เคยมาใช้บริการศูนย์บริการแห่งนี้มาก่อน ได้สอบถามแผนกต่างๆที่ต้องการติดต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเซลล์ ฝ่ายเซอร์วิสต์ ฝ่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถ หรือฝ่ายงานประกันภัย (ซ่อม/เคลม)

ถัดจากโต๊ะประชาสัมพันธ์ โดยรอบ จะเป็นที่จัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆที่ Tesla มีวางจำหน่ายในตอนนี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน แม้จะมีเพียง 2 รุ่นหลักๆ คือ Model 3 กับ Model Y แต่ทางโชว์รูม ก็มีการนำเอารถทุกรุ่นย่อยของแต่ละโมเดล มาจัดแสดงไว้อย่างครบครัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถสัมผัสตัวรถแต่ละรุ่นย่อยได้ด้วยสายตาของตนเอง ไม่ต้องพึ่งการจินตนาการ หรือมองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว จากรถตัวอย่างเท่านั้นอีกต่อไป

และหากลูกค้าพอใจกับการสัมผัสตัวรถคันจริง ในส่วนของการตรวจสอบราคา รวมถึงตัวเลือกออพชันต่างๆ ที่โชว์รูมจะมีการจัดโต๊ะสำหรับดูรายละเอียดหรือข้อมูลทางเทคนิคของตัวรถ อยู่ในบริเวณเดียวกันกับที่รถแต่ละรุ่น แต่ละคันตั้งอยู่แบบ แทบจะ 1:1

และเพื่อความเป็นส่วนตัว โต๊ะสำหรับดูข้อมูลรถแต่ละชุด ก็จะมีผนังกั้น ซึ่งมีการทำลวดลายหรือรายละเอียดที่ได้แรงบันดาลใจจากของพื้นถิ่น หรือเอกลักษณ์เล็กๆน้อยๆของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น กระบอกไม้ไผ่ (จำลองด้วยวัสดุทรงกระบอก ต่อกันเป็นแถวยาวๆล้อมรอบโต๊ะ), กระเบื้องหลังคาแบบบ้านยุคเก่า (จำลองด้วยการนำแผ่นกระเบื้องมาเรียงกันเป็นชั้นๆ แล้วทำเป็นแผ่นยาวๆล้อมรอบโต๊ะ), รวมถึงน้ำตก (จำลองโดยการทำเป็นบูธแบบมีเสาเหล็กสำหรับแขวนราวตาข่ายเหล็กตาเล็กสีเงิน ซึ่งของจริงดูสวยงามมากเลยทีเดียว)

ถัดจากบริเวณโชว์รูมมาอีกนิด เถิบไปด้านหลังอีกหน่อย จะพบกันโซนจัดแสดงนวัตกรรมเพิ่มเติมของ Tesla ซึ่งถูกตกแต่งให้มีลักษณะเหมือนซุ้มตรวจสอบคุณภาพรถก่อนส่งมอบภายในโรงงาน นั่นคือ การแต่งเป็นซุ้มพร้อมรางไฟนีออนสีขาว คล้ายกับเอาไว้ตรวจสอบงานสีตัวถัง

และด้านข้างก็มีการโชว์ตัว Wall Charge ตัวอย่าง ที่ลูกค้าควรมีติดไว้ที่บ้าน กับแบตเตอรี่เก็บไฟสำรอง สำหรับใช้งานในบ้าน ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า อย่างหลังนั้นมีค่าเสียหายเท่าไหร่ แต่จากข้อมูลที่เราได้รับมา ดูเหมือนว่าเฉพาะค่าตัวแบตเตอรี่อย่างเดียว ก็ตก 2 ลูก เกือบ 1 ล้านบาท ! ไม่รวมค่าบริการติดตั้ง และค่าวางระบบสำหรับใช้งานในบ้าน

ต่อจากโซนจัดแสดงนวัตกรรม ก็จะเป็นในส่วนของโซนพักผ่อนของลูกค้า ที่มาใช้บริการโชว์รูมแห่งนี้ ซึ่งมีพื้นที่ และที่นั่งให้ลูกค้าอย่างเหลือเฟือ และหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโซฟาแบบล้อมรอบโต๊ะกลม, โต๊ะยาวพร้อมรางปลั๊กสำหรับลูกค้าที่ต้องการทำงาน หรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมเสียบปลั๊กชาร์จไปในตัว, เก้าอี้กลมชุดใหญ่ สำหรับนั่งชมวิดีทัศน์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนสำหรับการบรีฟอัพลูกค้าที่จะเข้ามารับรถในเวลาที่มีการนัดหมายไว้ด้วย

และที่ขาดไม่ได้คือโซน ขนม น้ำดื่ม น้ำอัดลม กาแฟ หรือแม้กระทั่งชาเย็น และช็อคโกแลตเย็น ก็ยังมีให้คุณหนูๆได้รับประทานกันครบๆ

ส่วนโซนสุดท้ายในอาคารโชว์รูม (แต่ไม่ท้ายสุด) ก็คือโซนติดต่อเข้ารับบริการของลูกค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อเซอร์วิสต์ตัวรถ ซึ่งตามปกติลูกค้าจะต้องมีการนัดหมายผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้ามาแล้ว ก่อนที่จะเข้ามายืนยันสิทธิ์ตามเวลานัดหมาย, โซนติดต่อการเคลมประกัน เช่นหากรถของลูกค้าเกิดประสบอุบัติเหตุมา แล้วต้องการให้ศูนย์บริการแห่งนี้ เป็นคนจัดการแก้ไข ซ้อมบำรุงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถทั้งหมด

ต่อด้วยโซนสำหรับลงทะเบียนติดต่อรับส่งมอบรถ ของลูกค้าหน้าใหม่ที่ กำลังจะเข้ามารับรถวันแรก ซึ่งทาง Tesla ตั้งใจให้ตั้งอยู่ข้างกันกับโต๊ะบริการเลือกซื้อของและอุปกรณ์ตกแต่งรถอย่างพอดิบพอดี

และอีกสองโซนสุดท้าย ที่ Tesla เปิดให้สื่อฯ และบุคคลทั่วไป สามารถเข้าชมได้เฉพาะในวันเปิดตัวโชว์รูมเท่านั้น ก็คือส่วนของ

โซนเซอร์วิสต์ และตรวจเช็คตัวรถ ซึ่งทางผู้บริหารระบุกับเราว่า ในโซนนี้จะมีช่องจอดรถสำหรับเซอร์วิสต์มากกว่า 30 ช่องจอด และยังสามารถเซอร์วิสต์รถได้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน (เซอร์วิสต์เปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองทั่วไป) ไปจนถึงระดับปานกลาง (เปลี่ยนล้อ ถ่วงยาง ด้วยค่าเฉพาะสำหรับรถ Tesla และการเสียบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่อาจไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา)

กับอีกโซนคือ โซนส่งมอบรถ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่เพียงโซนที่มีไว้ให้ลูกค้าเดินเข้ามา ถ่ายรูป แล้วก็ขับรถออกไปเฉยๆเท่านั้น

แต่จะเป็นโซนที่ ลูกค้าที่จะเข้ามารับรถยนต์ Tesla จะต้องเข้ามารับรถตามรอบที่ทางโชว์รูมนัดหมายไว้ เช่น รอบเช้า กับรอบบ่าย เป็นต้น เพื่อที่ทางโชว์รูม จะได้สามารถสอนวิธีการใช้งาน รวมถึงวิธีตั้งค่ารถพื้นฐานให้กับลูกค้าได้พร้อมๆกันหลายคนในคราวเดียว

โดยนอกจากโซนโชว์รูม, โซนรับรองลูกค้า, โซนซ่อมบำรุง, โซนส่งมอบตัวรถ ซึ่งจะถูกแบ่งออกไปตามตัวอาคารที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต ณ ศูนย์บริการแห่งนี้ ยังมีโซนซ่อมสีตัวถัง และโซนซ่อมหนักตัวรถในตัวอาคารอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่สามารถถ่ายภาพบรรยาอากาศมาได้

แต่อย่างน้อย สำหรับลูกค้าที่สนใจในตัวรถยนต์ Tesla ก็สบายใจได้เลยว่าเราสามารถทำแทบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวรถตั้งแต่ซื้อยันซ่อม One Stop Service ! ได้ ณ ศูนย์บริการ Tesla Service Center แห่งนี้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่โตที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคในคราวเดียว และพร้อมรองรับรถ Tesla ได้มากถึง 400 คันต่อสัปดาห์

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่