แม้จะมีการทำตลาดมาได้สักพักใหญ่ แต่ New Tesla Model 3 Refresh กลับยังขาดออพชัน “ตัวแรง” อย่างรุ่น Performance และตอนนี้เรากลับพบว่าจู่ๆทางค่ายก็ดันหลุดข้อมูลของมันออกมาก่อนวางขายจริงเสียอย่างนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากสื่อฯในสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่ามีมือดีรายหนึ่ง แอบเข้าไปไปเช็คโค้ดการเขียนเว็บไซต์ของ Tesla USA แล้วพบว่ามีบรรทัดหนึ่งที่ระบุถึงข้อมูลของว่าที่ Tesla Model 3 (Refresh) Performance โดยบังเอิญ และมันก็ระบุว่า ตัวรถจะมาพร้อมกับ ขุมกำลังสมรรถนะสูงแบบใหม่ระดับ All-New ที่จะทำให้ตัวรถมีพละกำลังรวม “มากกว่า 500 แรงม้า”

จากการใช้ มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า กำลังสูงสุด 201 HP และ มอเตอร์หลังกำลังสูงสุด 406 HP ทำงานร่วมกัน ซึ่งทุกท่านก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตัวเลขพละกำลังรวม ถึงน้อยกว่าตัวเลขกำลังสูงสุดของมอเตอร์ทั้งสองรวมกัน เพราะมันเกิดจากการที่ ช่วงกำลังแรงม้าสูงสุดของมอเตอร์ทั้งสองตัวนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาการใช้งานเดียวกัน หรือความเร็วเดียวกันนั่นเอง

แต่ถึงกระนั้น แม้ตัวเลขกำลังสูงสุด อาจดูเหมือนไม่ได้กระโดดขึ้นจากเดิมมากมายนัก ทว่ามันก็เพียงพอที่จะช่วยร่นระยะเวลาการเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้น้อยลงจาก 3.1 วินาที ในรุ่นก่อนหน้า เหลือ 2.9 วินาที และทางค่ายยังได้มีการปรับจูนการทำงานของคันเร่งใหม่ เพื่อการควบคุมอัตราเร่งที่มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และตอบสนองไวยิ่งขึ้นในยามที่ผู้ใช้อยากจะซิ่ง

ส่วนตัวเลขความเร็วสูงสุด ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะยังคงจำกัดไว้เท่าเดิม เพิ่มขึ้น หรือน้อยลง เหมือน Model 3 Refresh ที่ขายไปก่อนหน้านี้ ทว่าเพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้น ตัวช่วงล่างและระบบเบรกของตัวรถเอง ก็จะได้รับการปรับเปลี่ยน และปรับเซ็ทใหม่หมดเช่นกัน

โดยเฉพาะกับตัวช่วงล่างที่ในคราวนี้ จะมีการเพิ่มระบบ Adaptive Damping หรือระบบแปรผันความหนืดของโช้ก โดยใช้ซอฟท์แวร์ที่ทาง Tesla พัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อควบคุมการทรงตัวของรถให้ยังคงเฉียบคมอยู่เสมอในยามที่ผู้ใช้ต้องขับรถเร็วๆ หรือให้ความนุ่มนวลที่เหมาะสม ในยามที่ลูกค้าต้องการขับสบายๆในชีวิตประจำวัน ติดแค่เพียงในตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า มันเป็นระบบแปรผันเต็มตัวตามความเร็วจริงๆ หรือเป็นแค่ระบบที่จะปรับความหนืด ตามโหมดการขับขี่เท่านั้น

อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ดูเหมือนว่าในคราวนี้ ตัวรถจะมีโหมดการขับขี่ สำหรับให้ลูกค้าเอาไว้ใช้ในสนามแข่ง หรือ Track Mode เข้ามาด้วย ซึ่งทางค่ายระบุว่า มันจะมาพร้อมกับการเซ็ทติ้งระบบขับเคลื่อนและขุมกำลัง รวมถึงระบบช่วงล่างแบบเฉพาะ เพื่อช่วยเพิ่มทั้งความสนุกสนาน และความมั่นใจให้กับลูกค้าในพื้นที่ปิดอีกด้วย

ด้านความเปลี่ยนแปลงอื่นๆเพิ่มเติมของตัวรถ โดยเฉพาะในส่วนของงานดีไซน์ หากอิงจากข้อมูลภาพหลุดที่ว่อน X (อดีต Twitter) หลักๆแล้วก็จะเริ่มจากการเปลี่ยนงานออกแบบกันชนหน้าใหม่เล็กน้อย ให้มีช่องดักอากาศทางด้านข้างเพิ่มเข้ามา และยังเสริมชายล่างให้ตัวรถดูดุดันยิ่งขึ้น แถมยังช่วยในเรื่องของการแหวกอากาศที่ดียิ่งขึ้น

เช่นเดียวกับกันชนท้าย ที่จะมีการขยายขนาดดิวฟิวเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือการติดตั้งชุดสปอยเลอร์คาร์บอนแบบ Ducktail เข้ามา รวมถึงการเปลี่ยนชุดล้อใหม่ที่ดูโดดเด่น สะดุดตากว่าเดิม

ขณะที่ภายในห้องโดยสาร คาดว่าจะมีการไล่เบา และเพิ่มอารมณ์สนามแข่งเล็กน้อย ด้วยการติดตั้งชิ้นส่วนตกแต่งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และปรับรูปทรงเบาะนั่งใหม่ ให้มีปีกด้านข้างที่โอบกระชับตัวผู้โดยสารมากกว่าเดิม

ส่วนกำหนดการเปิดตัวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? ยังไม่มีใครสามารถระบุช่วงเวลาที่แน่ชัดได้ทั้งสิ้น แต่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน หรืออีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้แล้วก็เป็นได้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่