วัฒนธรรมการขับรถออกไปพักผ่อนชมธรรมชาติ หรือ “แคมป์ปิ้ง” คือกิจกรรมที่ผู้คนในยุคปัจจุบันเริ่มให้ความสนใจเป็นวงกว้างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น Tank 300 Frontier Edition จึงถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ

Tank 300 Frontier Edition มาพร้อมการตกแต่งรอบคัน ที่เรียกได้ว่าพร้อมใช้งานสำหรับการเดินทางไปแคมป์ปิ้งตั้งแต่ๆแบบเบาๆ ถึงขั้นหนักหน่อยๆได้ตั้งแต่ออกโรงงาน เริ่มตั้งแต่การใช้ชุดล้อทรง Off-Road ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง A/T, ช่วงล่างถูกยกสูงขึ้น เพื่อเพิ่มความสูงใต้ท้องรถ และองศามุมปะทะ กับมุมจาก

คิ้วซุ้มล้อเพิ่มความกว้างให้มากขึ้นเล็กน้อย, ติดตั้งท่อสนอกเกิ้ลสำหรับเครื่องยนต์, ตั้ดตั้งโครงเหล็กกันกระแทกข้างลำตัวรถ, ติดตั้งกันชนเหล็กด้านหน้า, และติดตั้งแร็คหลังคาสำหรับวางสัมภาระมาให้เสร็จสรรพตั้งแต่ออกโรงงาน

ส่วนการตกแต่งเพื่อความสวยงามที่สามารถเห็นได้จากภายนอก ก็มีทั้งการสาดสีตังถังเป็นสีเหลือง พร้อมแถบคาดและสติ๊กเกอร์ลวดลายประจำรุ่นสีดำ ปิดท้ายด้วยชุดกระจังหน้าลายตัวอักษร “T A N K” ซึ่งเป็นรูปแบบกระจังหน้ายอดนิยมสำหรับรถยนต์พันธ์ลุยในหลายๆแบรนด์

ด้านการปรับปรุงในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิค หากไม่นับชุดล้อ กับระบบกันสะเทือน และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ขุมกำลังของมันก็ยังคงเป็นบล็อคดั้งเดิม คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 227 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุด 387 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบดิฟล็อค หรือระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า

ฝั่งรถจักรยานไฟฟ้า ที่เป็นของคู่กันเอง แท้จริงแล้วมันก็คือรถ Buxus EVA ที่ออกแบบมาให้คนเมืองสามารถใช้งานมันในชีวิตประจำวันได้แทบทุกสภาพถนนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ หรือการลงบันใด ไต่ฟุตบาท ซึ่งเท่ากับว่ามันเองก็สามารถเอาไปใช้บนถนนผิวขรุขระ หรือผิวกรวดได้ดีเช่นกัน

โดยจุดเด่นของมันก็คือ การเป็นรถไฟฟ้าที่มาพร้อมกับโครงสร้างแบบท่อเหล็กที่เน้นความทนทาน แถมยังสามารถใส่ของจุกจิกได้บ้างเล็กๆน้อยๆ ตัวชิ้นส่วนซึ่งดูเหมือนถังน้ำมันสีเหลืองพร้อมลายกราฟฟิกประจำรุ่น แท้จริงแล้วคือก้อนแบตเตอรี่ที่สามารถถอดสับเปลี่ยนได้ ขนาด 20 Ah ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานไกลสุด 100 กิโลเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังขับ 1 แรงม้า สำหรับช่วยผ่อนแรงผู้ใช้ในยามที่ไม่มีแรงปั่น

ชุดล้อเอง ก็เป็นล้อซี่ลวดรัดด้วยยางกึ่งหนาม แบบรถจักรยาน Fat-Bike ซึ่งชุดล้อที่ว่าก็จะมาพร้อมกับการติดตั้งขอบพลาสติกตกแต่งให้เหมือนกับลายล้อรถ Tank 300 ที่ทำมาคู่กกัน โดยที่ชุดระบบกันสะเทือนหน้า-หลัง ก็มีมาให้ครบครัน แม้กระทั่งระบบเบรกยังเป็นแบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

ที่โดดเด่นยิ่งกว่าคือ เจ้ารถจักรยานไฟฟ้าคันนี้ ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบฟูลดิจิตอล ที่สามารถแสดงผลได้ทั้งความเร็ว ปริมาณพลังงานคงเหลือ และยังสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อเป็นตัวเปิดใช้งานรถจักรยานผ่านระบบ NFC หรือจะเอาไว้เชื่อมต่อกับระบบ GPS เพื่อเปิดแผนที่บนหน้าจอดังกล่าวก็ยังได้

ทั้งนี้ แม้รถทั้งสองคัน จะได้ชื่อว่าทำขึ้นมาขายคู่กัน แต่ทาง 2 บริษัท กลับไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์ของตนเองให้กับลูกค้าในแบบแพ็คคู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหากใครอยากซื้อแค่จักรยานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว มันก็จะสนนราคาที่ 15,000 หยวน หรือราวๆ 75,700 บาท พร้อมจำนวนจำกัดในการผลิตเพียง 300 คัน

ส่วนตัวรถ Tank 300 Frontier Edition แบบขายคันเดียวไม่รวมรถจักรยานไฟฟ้า ก็จะสนนราคาที่ 280,000 หยวน หรือราวๆ 1.41 ล้านบาท พร้อมจำนวนจำกัดในการผลิตที่ 3,000 คัน

แต่แน่นอนว่า เพื่อให้มันอยู่ด้วยกันแบบครบๆ ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานไฟฟ้า ราคาแพ็คเกจนี้รวมกัน ก็จะสนนตัวเลขที่ 295,000 หยวน หรือราวๆ 1.49 ล้านบาท ซึ่งมันอาจจะดูเหมือนเป็นราคาของรถ Tank 300 กับจักรยานไฟฟ้า Buxus EVA มาบวกกันโดยตรง แต่ที่คุ้มก็คือ พวกเขาไม่ได้บวกค่ารางเหล็กสำหรับพกพาเอารถจักรยานไฟฟ้าติดท้ายรถ เข้ามาด้วย หรือว่าง่ายๆก็คือเป็นราคาซื้อรถทั้งสองคันแต่ไม่คิดค่าอุปกรณ์เสริมนั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: