เปิด ตัวออกมาอย่างสวยงามสำหรับกระบะ All New Mitsubishi Trtion 2023 ที่มาเผยโฉมครั้งแรกในไทย และ เตรียมนำเสนอขายให้กับสาวกกระบะบ้านเรา

มิตซูบิชิ มีความตั้งใจอย่างมากในการพัฒนารถรุ่นนี้ตั้งแต่หัวจรดท้าย ภายนอกจนถึงภายใน แม้ว่า จะมีกระแสชื่นชมอย่างมากในหลายเรื่อง แต่ในทางกลับกันก็มีอีกหลายอย่างที่หลายคนดูจะไม่พูดหรือ วิพากษ์วิจารณ์ ไปทางเดียวกัน ซึ่งเราอยากจะสะท้อน ให้ มิตซูบิชิฟัง ว่า ลูกค้าที่มองกระบะจำนวนหนึ่งคิดอย่างไร



1.กระจังหน้าตัวท๊อปไม่สวย

ทันที่เปิดตัวออกมา ทุกคนได้เห็นภาพของรถรุ่นสุดยอด Mitsubishi Triton Athlete รุ่นพิเศษ แต่งเต็มที่ยังไม่ออกมาขายในไทย อย่างที่หลายคนหวัง จุดสำคัญ คือ มิตซูบิชิออกแบบ กระจังหน้ารถรุ่นนี้โดยเลือกใช้ สีเดียวกับตัวรถ (สีส้ม ในพรีเซ็นท์เทชั่น ) ซึ่งหลายคนมองว่ามันแปลกๆ แม้ว่าจริงๆ โครงกระจังไม่ได้แตกต่างจากรุ่นล่างที่ออกแบบมาเป็นสีดำ

Mitsubishi Triton 2023

แต่คาดว่าทีมออกแบบ คงต้องการให้มันดูแตกต่าง เลยทำมาเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพื่อรับเข้ากับการออกแบบชิ้นขอบกันชนหน้าสีดำ หลายคน รวมถึง แอดมินบอล ของ Ridebuster มีความเห็นตรงกันว่า มันก็ไม่ค่อยสวย ดูไม่หล่อ เพราะแต่เดิม แอทลีท กระจังหน้าดำ ซึ่งมันอาจจะเป็นความยังไม่ชินตากับสไตล์แบบนี้ ในรถกระบะ

โดยรถที่ทำกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ นั่น ปัจจุบัน มีเพียงพวกรถเก๋งอย่าง Honda Civic มันทำให้รถดูโฉบเฉี่ยว แต่พอมาเป็นกระบะ มันดูแปลกๆ ชอบกล

2. ทำไมใช้สีคล้าย Wildtrak

ประการต่อมา พูดถึงภายนอก รถตัว Athlete ที่เปิดออกมาเป็นสีส้ม ตัดด้วยสีดำ และกระจกมองข้างสีเทา ทุกคนที่เห็นภาพแรก และมีเมมโมรี่ความเปรียบเทียบกับ ค่ายดุดันไม่เกรงใจใคร จะพูดออกมาแทบจะทันทีว่า เฮ้ย มันเหมือน Wildtrak เลย

Mitsubishi Triton 2023

และด้วยสไตล์รถก็เป็นเช่นนั้นเช่นกันจริงๆ ออกแนวสปอร์ตๆ ที่ต้องการเจาะกลุ่มคนชอบรถที่มีไลฟ์สไตล์ในวันว่าง

แม้ว่า มิตซูบิชิจะใช้ สีส้ม เป็นตัวพรีเซนท์ ในตัว Athlete ในหลายปีทีผ่านมา ก็พอเข้าใจได้ แต่ทุกคน ก็พูดไปในทางเดียวกันว่า เดิมที มิตซูบิชิ เคยทำรถที่เป็นสีเอกลักษณ์ออกมาใน ไทรทันเจนแรก กับสีแดง และปัจจุบัน ก็ยังมีใน Pajero Sport อยู่ ดูน่าจะเป็นสีฮีโร่ที่เหมาะกว่า และสมกับการที่มี Ralliart คู่บุญ กว่าสีส้ม ที่นำเสนอมา

3.Paddle Shift หายไป

ในหลายปีทีผ่านมา มิตซูบิชิ ได้สร้างเรื่องดีๆ อย่างการเป็นกระบะ ที่มีระบบ Paddle Shift มาให้ โดยที่คุณไม่ต้องตะกายไปยังกระบะราคาล้านปลายๆ

แต่ใน Mitsubishi Triton 2023 ทางมิตซูบิช ตัดสินใจ ตัด เจ้าระบบแป้นเกียร์บริหารนิ้วออกไปแล้ว แม้แต่ตัวระดับบน อย่าง Athlete ก็ไม่มีมาให้

อาจจะจริงว่า กระบะส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ไม่มีระบบนี้มาให้ ในบรรดา Mass Market Pick UP และ การไม่มีแป้นมาให้ ก็คงไม่ได้ทำให้ ผู้ใช้เซ็งเท่าไร เพราะหลายคนอาจไม่ได้ใช้มัน แต่จริงๆ สำหรับมิตซูบิชิ มันเป็นจุดขายหนึ่งทางด้านภายในห้องโดยสาร และการขับขี่ น่าเสียดาย ที่มันถูกตัดออกไป

4.มีกลิ่นอายเพื่อนร่วมบ้าน

มิตซูบิชิ อาจจะปฏิเสธ แข็งขันว่า รถคันนี้เราตั้งใจพัฒนาอย่างหนัก เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ากระบะทั่วโลก และน่าจะก้าวเป็นผู้นำตลาดกระบะได้ในระดับ World Class และยืนยัน ถึงความไม่มีดีเอ็นเอ เพื่อนร่วมบ้านปะปน อยู่ในรถ

แต่พอ มาดูรถตัวจริง เห็นภาพจากงานแถลงข่าว แม้ภายนอกจะไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย แต่พอเปิดประตู ขึ้นมาภายใน จะพบบางอย่างที่เหมือนกัน

หน้าตาเรือนไมล์นี่ค่อนข้างคุ้นตาพอสมควร

อย่างแรก คือจอเรือนไมล์ ที่ยังคงเป็นเข็ม และมีจอดแสดงข้อมูลเป้นสีขนาด 7 นิ้วตรงกลาง ถ้าคุณว่ามันมันฟังคุ้นๆ ใช่ครับ.. มันเหมือนกับเพื่อนร่วมบ้าน

แล้วพอเรา เดินมาดูตัว Athlete การตัดเย็บเบาะ นี่ก็เหมือนเลย กับการเดินด้าย กลัดลายเบาะที่เหมือนเพื่อนร่วมบ้านอีกแล้ว เป็นสองสิ่งที่เราสังเกตได้

5.เครื่อง 2.4 ที่ไม่รู้สึกต่างจากเดิม

ทางด้านเครื่องยนต์ เป็นอีกเรื่องที่หลายคนพูดถึง ทุกคนต่างรู้แล้วว่า มิตซูบิชิ แนะนำเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ต่อไป ใน Mitsubishi Triton 2023 โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ มีการเปิดเผยว่ามีการปรับพัฒนาใหม่ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน ยังอยู่ในสารานุกรมรหัส 4N ต่อไป

ประเด็นเครื่องยนต์ ที่แฟนๆ พูดถึงนั้นมี 2 ประเด็นด้วยกัน คือ

1.เครื่องยนต์ 2.4 รุ่นท๊อป ซึ่งยังไม่เปิดตลาดและยังไม่ขายไทย ทำกำลังขับสูงสุด 204 PS และ แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร นั่นเท่ากับค่ายคู่แข่งเมื่อ 10ปีที่แล้ว และวันนี้ กระบะหลายรุ่น ก็ให้ แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรไปแล้ว ไม่ว่าจะโตโยต้า หรือ ฟอร์ด ไม่แน่ อีซูซุ อาจเป็นอีกค่ายที่เตรียมขยับ ในเร็วๆนี้ก็เป็นไปได้

หลายคนจึงมองว่า แรงบิด 500 นิวตันเมตร อาจจะจำเป็นสำหรับ มิตซูบิชิ หรือไม่ ด้วยความห่วงใยว่า ขยับทั้งที น่าจะให้ทันเพื่อนในอนาคต แต่บางคนคาดว่าอาจจะมาจาก ชุดเกียร์ 6 สปีด ที่น่าจะรองรับได้ไม่มากกว่านี้เท่าไรนัก อาจจะเป็นโจทย์ สำคัญที่ทำให้เลือกทำกำลังเท่านี้

2.เครื่องยนต์ รุ่นเทอร์โบคู่ในตอนนี้ ก็ยังไม่มีการขายในไทย บ้านเรา ยังนำเสนอเพียงรุ่น 184 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร และยังไม่มีการยืนยันว่า ท้ายที่สุด เครื่อง เทอร์โบคู่จะเข้าทำตลาด บ้านเราในอนาคตหรือไม่อย่างไร

ด้วยตอนนี้ เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวที่มีกำลังขับไม่ต่างจากเดิมนัก หลายคนจึงมองว่า มันเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิม เกียร์เดิมหรือเปล่า แล้วอัพพลังเอา แม้ว่า ความคุ้มของมิตซูบิชิ คือให้พลัง184 แรงม้า มากกว่าใครในตลาดกลุ่มขับสอง

แต่ตลาดระดับบนที่เป็นสาวกมิตซูบิชิ หลายคนก็อยากเห็นเครื่องเทอร์โบคู่เข้ามาทำตลาดในไทย จำนวนมาก

6.ทำไม ยังไม่ขายแคป

แม้ว่า ตามที่มิตซูบิช มอเตอร์ส ประกาศว่า ตัวรถ จะขายเป็นโครงการในหลายๆ เฟส เพื่อตอบสนองตลาดไปอย่างต่อเนื่อง แต่น่าแปลก ที่ในระยะแรกนั้น กลับไม่มีรถยอดนิยม สายพาณิชย์ อย่างตัวแคป วางขาย ทางค่ายทรีไดมอนด์ ตัดสินใจจะวางขาย ตัว 4 ประตู และ Single Cab ก่อน ไลน์อัพแคป ทั้งที่แคป ก็เป็นรถที่หลายคนมองหาอยู่ และ แทบจะเป็นตลาดหลัก ของมิตซูบิชิ ด้วยซ้ำ

แต่ที่จริง รถกระบะตัวแคปนั้น จะมีขายอย่างแน่นอน จากที่โชว์ตัวภายในงาน เพียงแต่ จะไม่ใช่ในช่วงแรก เท่านั้นเอง

Mitsubishhi Triton 2023 เวอร์ชั่น แคป มีออกมาเปิดตัวแล้ว แต่ยังไม่ขายในตอนนี้

7. ยังขาดออพชั่นบางอย่าง ที่อยากให้มี

แน่นอนว่า สุดท้าย มีหลายเสียงคุยกัน เรื่อง รถยังขาดบางอย่างไป ทั่งที่มีโอกาส น่าจะเสริมเข้ามาให้ลูกค้าได้ใช้ ซึ่งจากที่เราติดตามกระแส จากเพจของเราเอง ยกตัวอย่างเช่น

  • ทำไม ยังเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ ไม่ยอมให้พวงมาลัยไฟฟ้า
  • ทำไม เบรกหลังยังเป็นดรัมเบรก
  • ทำไม ไม่ให้เกียร์มากกว่านี้

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เสียงโซเชี่ยลพูดถึง ว่าอยากให้รถมีออพชั่นเพิ่มขึ้น จากที่เปิดตัวออกมาแม้ว่าจะน่าสนใจอย่างมากแล้วก็ตาม

ในภาพรวม จากที่ฟังเสียงในโซเชี่ยล ก้มีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ เจ้ากระบะ Mitsubishi Triton ใหม่ ที่เปิดตัวออกมาล่าสุด แม้ว่า ประเทศไทย เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่รถรุ่นนี้เข้าไปจำหน่าย แต่ก็เป็นหนึ่งในตลาดหลักกระบะ เช่นกัน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่