ช่วงปีที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่า กระแสรถยนต์ไฮบริดเป็นที่กล่าวขานอย่างมาก เรามีรถยนต์ไฮบริดมากมายหลายแบบขึ้นมากกว่าแต่ก่อนพอสมควร มีตั้งแต่รถราคาไม่กี่ล้าน จนไปถึงระดับ 5- 6 ล้าน ทั้งหมดเหมือนกันคือมันใช้ชื่อเรียกรวมๆ ว่า “รถไฮบริด” แต่ในความเหมือนที่มองผิวเผิน ก็มีความแตกต่างพอสมควร

 

เข้าใจรถไฮบริดก่อนซื้อ ..

หลายสิบปีที่ผ่านรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในยังคงได้รับความนิยมยอย่างต่อเนื่อง แต่รถยนต์ไฮบริดก็ออกมาตอบสนองโจทย์ในการขับขี่มากขึ้นเช่นกัน

ในประเทศไทยรถยนต์   Toyota Camry  Hybrid   นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่มีการเปิดตัววางจำหน่าย ก่อนกระแสความสนใจและความนิยมจะทวีจน  Toyota  ตัดสินใจนำรถยนต์ไฮบริดเฉพาะ Toyota Prius  เข้ามาวางจำหน่าย และส่งให้ไฮบริดเริ่มถูกกล่าวถึงแพร่หลายในปัจจุบัน

2017-Toyota-PriusPHEV-09

คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ตัวเองเข้าใจระบบไฮบริดดีแล้ว เนื่องจากกจุดสำคัญที่ทางบริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่นำมาใช้โฆษณา คือการประหยัดน้ำมัน จนสามารถเทียบชั้นรถยนต์นั่งขนาดเล็กในตลาดได้

หากความจริงแนวคิดของรถไฮบริด เกิดขึ้นจากความต้องการในการรักษาสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทรถยนต์พยายามหาวิธีการขับเคลื่อนใหม่ๆ เข้าสู่มานำเสอนเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปภายในให้น้อยลงตามลำดับ วิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือการใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยการใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนในช่วงความเร็วต่ำ และมาช่วยในการทำกำลังแรงบิดเมื่อขับเคลื่อนด้วยความเร็วเดินทาง 

นั่นหมายความว่า รถไฮบริดจะมี ทั้งระบบเครื่องยนต์ทั่วไปที่เราเห็นกันอย่างชิ้นตาก และยังมีระบบขับเคลื่อนที่ 2 ซึ่งอาจจะเป็นผู้ช่วยหรือช่วยขับเคลื่อนโดยตรง เป็นระบบไฟฟ้า และด้วย รถ1คันมีระบบทำงานผสมผสาน 2 ระบบ จึงเรียกว่า “รถไฮบริด” นั่นเอง

 

ระบบไฮบริด มีกี่แบบ

หลายปีที่ผ่านมา บริษัทรถยนต์บางรายทำให้คนไทย เชื่อว่า  “รถไฮบริด” มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ แต่ความจริงแล้วรถยนต์ไฮบริด มีหลายระบบการทำงานแตกต่างกันออกไป และแต่ละระบบให้ความสามารถในการตอบสนองต่อการขับขี่ไม่เหมือนกัน พวกมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่องความประหยัดในการขับขี่ และการลดการใช้เครื่องยนต์ในการเดินทาง ซึ่งวันนี้คุณควรรู้ว่า รถไฮบริดมีกี่ประเภทกันแน่ ..
1.Mild Hybrid

  รถยนต์ไฮบริดแบบแรกไม่ค่อยเห็นในไทยมากนัก แต่มีความเป็นไปได้ที่เราจะเห็นมันวางจำหน่ยมากขั้นในอนาคตอันใกล้

ระบบ Mild Hybrid   เป็นระบบไฮบริดที่มีมอเตอร์ฟ้าช่วยในการทำงาน แต่จะเน้นไปที่การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในบางจังหวะ เช่นใช้ในการเร่ง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กมาก น้อยกว่า 20 กิโลวัตต์ ทำให้มันใช้งานเพียงเป็นตัวช่วยในการขับขี่บางจังหวะเท่านั้น แต่ระบบภาพรวมก็ยังมีแบตเตอร์รี่ ระบบเบรกชาร์จไฟกลับแบตเตอร์รี่ และระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์เหมือนกัน 

ถ้าคุณนึกไม่ออก ส่วนใหญ่ระบบนี้ คือระบบไฮบริดดั้งเดิมของ   Honda   ที่แนะนำใน   Honda  Jazz Hybrid  , Honda  Civic  Hybrid , ระบบ  Honda  IMA (Integrated Motor Assisted)  เป็นระบบที่ใช้เพียงช่วยในการขบัขี่บางจังหวะ โดยเฉพาะเวลาเร่ง ทำให้ใช้กำลังเครื่องยนต์น้อยลง เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป

2.Parallel Hybrid  

ระบบไฮบริดคุ่ขนานเป็นแนวคิดในการพัฒนาให้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันในระหว่างการขับขี่ โดยในบางจังหวะชุดเกียร์จะเลือกอัตโนมัติให้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ในการทำงานหรือเครื่องยนต์ทำงาน โดยดูความเหมาะสมในแง่การขับขี่จากผู้ใช้ และ อาจจะทำงานโดยใช้ทั้งมอเตอร์และไฟฟ้าร่วมกันก็ได้
โดยหากใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ชุดเกียร์จะปลดคลัทข์ที่ต่อกำลังจากเครื่องยนต์เพื่อใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน หรือถ้าใช้เครื่องยนต์ก็จะต่อชุดคลัทช์ระหว่างเครื่องยนต์กลับเข้ามา  

โดยรถรุ่นแรกที่ใช้ความคิดนี้คือรถยนต์   Honda  Insight จากฮอนด้า และเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้แนวคิดดังกล่าวผลิตขายจำนวนมากให้ลูกค้าได้ใช้

3.Power Split หรือ  Parallel series Hybrid   

มาถึงตรงนี้หลายคนคงเริ้มสงสัยว่า แล้วระบบไฮบริดของค่าย  Toyota  มันอยู่ในหมวดไหนกัน ระบบ Hybrid   ของ   Toyota  และ  Lexus  เรียกว่ามีความก้าวหน้ากว่าค่ายอื่นมาก ระบบของพวกเขาสามารถทำงานได้ 2 แบบ ในระบบเดียว คือทั้งทำงานช่วยกันส่งเสริมกัน และช่วยคู่ขนานตอบสนองในการขับขี่ร่วมกับเครื่องยนต์ก็ได้

2017-Toyota-PriusPHEV-63

แนวทางของระบบคู่ขนานกึ่งอนุกรม จะเริ่มต้นด้วยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่งทำงานที่ชุดเพลาขับและอีกตัวทำงานร่วมกับเครื่องยนต์โดยฝังอยู่ในชุดเกียร์  ระบบจะอาศัยการตัดสินใจตัดต่อกำลังเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเกียร์จากชุดเกียร์ คล้ายระบบที่ทำงานแบบคู่ขนานเหมือนเดิมทั่วไป

แต่ในบางจังหวะระบบอาจจะตัดสินใจใช้มอเตอร์ฟ้าเข้าช่วยร่วมด้วยคล้ายใน   Mild Hybrid   ระบบอาจจะต่อกำลังทั้งจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงานด้วยกัน  โดยอาจจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าร้อยละ40 และ อีกร้อยละ 60 จากเครื่องยนต์ และในบางครั้งอาจจะใช้เครื่องยนต์มากกว่ามอเตอร์ไฟฟ้า เช่นในถนนขับทางยาว จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้าช่วยในการขับขี่  มีกำลังตอบสนองทันทีคล้ายกับคุณขับเครื่องยนต์ใหญ่

โดยการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่เหน่วยประมวลผลในชุดเกียร์ ซึ่งคุณสามารถสังเกตได้ว่าเป็นระบบนี้หรือไม่ โดยดูจากจำนวนมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้ง รวมถึงลักษณะลักษณการทำงานระบบ ถ้าระบบสามารถวิ่งด้วยระยะทางด้วยไฟฟ้าได้ในชั่วขณะหนึ่งล้วนๆ  

ระบบ  Power Split  ปัจจุบัน มันกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ Hybrid   ไปแล้วว่าจะใน   Toyota Prius   หรือ   Honda Accord Hybrid   ใหม่ ที่วางจำหน่ายในบ้านเรา ทั้งหมดใช้ระบบลักษณะนี้ทั้งสิ้น

4.ระบบไฮบริดเสียบปลั้ก  

ในช่วงปีที่ผ่านมา เชื่อว่า น่าจะได้ยินคำว่าระบบไฮบริดเสียบปลี้กกันมาหนาหูพอสมควร ระบบนี้คือพัฒนาการของรถยนต์ไฮบริดที่ต้องการให้สามารถตอบสนองได้ใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้า โดยอนญาตให้คุณสามารถเสียบปลั้กชาร์จไฟเข้ากับรถ คล้ายคุณชาร์จมือถือ แต่เมื่อใช้ไฟหมดและรถจะทำงานแบบรถยนต์ไฮบริดทั่วไป

mercedes-E350e-debut (1)

จะว่าไปตัวเนื้องานของระบบไม่ได้แตกต่างจากทั้ง 3 ระบบก่อนหน้านี้ แต่มีความแตกต่างเพียงใช้แบตเตอร์รี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และรถมีช่องชาร์จไฟมาให้ รวมถึงอุปกรณ์การชาร์จติดตั้งให้มาด้วย โดยระยะการชาร์จไฟจะนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอร์รี่ที่ให้มา

แต่เมื่อชาร์จไฟจนเต็มแล้ว คุณสามารถเซทระบบให้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว โดยไม่ต้องคิดเครื่องยนต์ก็ได้ นั่นทำให้รถไฮบริดเสียบปลั้กมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า และไร้กังวลเรื่องตายกลางทางเมื่อไฟฟ้าหมด

 

  1. Series Hybrid

มาถึงระบบสุดท้ายของไฮบริด ระบบนี้ยังไม่มีวางจำหน่ายในไทย แต่กำลังจะมาเร็วๆนี้ อย่างแน่นอน สำหรับระบบไฮบริดแบบอนุกรม หรือ Series Hybrid  

แนวคิดของระบบ   Series Hybrid   คือการนำเอาวิธีการรถไฟฟ้ามาใช้เป็นหัวใจสำคัญแล้วใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นเพียงเครื่องปั่นไฟให้แบตเตอร์รี่เท่านั้น โดยระบบจะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานเมื่อ แบตเตอร์รี่มีไฟฟ้าอยู่ในระดับต่ำกว่าที่กำหนด

Nissan Note-epower (4)

การทำงานในลักษณะนี้ทำให้เครื่องยนต์ทำงานน้อยลงมาก และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ เนื่องจากเครื่องยนต์เป็นเพียงเครื่องปั่นไฟฟ้าสำหรับแบตเตอร์รี่ ทำให้ ลูกค้าได้ความรู้สึกของรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า

โดยปัจจุบันยับไม่มีใครพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไปสู่การมีความสามารถไฮบริดเสียบปลั้ก และมี เพียง 2 บริษัทที่ทำระบบนี้ออกกวางจำหน่ายจริงแล้ว คือ   Chevrolet  ที่ผลิต   Chevrolet Volt   และพัฒนารุ่นที่ 2 ออกวางจำหน่ายแล้ว และ   Nissan   ที่ผลิต Nissan  Note รุ่น  e power    วางจำหน่ายในญี่ปุ่น

 

ซื้อ “รถไฮบริด” อย่างไหนก็คุ้มค่า

ไม่ว่าอะไรทำให้วันนี้คุณเริ่มสนใจในรถยนต์ไฮบริด ผมบอกเลยว่า รถยนต์ไฮบริด มีความคุ้มค่าทันทีตั้งแต่เริ่มช้งานมันผิดกับที่หลายคนอาจจะหวั่นใจ เคยได้ยนความน่ากลัวของเรื่องแบตเตอร์รี่มาทั้งที่ไม่เป็นความจริง หรือมีความจริงเพียงนิดเดียวเท่านั้น

การจะซื้อรถไฮบริดแล้วใช้อย่างคุ้มค่า ต้องเริ่มจากการดูลักษณะเส้นทางที่คุณขับขี่เป็นประจำ เช่น คุณขับรถเข้าออกเมืองบ่อยครั้ง หรือไม่ หรือใช้รถขับทางไกลหรือในเมืองมากกว่า โจทย์ตรงนี้มีความสำคัญมากกับการเลือกซื้อรถไฮบริด

เนื่องจากระบบไฮบริดจะทำงานได้ดีเมื่อใช้งานในภาวะการจราจร ขับๆ เบรกๆ หรือ  Stop and Go Traffic   เนื่องจากการเบรกจะสามารถชาร์จไฟกลับแบตเตอร์รี่ได้ และการขับด้วยความเร็วต่ำส่วนใหญ่จะใช้ไฟฟ้ามากกว่าเครื่องยนต์ทำให้ได้ความคุ้มค่าและการตอบสนองจากระบบมากกว่าการขับเดินทางไกล ซึ่งเครื่องยนต์จะเป็นหัวใจในการทำงานของรถไฮบริดมากกว่า และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้าช่วยเพื่อลดการใช้กำลังจากเครื่องยนต์ในบางจังหวะ ทำให้คุณไม่เห็นผลลัพธ์ความประหยัดมากเท่าการใช้งานในเมือง

 

Honda Accord Hybrid

ประการต่อมา รถไฮบริดในปัจจุบันมีการรับประกันที่ยาวนานกว่ารถยนต์ทั่วไป ไม่ว่าจะการรับประกันตัวแบตเตอร์รี่ ว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปี และหลายเจ้าปัจจุบันรับประกันการทำงานของระบบ (มอเตอร์ไฟฟ้า และหน่วยประมวลผล)  ถึง 5 ปี

นั่นหมายความว่า ถ้าคุณไม่ซื้อรถใหม่ รถไฮบริดมือสอง ที่วางจำหน่ายอย่างเกลื่อนกราดก็ยังดูน่าสนใจ แม้ว่าจะมีราคาแพงสักหน่อย แต่การรับประกันเหล่านี้ทำให้คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องการใช้งานถ้าระบบมีปัญหา ก็สามารถขอเคลมกับทางผู้ผลิตได้ ทำให้รถมีอายุการใช้งานยาวขึ้น

ส่วนการจะเลือกซื้อรถไฮบริดประเภทไหน ตามที่ผมเล่ามา ให้เลือกเอาจากงบประมาณเป็นสำคัญจะดีที่สุด เพราะยิ่งระบบไฮบริดมีความก้าวหน้า ก็ยิ่งมีราคาแพงมาก แต่ก็มีความคุ้มค่ามากขึ้น เช่นกัน  เช่นรภไฮบริดของ   Mercedes Benz  เสียบปลั้กของ  Mercedes Benz   อาจจะมีราคาแพงหูดับตับไหม้ แต่คุณก็จะได้อภิสิทธิ์ไปใช้สถานีชาร์จไฟของทางค่ายตราดาวที่กำหนด นอกจากคุณจะได้ชาร์จไฟฟรี กลับบ้านโดยไม่ต้องขับรถด้วยน้ำมัน ยังได้ช่องจอดอภิสิทธิ์พิเศษไม่ต้องไปวนหาให้เมื่อย

แต่ถ้างบน้อยไม่มีมากมาย การเลือกระบบไฮบริดธรรมดา ก็ดีพอที่คุณจะเห็นความประหยัดที่แตกต่างระหว่างรถยนต์ธรรมดากับรถไฮบริดแล้ว  จนเรียกว่า ไม่จะมองทางไหน รถไฮบริดก็มีความคุ้มค่ามากกว่าเห็นๆ

 

“รถไฮบริด” ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ที่หลายคนหวั่นใจก็มาจากความไม่รู้และขาดความเข้าใจของระบบไฮบริด ว่ามันเป็นอย่างไร ทำงานอย่างไร และประหยัดได้มากกว่าอย่างไร  ….  ซึ่งวันนี้การหยิบยกมาเล่าเต็มๆ คงทำให้เห้นภาพแล้วว่ารถไฮบริดไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และทำให้คุณประหยัดคุ้มค่าทันที่เลือกใช้ เพราะคุณเติมน้ำมันน้อยลง

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่