กำลังจะหมดปีกันอีกแล้ว กับ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนทุกปี คราวนี้ ทาง Ridebuster เราก็จะมีธรรมเนียม ในการจับรายชื่อรถที่เราว่าขับดีที่สุดในรอบปีมาคุย พร้อมเหตุผลว่า เพราะอะไร มันถึงเป็นรถที่ดีน่าสนใจ และคุ้มค่าที่สุด จนคุณอาจจะอยากจับจอง

  • Best Eco Car : Toyota Yaris ativ

รถอีโค่คาร์ปีนี้เปิดมารุ่นเดียว และ นั่นคือ Toyota Yaris Ativ ใหม่ ภายใต้การพัฒนาโดย ไดฮัทสุ ในเครือของ โตโยต้า ที่ทำรถออกมาได้น่าสนใจ ถูกใจสาวกไม่น้อย

รถคันนี้จุดเด่น อยู่ที่การปรับปรุงโครงสร้างตัวถังใหม่ ให้มีความเบาและแข็งแรงขึ้น ให้สมรรถนะในการควบคุมที่ถูกใจวัยรุ่นมากกว่าเดิม มีความคล่องตัว เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองมากกว่าเดิม

ส่วนเครื่องยนต์ แม้จะยังไม่ถูกพัฒนาเป็นเทอร์โบชาร์จตามสมัยนิยม แต่ด้วยความเป็นเครื่องฯ 1.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ที่ถูกนำมาปรับจูฯใหม่ จึงทำให้มันได้มาซึ่งความประหยัด และผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษามากนัก เพราะมันดูแลรักษาง่าย

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ การที่ตัวรถมาพร้อมระบบช่วยเหลือความปลอดภัยใหม่ Toyota SafetySense ที่ออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าได้อย่างครบครัน อย่างที่ไม่มีคู่แข่งคนไหนในคลาสจะเทียบเท่ากันได้

โดยเฉพาะรุ่นท็อป ที่มาพร้อมกับความพรีเมี่ยมในการใช้งาน ด้วยลูกเล่นอย่างเบาะสีแดง กับลำโพงจาก Pioneer โดยที่ราคารถก็ไม่ได้แพงจนเกินงามไปนัก ทำให้มันเป็นรถที่ค่อนข้าง ตรงกับคำว่า อีโค่คาร์ ทนทาน ประหยัด ดูแลง่าย คุ้มค่า และราคาไม่แพง

  • Best MPV : Suzuki Ertiga Smart Hybrid

Suzuki ปีนี้ มาพร้อมทีเด็ด ที่น่าสนใจด้วยรถ MPV รุ่นแรก ที่มาพร้อมระบบไฮบริด นำเสนอ Suzuki Ertiga Hybrid จนขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ MPV ในปีนี้

จุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอ ระบบ Mild Hybrid ในรถยนต์อเนกประสงค์ ทำให้มีความสามารถในการขับขี่ที่ดีขึ้น และให้ความประหยัดไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะกับการใช้งานในเมือง ระบบใหม่ช่วยในการออกตัว และเร่งแซง ทำให้ประหยัดมากขึ้น ที่สำคัญอุปกรณ์ไม่ได้ เพิ่มน้ำหนักมากนัก ช่วยให้ รถตอบสนองได้ดี อย่างน่าเหลือเชื่อ

ส่วนใครที่ยังหวั่นใจ ในเรื่องระบบไฮบริด เราอยากแนะนำ รองแชมป์ สายนี้ คือ Mitsubishi Xpander ใหม่ ที่กลับมาทวงบัลลังค์ ด้วยหน้าตาใหม่ พร้อมกับงานออกแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่จุดเด่น กลับอยู่ที่การปรับมาเป็น ระบบเกียร์ CVT และ ช่วงล่างใหม่ ที่มีความลงตัวในการใช้งานขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

  • Best Pick UP : Ford Ranger Wild Trak 4×4

ทางด้านรถกระบะ ปีนี้ เรายกให้ Ford Ranger Wild Trak 4×4 มาเป็นขวัญใจ ของเรา

จุดเด่นรถคันนี้ อยู่ที่การออกแบบตัวรถที่มีความทันสมัยที่สุด ในห้องโดยสาร เป็นกระบะรุ่นแรกๆที่มาพร้อมความทันสมัย ด้วยจอเรือนไมล์ และระบบความบันเทิงขนาดใหญ่ ช่วยในการตอบสนองการใช้งาน ทำให้มันเป็นรถกระบะที่ทันสมัย มากที่สุดในเวลานี้

เรื่องสมรรถนะในการขับขี่อาจจะใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม ต่อยอดด้วยการพัฒนา แพลทฟอร์ม ให้มีความสบายในการขับขี่มากขึ้น ปรับระบบกันสะเทือน โดยเฉพาะทางด้านหลังใหม่ จัดวางโช๊คหลัง มาไว้ทางด้านนอก เมื่อขับขี่จะรู้สึกว่ารถค่อนข้างมั่นคงกว่ารุ่นเดิมไปอีกขั้น

นอกจากนี้ ตัว Wildtrak ยังเปลี่ยน มาใช้ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ช่วยให้ตอบสนองในการขับขี่ดีขึ้น พลังเบรกหยุดมั่นใจกว่าเดิม และเป็นกระบะรุ่นเดียวในไทยตอนนี้ ที่ให้ดิสก์เบรก 4 ล้อ ตั้งแต่ออกโรงงาน

  • Best Hybrid : Honda Civic e:HEV

ข้ามมาทางฝั่ง รถไฮบริดกันบ้าง ปีนี้ เป็นปีที่ฮอนด้า เติมเต็มไลน์อัพไฮบริดให้ครบเครื่อง รุ่นที่เป็นไฮไลท์ ในปีนี้ คือ Honda Civic e:HEV โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์เดียวกับ Honda Accord Hybrid เพียงปรับพลังขับให้เหมาะสมกับการใช้งานในรถคอมแพ็คคาร์มากขึ้น

หลายคนอาจจะมองว่ารถรุ่นนี้ ก็แค่เป็นไฮบริด เท่านั้น แต่ที่จริง มันมากว่านั้น เพราะทางวิศวกรฮอนด้า ได้ทำการปรับสมดุลรถใหม่ด้วย เนื่องจากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่องจากขุมพลังลูกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนไป กับแบตเตอรี่สำหรับระบบไฮบริด ที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามา ใต้แนวเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลัง แล้วยังมีการเปลี่ยนชุดล้อใหม่ เพื่อใส่ยางที่ขอบใหญ่ขึ้น หน้ากว้างมากขึ้น

นั่นจึงทำให้การควบคุม และการซับแรงสั่นสะเทือนของตัวรถรุ่นนี้เปลี่ยนไปจากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ อย่างเห็นได้ชัด เปลี่ยนจากรถเก๋งพร้อมซิ่ง เป็นรถเก๋งที่นั่งสบาย ไม่ต้องกลัวผู้โดยสารจะบ่นเมื่อนั่งรถไปด้วยกัน

และด้วยความเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด จนเป็นเก๋งรุ่นเดียวในราคาระดับนี้ที่มีแรงบิดถึง 305 นิวตันเมตร จึงการเรียกอัตราเร่งจากหยุดนิ่งของมันนั้น มีความกระตือรือร้น ติดเท้าขึ้นพอสมควร กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกลมกล่อมในการใช้งาน ในกลุ่มเก๋งไฮบริดด้วยกัน แม้ว่ามันอาจจะขัดใจสายซิ่งไปบ้างก็ตาม

  • Best Hybrid crossover : Nissan Kicks e-Power G2

ทางด้าน รถอเนกประสงค์ล่ะ ..​ก็คงต้องเป็น Nissan Kicks e-Power รุ่นที่ 2 ที่โผล่มาตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

ตัวรถภายนอก อาจจะเหมือนเดิม ทว่าจุดที่ทาง นิสสัน ปรับปรุงมีมากมาย จนเรียกน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะการเพิ่มพลังขับจากเดิม จนกลายเป็นอเนกประสงค์ที่มีพลังขับไม่แพ้คู่แข่ง และยังปรับเรื่องความประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะกับการใช้งานในเมือง

แถมระบบกันสะเทือน ถูกปรับด้วยการเลือกใช้ยางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จาก Continental ทำให้ รถตอบสนองดีกว่ารุ่นเดิมพอสมควร

ไม่เพียงเท่านี้การปรับปรุงภายในบางส่วน โดยเฉพาะ คอนโซลกลาง ทำให้การตอบสนองต่อการใช้งานทำได้ดีขึ้นค่อนข้างมากกว่าเดิมพอสมควร กลายเป็นรถที่ขับสะดวกสบายมาก จนทำให้หลายคนสนใจ และจับจองกันไปอย่างถล่มทลาย

  • Best Performance Car : Ford Ranger Raptor

ด้านกลุ่มรถสปอร์ต หรือรถยนต์สมรรถนะสูงปีนี้ เราเลือกรถกระบะพลังโหด Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเครืองยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร และ ระบบเทอร์โบชาร์จคู่ ตอบตลาดด้วยสุดยอดสมรรถนะ เป็นรถกระบะที่มีความแรงในระดับเฉียด 400 ม้าในคันเดียว

แถมระบบกันสะเทือนใหม่ ด้วยโช้คอัพที่มาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้า กึ่งอัตโนมัติ มีระบบการขับขี่ กับระบบความปลอดภัยที่หลากหลาย แถมยังฉลาด และใช้งานได้จริง จึงทำให้มันเป็นกระบะที่สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุม แทบจะทุกความต้องการของผู้ใช้ สามารถนำไปลุยสมบุกสมบัน (แบบคนปกติเค้าทำกัน) ได้ทุกท่วงท่าตามความต้องการ ไม่ว่าจะลุยแบบซิ่งๆรูดทางกรวด หรือ ลุยแบบธรรมดาๆ ค่อยๆไต่ร่องหินไปก็ทำได้

หรือจะขับบนถนนชิวๆ ตัวรถก็นั่งดีนุ่มสบายจนคนข้างๆผล็อยหลับได้โดยง่าย ถ้าไม่นับเรื่องสุ้มเสียงท่อไอเสียที่พร้อมจำคำรามทุกครั้งที่คุณขย้ำคันเร่งลงไป จนปลุกเขาตื่นโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเทียบกับราคาขาย 1.869 ล้านบาท กับทุกอย่างที่ได้ มันไม่ได้แพงเลยสักนิด

  • Best EV : MG 4 EV

ทางด้านรถยนต์ไฟฟ้า ปีนี้เปิดหลายรุ่นมากๆ สร้างความคึกคักให้ตลาด แต่ที่เราขับแล้วประทับใจมากที่สุด เห็นที จะเป็นเจ้า MG 4 Electric ใหม่ ที่เปิดตัวออกมาปีนี้

ตัวรถรุ่นนี้ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบ็ค ที่มาพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาด 51 Kw ให้ความสามารถในการขับขี่ด้วยกำลังขับ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป

แต่ที่น่าประทับใจจริง คือการทำให้รถขับได้ใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป ในเรื่องของการเรียกแรง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องปรับตัวเข้าหามากนัก ในเรื่องการควบคุมก็ มีความคล่องตัว ความสามารถในการขับขี่ที่เหนือชั่นกว่ารถรุ่นอื่นๆในตลาด ด้วยศูนย์ถ่วงที่ต่ำ

และยังให้ความสนุกสนาน พร้อมกับความระมัดระวังต้องเพิ่มขึ้นตาม ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นครั้งแรกของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มันเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับสนุกโดดเด่น อย่างไม่น่าเชื่อ

ราคาของมันก็ไม่ได้แพงมากมายนัก ที่สำคัญ นี่คือ การวิศวกรรมใหม่ล่าสุด จากทางเอ็มจี ที่จะคุณจะลืมภาพจำของ รถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้นเคย และความเป็นรถเอ็มจีในยุคก่อน

  • Best Premium EV : Volvo XC 40 Pure Electric

แล้วถ้ารถในระดับพรีเมี่ยมล่ะ เราก็คงจะยกให้ Volvo XC 40 EV ที่มาในพร้อมกับ มอเตอร์คู่ สำหรับขับเคลื่อนชุดล้อทั้งสี่ ที่ให้กำลังขับรวมกันมากถึง 408 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลระดับรถสปอร์ตมีอาย

วอลโว่ นำเสนอรถไฟฟ้า ที่แรงสุดๆในราคาที่ทุกคน สามารถจับต้องได้ แถมยังมาในทรงอเนกประสงค์ ที่เพียงพอต่อการใช้งาน

ถ้าถามเรา จุดบอด รถรุ่นนี้ อยู่ที่ระบบช่วงล่างที่ยังอ่อนกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับพละกำลังที่ให้มา จะเห็นได้ในเวลา เรากดคันเร่งเต็มๆ รถจะมีอาการหน้ายก ให้รู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง

แต่ถ้าเอาฟังก์ชั่น ความแรง และ ขนาดรถ ทั้งหมดในราคาที่นำเสนอ มาเรียกว่า ไม่แพงจนเกินงาม เกินไปนัก

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่