แม้จะถูกประกาศปิดตัวไปแล้วหนึ่งครา แต่ในปัจจุบัน Ralliart สำนักแต่งคู่บุญของรถยนต์จากแบรนด์ Mitsubishi ก็ได้ถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง และในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกันว่า สำนักดังแห่งนี้ มีที่มาอย่างไรบ้าง

ย้อนไปช่วงปี 1972 ทาง Mitsubishi สามารถคว้าชัยชนะระดับโลกได้เป็นครั้งแรกจากฝีมือของ Andrew Cowan ในรายการ Southern Cross Rally ซึ่งหลังจากนั้นในปี 1983 เจ้าตัวก็ได้เลือกเปิดสำนักแต่ง Andrew Cowan Motorsports ขึ้น เพื่อทำรถแข่งสำหรับการแข่งขันแรลลีในยุโรป และแน่นอนว่ารถที่สำนักแห่งนี้ถนัดก็คือรถของ Mitsubishi

นั่นจึงทำให้ในต่อมาเพียงไม่นาน Cowan ก็ได้รับการจ้างวานจากต้นสังกัดเดิมของเขาเสียเอง ว่าให้ช่วยทำทีมแข่งเพื่อแบรนด์โดยเฉพาะสำหรับรองรับการแข่งขันทางฝุ่น ทั้ง Rally และ Cross Country ในยุโรปเป็นหลัก จนเกิดเป็นทีมแข่ง Ralliart Europe ขึ้นในปี 1984 โดยที่ทางแบรนด์ Mitsubishi เอง ก็จะให้การสนับสนุนทีมในส่วนของการพัฒนาอะไหล่และชิ้นส่วนสำคัญต่างๆที่จำเป็นสำหรับการใช้สร้างตัวแข่งของทีมโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ผ่านไปอีกเพียงไม่กี่ปี Doug Stewart ซึ่งเป็นเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของ Andrew Cowan และเคยคว้าแชมป์ในรายการเดียวกันกันเขา เมื่อปี 1975 กับปี 1976 ก็ได้รับหน้าที่เดียวกันจาก Mitsubishi เพื่อช่วยทำทีม Ralliart Australia สำหรับเข้าร่วมกันแข่งขันในประเทศออสเตรเลียด้วยเช่นกันในปี 1988 เพื่อขยายการสนับสนุนตัวแข่งจากโรงงานให้กับทีมแข่งได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น

จากนั้นในปี 1989 ทาง Ralliart Europe ก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน World Rally Championship หรือ WRC แบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก ในฐานะทีมโรงงานจาก Mitsubishi ด้วยตัวแข่ง Galant VR-4 และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ในรางวัลผู้ผลิต ตามด้วยอันดับ 3 ในปี 1990 กับปี 1991

หลังจากนั้น ด้วยผลงานที่ยังไม่เข้าใกล้ชัยชนะในฝั่งผู้ผลิตเลยสักที นอกไปจากการคว้าแชมป์ประจำสนามเพียงไม่กี่ครั้ง กับการที่เหล่าคู่แข่งเริ่มส่งรถรุ่นใหม่ซึ่งมีพิษสงมากขึ้นมาเข้าร่วมศึก WRC จึงทำให้ทาง Ralliart Europe ได้ร่วมมือกับ Mitsubishi ต้องช่วยกันพัฒนาตัวแข่งรุ่นใหม่ที่เหมาะสำหรับการแข่งขันมากกว่าเดิมขึ้นมา โดยใช้พื้นฐานของรถยนต์นั่งที่เล็กกว่า Galant VR-4 อย่าง Lancer จนกลายเป็น Lancer Evolution ในที่สุด

แต่ก่อนที่เราจะออกทะเลไปถึงความเป็นมาของเหล่า Mitsubishi Lancer Evolution เราแค่อยากจะบอกว่ารถยนต์นั่งขับ 4 เจ้าตำนานที่ได้ชื่อว่าเป็น “นักเลง 3 เกียร์” คือหนึ่งในผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง Mitsubishi และ Ralliart Europe ก็เท่านั้น

แต่ทั้งนี้เราอาจจะขอเน้นไปที่เหล่า Lancer Evolution รุ่นแรกๆจาก Evo และ Evo I – Evo VI เป็นหลัก เพราะมันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์สามารถคว้าแชมป์ในส่วนรางวัลผู้ผลิตได้ในท้ายที่สุดเมื่อปี 1998 และยังทำให้นักแข่งในตำนานอย่าง Tommi Makinen สามารถคว้าแชมป์ประเภทนักแข่งได้อีก 4 ปีซ้อน ระหว่างปี 1996-1999

ส่วนตัวรถ Lancer Evolution เจเนอเรชันถัดมา กลับมีแค่เพียง Evo 7 เท่านั้น ที่ถูกนำไปต่อยอดแล้วใช้ลงสู้การแข่งขัน WRC จริงๆ ก่อนที่ทาง Ralliart Europe และ Mitsubishi จะตัดสินใจนำเอาร่างต้นจริงๆของ Lancer Evolution อย่าง Lancer Cedia มาดัดแปลงแล้วส่งลงแข่งขันภายใต้ชื่อ Lancer WRC แทนในภายหลัง

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ในปี 2002 ทาง Mitsubishi ได้ตัดสินใจที่จะก่อตั้งหน่วยงาน Mitsubishi Motors Motor Sports (MMSP) GmbH ขึ้นมา เพื่อจัดการงานในใส่วนของมอเตอร์สปอร์ตด้วยตนเอง จึงทำให้การดำเนินงานของ Ralliart Europe ที่รับผิดชอบโดย Andrew Cowan Motorsports ไม่ได้อยู่ภายใต้การจัดการของ Andrew Cowan ผู้ก่อตั้งอีกต่อไป และนั่นก็รวมถึง Ralliart Australia ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของ Doug Stewart ด้วย (เปลี่ยนให้สมาชิกทีมขึ้นกับหน่วยงานจากบริษัทแม่โดยตรง)

ทั้งนี้ แม้จะมีการปรับผังผู้รับผิดชอบทีมชุดใหญ่ เพื่อให้การพัฒนาตัวแข่งสำหรับศึก WRC และการแข่งขันทางฝุ่นอื่นๆเป็นไปได้อย่างคล่องตัวต่อบริษัทแม่มากขึ้น แต่ผลงานการแข่งขันในศึกแรลลีชิงแชมป์โลกหลังจากนั้นกลับไม่มีที่ท่าว่าจะดีขึ้นเหมือนที่เคยเป็น ทำให้ท้ายที่สุดทาง Mitsubishi ได้ตัดสินใจถอนทีมแข่ง Ralliart ออกจากการแข่งขันไปในที่สุดเมื่อจบฤดูกาลปี 2007 (แถมอันที่จริงทางค่ายได้ถอนตัวจากการส่ง Ralliart ในฐานะทีมแข่งโรงงานมาตั้งแต่การแข่งขันปี 2003 แล้วเสียด้วยซ้ำ)

และนอกจากในโลกของการแข่งขัน อันที่จริงทาง Mitsubishi ยังได้มีการก่อตั้งบริษัท Ralliart, Inc เพื่อทำชิ้นส่วน หรือของแต่งต่างๆ ทั้งชิ้นส่วนภายนอก หรือชิ้นส่วนเสริมสมรรถนะให้กับตัวรถ ภายใต้แบรนด์ Ralliart เพื่อขายให้กับเหล่าสาวก หรือแฟนพันธ์แท้รถ Mitsubishi ได้ซื้อไปตกแต่งรถของตนเองในฐานะของแต่งจากโรงงานอีกด้วย

แต่ด้วยผลงานการแข่งขันในศึก WRC ที่ไม่สู้ดีจนต้องถอนตัวออกไป รวมถึงทิศทางการตลาดรถยนต์ทั่วโลก ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในรถครอบครัว หรือรถอเนกประสงค์มากขึ้น จึงทำให้ทาง Mitsubishi มองว่าพวกเขาควรที่จะนำเอางบของบริษัทไปทุ่มในการพัฒนารถยนต์เหล่านี้เป็นหลักแทนจะดีกว่า และตัดสินใจเลิกทำแบรนด์ หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ซึ่งนั่นรวมถึง Ralliart ในปี 2010 ไปในที่สุด

ทว่าในช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา ทาง Mitsubishi กลับตัดสินใจกลับมาเปิดแบรนด์ Ralliart อีกครั้ง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ยังคงหลงไหล ในจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันของแบรนด์ โดยจะเป็นการเปิดตัวในฐานะผู้ผลิตชุดแต่งภายนอกสำหรับรถยนต์ของตนเอง รวมถึงการทำทีมแข่งเพื่อกระตุ้นแบรนด์ก่อนในช่วงแรก และคาดว่าหลังจากนี้อาจจะมีการทำของแต่งเสริมสมรรถนะ หรืออาจไปไกลถึงขั้นกลับมาพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบความแรงและการแข่งขันออกมาอีกครั้งในอนาคตก็ได้ ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปหลังจากนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: