แม้ก่อนหน้านี้ หลายคนจะตกตะลึงกับความแรงของ Porsche Taycan Turbo S รุ่นใหม่กันไปแล้ว แต่ผ่านเวลาไปเพียง 1 เดือนนิดๆ ทางค่ายเจ้าชายกบ ก็เปิดตัวร่างแรงกว่านั้นออกมาเพิ่มอีก และนั่นคือ Porsche Taycan Turbo GT

Porsche Taycan Turbo GT แม้จะยังคงได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารูปทรงซาลูน หรือ ซีดาน 4 ที่นั่ง แต่การออกแบบตัวรถตอนออกโรงงาน กลับถูกตั้งเป้าไว้ว่า มันจะต้องเป็นอสูรกายในสนามแข่งด้วยในเวลาเดียวกัน จนสามารถกดเวลาในสนามหลังบ้านของแบรนด์อย่าง Nurburgring ได้ภายในเวลาเพียง 7’07.55 นาที เท่านั้น

โดยความเปลี่ยนแปลงแรกสุด แน่นอนว่าต้องเริ่มจากงานออกแบบภายนอก ที่คราวนี้ ตัวรถรหัส GT จะมาพร้อมกับชุดกันชนหน้าใหม่ที่ดูดุดันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชายล่างพร้อมครีบรีดอากาศขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายและด้านขวา เหนือไปอีกหน่อยยังมีช่องดักลมขนาดใหญ่สำหรับระบายความร้อนระบบเบรก โดยที่ตัวกรอบของมัน ยังเน้นความเหลี่ยมสันตัดเข้ากับขอบไฟหน้า เพื่อการรีดอากาศขึ้นสู่ด้านบนของตัวถัง

ส่วนชายล่างด้านข้าง นอกจากจะมีการปรับไปใช้วัสดุคาร์บอนในการขึ้นรูป มันก็ยังดูบานเป็นครีบออกมาทางด้านข้างมากกว่าเดิม และในฝั่งกันชนท้าย ก็ไม่พลาดที่จะใส่แถบรีดอากาศทางด้านข้าง เหมือนกันชนหน้ามาให้ และแม้ชิ้นดิฟฟิวเซอร์ด้านล่างจะดูคล้ายเดิม แต่ด้านบนของกันชน ก็มีการทำช่องระบายอากาศเพิ่ม เพียงแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นช่องระบายอากาศจริง หรือเป็นช่องระบายอากาศหลอกเพื่อเสริมความดุดันก็เท่านั้น

ด้านชุดฝาท้ายเอง ก็มีการปรับรูปทรงช่วงบนใหม่เล็กน้อย ให้มาพร้อมกับความเชิดในลักษณะของสปอยเลอร์ตูดเป็ด และหากยังไม่พอ ตัวสปอยเลอร์หลังแบบพับซ่อนก็ได้ถูกถอดทิ้งไป แล้วแทนด้วยสปอยเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์แบบยกสูง ติดตั้งตายตัวชิ้นใหม่เฉพาะรุ่นเข้ามาแทน เมื่อคุณซื้อแพ็คเกจไล่เบา

แล้วจึงจบงานด้วยชุดล้ออัลลอยฟอร์จขนาด 21 นิ้ว แบบใหม่น้ำหนักเบา รัดด้วยยาง Pirelli P ZERO ใหม่ที่หนึบหนับกว่าเดิม และตัวชุดล้อที่ว่านี้ ยังถูกออกแบบมาให้สามารถช่วยระบายอากาศออกจากซุ้มล้อ ซึ่งด้านในมีชุดจานเบรกคาร์บอนเซรามิค และคาลิปเปอร์เบรคแบบใหม่ติดตั้งอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดจะทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนปรับด้วยระบบไฟฟ้า Porsche Active Ride ที่ถูกปรับเซ็ทมาใหม่เพื่อการใช้งานสุดโหดบนทางดำของเจ้านี่โดยเฉพาะแล้ว

ส่วนภายในห้องโดยสาร ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนงานออกแบบไปจากเดิมเท่าไหร่นักในส่วนคอนโซลหน้า และแผงข้างประตู แต่เน้นไปที่การเปลี่ยนรายละเอียดวัสดุตามจุดต่างๆเพื่อเสริมภาพลักษณ์ความเป็นตัวแรง ทั้ง เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Adaptive Sports Seats โครงคาร์บอน โดยที่แผ่นรองนั่งและรองหลังจะหุ้มด้วยวัสดุหนัง Race-Tex (เช่นเดียวกับที่คอนโซลหน้า และแผงข้างประตู) สลับผ้ากันไฟ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นเบาะที่สามารถปรับตำแหน่งได้ด้วยระบบไฟฟ้ากว่า 18 ทิศทาง และที่ขาดไม่ได้คือการปักโลโก้ชื่อรุ่นเอาไว้ที่หัวหมอน กับฝั่งเอมเบลมเอาไว้ตรงคอนโซลกลาง

นอกนั้นในส่วนของเบาะหลัง หากลูกค้าไม่ต้องการ เพราะอยากให้รถมีน้ำหนักเบาที่สุด คุณก็สามารถเลือกซื้อแพ็คเกจไล่เบา “Weissach Package” ได้ ซึ่งทางค่ายจะทำการถอดเอาทั้ง เบาะหลัง, นาฬิกาเหนือคอนโซล, พรมปูพื้นในห้องโดยสาร และในช่องเก็บของออกไป ซึ่งหากยังไม่พอ ลูกค้ายังสามารถเลือกถอดพอร์ทชาร์จ และเปลี่ยนวัสดุฝากระโปรงใหม่ที่เบากว่าเดิมได้อีก

แต่ในทางกลับกัน หากลูกค้าคนไหนอยากได้ความสะดวกสบายในการใช้งานเพิ่มเติม ก็สามารถเลือกซื้อแพ็คเกจชุดลำโพงพรีเมียมจาก Bose ได้ เช่นเดียวกับกระจกกั้นความร้อน ที่มีให้เลือกซื้อแยกด้วย

อย่างไรก็ดี จุดขายสำคัญของตัวรถรุ่นนี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตาจากภายนอก แต่เป็นลูกเล่นภายในอย่างโครงสร้างตัวถังที่ได้รับการเสริมความแข็งแรง และขุมกำลังที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่ จนสามารถเค้นกำลังได้สูงสุด 1,108 PS และให้แรงบิดได้สูงสุดอีก 1,340 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่ามากที่สุดแล้ว เท่าที่ Porsche เคยทำมา

ทั้งนี้ ตัวเลขพละกำลังสูงสุดดังกล่าว จะเป็นตัวเลขที่โผล่ขึ้นมาให้เห็นเมื่อผู้ใช้เหยียบคันเร่งเต็มเท้าพร้อมกดปุ่มบูสท์เพียง 2 วินาทีเท่านั้น ส่วนการออกตัวพร้อมเปิดระบบ Launch Control พละกำลังของมอเตอร์จะถูกปรับลดลงเหลือ 1,033 PS

และในสภาวะการขับปกติ พละกำลังจะถูกจำกัดเอาไว้ที่ราวๆ 789 PS เพื่อการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ และความทนทานของระบบขับเคลื่อน แต่หากลูกค้าต้องการเร่งแซง ก็สามารถกดปุ่มเปิดระบบ “Push-to-Pass” ได้อีก เพื่อที่มอเตอร์จะได้เพิ่มกำลังขับเคลื่อนจากสภาวะปกติขึ้นอีกราวๆ 163 PS เป็นเวลา 10 วินาที เพื่อให้คุณมั่นใจว่ารถของตนจะสามารถแซงผ่านเจ้าเต่าคันข้างหน้าได้แน่ๆ

แน่นอน ด้วยตัวเลขสมรรถนะในระดับนี่ ทำให้หากมองไปที่ตัวเลขอัตราเร่งต่างๆ ตัวรถ Taycan รุ่นนี้ ก็ถือว่าสามารถทำเวลาออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ ทั้ง อัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 2.2 วินาที (หรือ 2.1 วินาที เมื่อติดตั้งแพ็คเก็จไล่เบา), 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.6 วินาที (หรือ 6.4 วินาที เมื่อติดตั้งแพ็คเก็จไล่เบา) และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 306 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ Porsche Taycan Turbo GT มีการประกาศวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ด้วยตัวเลข 230,000 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 8.2 ล้านบาท ส่วนการวางจำหน่ายในไทย คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่คาดว่าราคาอาจพึ่งทะลุหลัก 10 ล้านไปไกลพอสมควร ด้วยข้อจำกัดด้านภาษีรถน้ำเข้าของบ้านเราที่แพงหูฉี่นั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่