หลังการทำตลาด Porsche Taycan ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์มาพักใหญ่ ในตอนนี้ก็ใกล้เวลาเข้าไปทุกทีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ของแบรนด์ นั่นคือ Porsche Macan EV

ต่างจาก Taycan ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานแพลฟอร์ม “Porsche J1” ร่วมกับ Audi E-Tron GT คราวนี้ ด้วยความเป็นรถครอสโอเวอร์ ทำให้ Macan EV จะหันไปใช้โครงสร้างพื้นฐาน ที่สร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม PPE ของ Volkswagen ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำรถยนต์ไฟฟ้าระดับ Luxury ในปริมาณมากๆ และแน่นอนว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบ Macan

นอกจากนี้ ทาง Porsche ยังยืนยันว่า Macan EV จะมีทั้งรุ่นย่อยที่ทำให้คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ง่าย และรุ่นสมรรถนะสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเท้าหนัก

โดยแม้ตัวรถทั้งสองรุ่นย่อยจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์คู่ สำหรับแยกกันขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า และคู่หลัง แบบ AWD เหมือนกันก็ตาม

แต่มันก็จะถูกแบ่งความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องของตัวเลขพละกำลังสูงสุด ซึ่งหากเป็นรุ่นสมรรถนะสูงจะพกเอามอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงม้ารวมกันมากถึง 603 HP ติดตัวมาด้วยเลยตั้งแต่ออกโรงงาน

ทว่าเพื่อการประหยัดพลังงานที่มากขึ้นอีก ในสภาวะการวิ่งปกติ จะมีแค่เพียงมอเตอร์ลูกที่ใช้ขับเคลื่อนชุดล้อคู่หลังเท่านั้นที่ทำงาน ส่วนมอเตอร์สำหรับขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า ก็จะทำงานเมื่อระบบพบว่ารถมีการสูญเสียแรงยึดเกาะกับผิวถนน หรือผู้ใช้ต้องการเค้นสมรรถนะสูงสุดของตัวรถเพื่อเร่งแซงเท่านั้น

ส่วนตัวแบตเตอรีจะใช้ขนาด 100 kWh เป็นหลัก ซึ่งแม้ทางค่ายจะไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขระยะทางในการวิ่งสูงสุดต่อชาร์จออกมา แต่พวกเขาก็บอกว่ามันจะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า Taycan ซึ่งเคลมระยะทางการวิ่งว่าจะอยู่ที่ราวๆ 396 กิโลเมตร/ชาร์จ

โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลขึ้น(กว่า Taycan) ก็ไม่ได้อยู่ที่การเพิ่มขนาดแบตฯ หรือลดกำลังมอเตอร์ แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงพลังงานของแต่ละชิ้นส่วนให้สูงขึ้น

ซึ่งหนึ่งในกุญแจสำคัญคือการเปลี่ยนมาใช้วัสดุจำพวกซิลิกอนคาร์ไบด์ในระบบอินเวอร์เตอร์ของมอเตอร์ที่ใช้ขับเคลื่อนชุดล้อคู่หลัง ซึ่งจากการให้ข้อมูลโดย Porsche ระบุว่ามันจะช่วยลดการศูนย์เสียพลังงานของตัวอินเวอร์เตอร์ และรองรับความถี่กระแสไฟที่สูงขึ้น ช่วยให้การใช้ไฟมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มระยะทางในการวิ่งได้อย่างมีนัยยะสำคัญ (เพราะหากต้องการให้มอเตอร์วิ่งเท่าเดิม แค่จ่ายไฟน้อยกว่าเดิมก็ได้แล้ว)

และเนื่องจากระบบไฟฟ้าของชุดระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ เป็นระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงถึง 800 โวลท์ จึงทำให้แบตเตอรี่ของมัน สามารถรองรับความแรงของกระแสไฟสำหรับชาร์จไฟกลับได้มากถึง 270 kW ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดรถยะเวลาในการชาร์จไฟได้มากเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆที่ส่วนใหญ่แล้วมักใช้ระบบไฟ 400 โวลท์เท่านั้น สำหรับจัดการระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่

ในส่วนของโครงสร้างตัวรถ ทาง Porsche ก็ระบุว่าคราวนี้พวกเขาได้มีการปรับไปใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ตัวรถมีสมรรถนะในการขับขี่และควบคุมตามแบบ Porsche มากยิ่งขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งในส่วนของชุดเฟืองท้ายสำหรับขับเคลื่อนชุดล้อคู่หลังที่มาพร้อมกับระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้า ซึ่งทางค่ายเรียกว่า Performance Rear Axle

และหากแค่นั้นยังไม่พอ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ แทนที่ทางวิศวกรจะติดตั้งชุดมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ด้านหน้าชุดเฟืองท้าย แต่พวกเขาดันตัดสินใจติดตั้งมันไว้ทางด้านหลัง ซึ่งนั่นจะทำให้น้ำหนักยิ่งไปถ่วงด้านท้ายรถมากขึ้น จนส่งผลให้ตัวรถมีอัตราการถ่ายน้ำหนักหน้า-หลัง ที่ 48 : 52 ซึ่งอาจจะดูแปลกๆไปบ้าง แต่มันกลับเป็นอัตราส่วนที่มีความใกล้เคียงกับเหล่ารถสปอร์ต หรือเหล่ารถซุปเปอร์คาร์มากกว่า และนั่นย่อมหมายความว่ามันอาจจะมีลักษณะนิสัยของการควบคุมที่ไม่หนีกัน แม้ว่าเปลือกนอกของ Macan จะยังเป็นรถครอสโอเวอร์ก็ตาม

ในฝั่งระบบช่วงล่าง นอกจากการเพิ่มระบบล้อหลังหักเลี้ยวได้เข้ามาเป็นครั้งแรกของ Macan ระบบกันสะเทือนด้านหน้าที่เป็นแบบปีกนกคู่และด้านหลังมัลติลิงค์ ก็จะทำงานร่วมกับชุดโช้กอัพไฟฟ้าแบบ Active Damper พร้อมระบบ Dual Valve ที่สามารถแปรผันความหนืดทั้งในจังหวะยืดตัว และยุบตัว ได้ตามโหมดที่ตั้งค่าและสภาพผิวถนนได้ในช่วงกว้างมากขึ้น

สุดท้ายคือเรื่องของลูกเล่นภายในห้องโดยสาร ที่คราวนี้จะโดดเด่นด้วยชุดจอแสดงผลถึง 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ชุดจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขณะขับขี่ที่ด้านหน้าผู้ขับ, ชุดจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง, และชุดจอสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์เพิ่มเติม ซึ่งจะติดตั้งอยู่ด้านหน้าผู้โดยสารตอนหน้า และยังสามารถใช้ในการแสดงผลระบบนำทางรวมถึงควบคุมเครื่องเสียงได้อีก

เหนือคอนโซลหน้า ยังมีแถบไฟที่มีไว้แสดงผลสถานะของตัวแบตเตอรี่ และยังเชื่อมต่อกับบางระบบความปลอดภัยที่หากมันพบความเสี่ยงขึ้นมา ตัวแถบไฟที่ว่านี้ ก็จะสามารถเปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนรูปแบบการฉายไฟเพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ขับตื่นตัวต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เพื่อให้ตัวรถมีคุณภาพ และไว้ใจได้ในทุกการใช้งาน Porsche Macan EV จึงจะถูกผลิตขึ้นเฉพาะในโรงงานที่เมือง Leipzig ประเทศเยอรมันเท่านั้น (อย่างน้อยก็ในล็อตแรกๆ)

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่