แม้ในปัจจุบัน ประเทศไทยของเราจะมีรถกระบะให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ดูเหมือนว่าเหล่าผู้ผลิตจะยังคงให้ความสนใจที่จะส่งผลิตภัณฑ์ของตนเองเข้าชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และน้องใหม่ที่ว่า ก็คือ Peugeot Landtrek จากแบรนด์สิงโตผยอง

Peugeot Landtrek แท้จริงแล้ว ไม่ใช่กระบะรุ่นใหม่ แต่เป็นรถกระบะที่ถูกเปิดตัวและทำตลาดในต่างประเทศ โดยเน้นไปที่โซนแอฟฟริกา แต่ยังข้ามมาถึงประเทศมาเลเซีย นับตั้งแต่ปี 2020 หรือหากนับรวมกับตัวรถร่างต้นที่เป็นพื้นฐานของมันจริงๆอย่าง Changan Kaicene F70 ก็เท่ากับว่ามันถูกวางขายมาตั้งแต่ปี 2019 เข้าไปแล้ว

ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจหากเราจะพบว่าลักษณะหน้าตาของตัวรถ ยังคงมาพร้อมกับเส้นสายที่เน้นความโค้งมน ไม่ได้เน้นความเปลี่ยนเหลี่ยมสัน หรือแหลมคมเหมือนรถกระบะที่ปรับโฉมใหญ่ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา แต่ในทางกลับกัน มันก็ให้ความรู้สึกบึกบึน ทั้งชิ้นส่วนกันชนหน้า และแก้มข้างที่ดูมีความชัดเจนยิ่งกว่า รวมถึงตัวรถที่ดูสูงโปร่งชัดเจน

นอกจากนี้ หากมองไปที่มิติตัวรถด้านกว้าง ด้วยตัวเลขกว่า 1,925 มิลลิเมตร ก็จะยิ่งพบว่ามันกว้างกว่ารถกระบะแทบทุกคันที่ขายอยู่ในไทย ณ ตอนนี้ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีการติดตั้งคิ้วซุ้มล้อเสริมใดๆเลยก็ตาม (เป็นความกว้างที่มาจากระยะแก้มข้างด้านหน้าและโป่งซุ้มล้อด้านหลังจริงๆ)

ขณะที่ความสูงและความยาว จัดอยู่ในกลุ่มต้นๆ ด้วยตัวเลข 1,877 มิลลิเมตร และ 5,331 มิลลิเมตร ตามลำดับ เช่นเดียวกับระยะฐานล้อ ยาว 3,180 มิลลิเมตร กับความสูงใต้ท้องรถ 235 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 7 เมตร ถังน้ำมันความจุ 80 ลิตร ก็ด้วย

ด้านงานออกแบบภายใน เน้นความสปอร์ต แข็งแกร่ง ด้วยคอนโซลหน้าแบบแบ่งระดับ 2 ชั้นชัดเจน โดยครึ่งล่างจะบริเวณกลางคอนโซล จะเป็นที่ตั้งของคันเกียร์ ซึ่งมาพร้อมกับหัวเกียร์แบบรถหรู และเขยิบไปอีกนิดทางด้านหน้า จะพบกับแผงสวิทช์ควบคุมระบบต่างๆ ที่ยังคงใส่มาให้อยู่เพื่อความง่ายในการใช้งาน ไม่ต้องเข้าฟังก์ชันยิบย่อยบนจอให้เสียเวลา ส่วนด้านล่างของแผงปุ่มกดเหล่านั้น ก็จะมีลูกบิดปรับเสียง และช่องพอร์ท USB Type A อีก 2 ตำแหน่ง

ส่วนครึ่งบนของแผงคอนโซลหน้า ก็จะไล่จากแผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล Dual-Zone แยกฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าและผู้ขับ เหนือขึ้นไป ก็จะพบกับช่องแอร์แบบแนวยาวอยู่ภายในกรอบสีเงินเดียวกันกับแผงควบคุม และขยับขึ้นไปด้านบนอีกนิด ก็จะเป็นชุดจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ติดตั้งแบบกึ่งลอยตัว และให้ขนาดกำลังพอดีที่ 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ผ่านระบบ Android Auto และ Apple CarPlay แถมยังมีระบบสั่งการด้วยเสียงใส่มาให้

ขณะที่ชุดจอมาตรวัด ที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน ปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง ก็เป็นแบบลูกผสมระหว่างมาตรวัดเข็มกวาด รอบเครื่องยนต์ และความเร็ว กับจอ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว

ลูกเล่นภายในห้องโดยสาร ยังมีทั้ง เบาะนั่งคู่หน้า ที่ได้ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, เบาะนั่งคู่หลัง สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้, ระบบลำโพง 6 จุด, พอร์ทชาร์จไฟ 3 จุด (รวม 2 จุดด้านหน้าที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้), พอร์ทจ่ายไฟ 12 โวลท์ 2 จุด, ระบบแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, และ กล้อง 360 องศา

ระบบความปลอดภัยที่ให้มา ก็มีทั้ง ถุงลมนิรภัย คู่หน้า/ม่านด้านข้าง/หัวเข่า, ระบบ ABS, EBD, ESP,DSC,ASR, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบแจ้งเตือนเข็มขัดนิรภัย, และยังมีระบบแจ้งเตือนการออกนอกเลน กับระบบช่วยเบรกฉุกเฉินใส่มาให้อีก

และด้วยความเป็นรถกระบะโครงสร้างแบบ Body On Frame ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 1.2 ตัน นั่นจึงทำให้มันมาพร้อมกับระบบช่วงล่างแบบ ปีกนกคู่ ด้านหน้า และแหนบซ้อนกันหลายแผ่นทางด้านหลัง ระบบเบรกก็เป็นแบบดิสก์หน้า-หลังดรัม ตามฉบับรถกระบะใช้งาน ตามด้วยชุดล้อขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/60 R18 ส่วนพวงมาลัยก็ยังคงเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิกเท่านั้น ไม่ใช่พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแต่อย่างใด เพื่อความทนทาน

ส่วนขุมกำลังหากอิงตามตัวรถสเป็คประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่ารถ Landtrek จะถูกนำเข้ามาจากที่แห่งนี้ ก็จะมีเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น นั่นคือ เครื่องยนต์ D20T ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมกันนี้ยังส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมีโหมดการทำงานของเครื่องยนต์ให้ปรับ 2 แบบ ได้แก่ Eco และ Sport

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Peugeot Landtrek หากเป็นการขายที่ประเทศมาเลเซีย จะมีตัวเลขเพียง 118,888 ริงกิต หรือราวๆ 905,000 บาท เท่านั้น ซึ่งหากการวางจำหน่ายในประเทศไทย มีการตั้งราคาที่สูงกว่านี้ไม่มากเท่าไหร่นัก ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อดูจากออพชันต่างๆที่ถูกใส่เข้ามา

แต่จะมันจะเป็นไปอย่างที่เราคาดคิดไว้ทั้งหมดหรือไม่ ? สิ้นเดือนนี้ รอลุ้นคำตอบไปพร้อมๆกันครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่