ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา เราอาจเห็นว่าทาง BMW ได้หันมาพัฒนารถไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์กับนโยบายของภาครัฐหลายๆแห่งที่เริ่มบีบให้ผู้ผลิตทำแต่รถไฟฟ้าเท่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ยังคงมีความคิดที่ว่า มันไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก และควรเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายกว่านี้ อย่างเช่นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์ของ Oliver Zipse หนึ่งในบอร์ดบริหารของ BMW กับสื่อฯดังอย่าง Bloomberg เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่า “หลังจากยุคของรถยนต์ไฟฟ้า, ที่ดำเนินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี และเติบโตอย่างรวดเร็วในตอนนี้, เทรนด์การใช้รถขั้นต่อไปจะต้องเป็นไฮโดรเจน”, “เมื่อมันเริ่มแพร่หลาย, ไฮโดรเจนจะเป็นสิ่งที่เด็ดที่สุดในการขับเคลื่อน”

ทั้งนี้ หากเราลองวิเคราะห์กันให้ดี ในความเป็นจริงแล้ว ช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เราก็จะเห็นความตั้งใจในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนของพวกเขามาโดยตลอด ไม่ว่าจะทั้งรถที่ใช้ใช้ก๊าซไฮโดรเจนเป็นแหล่งเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์แทนน้ำมันอย่าง BMW Hydrogen-7 ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาวางขายจริงๆกว่า 100 คัน เมื่อปี 2005-2007 พร้อมเคลมว่ามันคือ “รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่นแรกของโลก ที่พร้อมวางจำหน่ายจริง”

ส่วนรถพลังงานไฮโดรเจนอีกคัน ก็คือ BMW iX5 Hydrogen ที่พึ่งเผยโฉมไปเมื่อปลายปีก่อน แต่ในคราวนี้เป็นการนำเอาก๊าซไฮโดรเจนมาใช้เป็นตัวทำปฏิกิริยาทางเคมีเพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่มอเตอร์ ในลักษณะ Fuel Cell ซึ่งมันเองก็กำลังจะถูกผลิตขายจริงในช่วงปลายปีนี้

นอกจากนี้หากมองในภาพรวม อันที่จริงก็ไม่ได้มีเพียงแค่ BMW เท่านั้น ที่พัฒนารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนทั้ง 2 รูปแบบอย่างขมักเขม้น แต่ผู้ผลิตยักษ์ใหญ่อื่นๆเอง ก็ให้ความสนใจในเทคโนโลยีนี้ ขณะที่พวกเขาก็ทำขายรถ EV ไปพร้อมๆกัน เช่น Toyota, Honda หรือแม้แต่คู่แข่งร่วมสัญชาติอย่าง Mercedes ที่ต่างก็เคยลองขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากก๊าซไฮโดรเจนมาแล้วเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น Zipse ยังแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า การจำกัดให้มีแต่รถไฟฟ้าเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้งานได้ (แบนการใช้รถขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน) ของรัฐบาลหลายๆแห่งทั่วโลก ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไหร่นัก เพราะเจ้าตัวมองว่า มันไม่มีขุมกำลังหรือแหล่งพลังงานชนิดใด ที่จะเหมาะสม หรือสมบูรณ์กับการใช้งานยานพาหนะของคนทั้งโลกได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนั้น

เนื่องจากรถไฟฟ้า อาจเหมาะแค่เพียงเฉพาะในเขตเมืองที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีให้รองรับแล้วจริงๆเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ก็จะเหมาะกับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต่างออกไปมากกว่า

“ถ้าจะให้พูด ก็ยกตัวอย่างที่สหราชอาณาจักร์ ซึ่งในปี 2030 หรือรวมถึงในยุโรปปี 2035, ซึ่งพวกเขาจะจำกัดให้มีเฉพาะการใช้รถขุมกำลังรูปแบบเดียวเท่านั้น (รถไฟฟ้า), นั่นคือสิ่งที่อันตราย” Zipse กล่าว “สำหรับลูกค้า, สำหรับระบบอุตสาหกรรม, สำหรับลูกจ้าง, สำหรับสภาพแวดล้อม, จากทุกมุมที่คุณกำลังมองอยู่, มันคือทางเลือกที่อันตราย”

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่