Kia AD

Home » ส่องลิสต์รถยนต์ใหม่ โชว์ตัว Motor Expo 2024

Kia AD

Suzuki AD

Motor Show Update ข่าวสารยานยนต์

ส่องลิสต์รถยนต์ใหม่ โชว์ตัว Motor Expo 2024

ใกล้เข้ามาอีกครั้ง กับงานมหกรรมยานยนต์ช่วงท้ายปี Motor Expo 2024 และแน่นอนว่าตอนนี้หลายค่ายก็ได้เตรียมที่จะเผยโฉมรถยนต์โมเดลของตนเองให้ผู้ที่สนใจได้จับจอง ได้ลองสัมผัสกัน ว่าแต่ว่ามันจะมีรุ่นใดบ้าง

*หมายเหตุ : ลิสต์รายชื่อรถใหม่ในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้ จะไม่ได้มีแค่รายชื่อรถที่เตรียมถูกเปิดตัวในงานครั้งแรก หรือเปิดขายในงานอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่จะรวมถึงรถที่อาจมีการเปิดตัวพร้อมเปิดราคาไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่นาน แต่พึ่งมีการนำมาจัดแสดงอย่างเป็นทางการในงานครั้งนี้ และรวมถึงรถที่อาจจะถูกนำมาโชว์ตัวเป็นครั้งแรกในไทย เพื่อเตรียมขายต่อไปในอนาคตอันใกล้ด้วย

AION V

รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้าที่ทาง AION ได้มีการประโคมข่าวกันมาตั้งแต่ต้นปีว่าพวกเขาจะวางจำหน่ายมันภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเป็นรถที่ขึ้นไลน์ผลิตในประเทศไทย และหลังจากไม่มีการประกาศข้อมูลทางเทคนิคใดๆมานาน ในที่สุดทางค่ายก็ยืนยันแล้วว่าตัวรถที่วางจำหน่ายในไทย จะมาพร้อมกับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร พร้อมมอบอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนแบตเตอรี่เป็นแบบ 400V Magazine Battery Lithium-ion (LFP) 3C ขนาด 75.3 kWh รองรับระยะทางการใช้งานสูงสุด 602 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จไฟกลับผ่านระบบไฟแบบ DC ด้วยกำลังสูงสุด 180 kW

ขณะที่ราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทางค่ายก็ได้มีการเปรยเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ในช่วงไม่เกิน 1,099,000 บาท ซึ่งราคาจริงจะถูกหั่นลงไปอีกเท่าไหร่ ก็ต้องรอดูกันต่อไป

BYD Seagull

อีกหนึ่งรถแฮชท์แบ็คขนาดเล็กที่มีแนวโน้มจะถูกนำมาทำตลาดรองลงจาก BYD Dolphin โดยจุดน่าสนใจคือขนาดตัวที่เล็กเพียง 3,780 มิลลิเมตร ในด้านยาว, 1,715 มิลลิเมตร ในด้านกว้าง, และ 1,540 มิลลิเมตร ในด้านสูง พร้อมพกมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 74-100 แรงม้า HP ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 30-38 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 306-405 กิโลเมตร/ชาร์จ ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก

โดยราคาวางจำหน่ายของตัวรถรุ่นนี้ในประเทศจีน มีตัวเลขเริ่มต้นเพียงแค่ราวๆ 390,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเราต้องมาดูกันต่อว่าแล้วสำหรับราคาในการวางจำหน่ายของมันจะอยู่ในเรทเท่าใดกันแน่ ?

DEEPAL E07

อีกหนึ่งว่าที่รถกระบะ ? ลูกครึ่งอเนกประสงค์ ? ที่เคยถูกนำมาโชว์ตัวให้ชาวไทยได้เห็นกันแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในคราวนี้ ก็มีข่าวคราวระบุว่าทางค่ายเตรียมเปิดตัวร่างขายจริงของมัน โดยอาจวางราคาไว้อยู่ในระดับที่ไม่หนีไปจากรถกระบะในบ้านเรามากนัก และอยู่ในระดับเดียวกันกับรถ PPV นั่นคือที่ราวๆ 1.5-1.7 ล้านบาท

ส่วนจุดขายของมัน ก็แน่นอนว่าจะอยู่ที่การเป็นรถอเนกประสงค์แต่มีพื้นที่ด้านหลังเป็นกระบะพร้อมแผ่นปิดสไลด์ไฟฟ้าต่อกรอบจากแนวหลังคาลงมา คล้าย Tesla CyberTruck และยังใช้โครงสร้างตัวถังแบบรถยนต์นั่ง นั่นคือโครงสร้าง Monocoque รวมถึงใช้ช่วงล่างอิสระหน้า-หลัง ทั้งหมด โดยที่มิติตัวรถกลับไม่ได้ยาวมากนัก แถมยังออกไปทางแบน กว้าง มากกว่าแทน ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าถึงยังไงตัวรถก็ยังคงเน้นการใช้งานแบบอเนกประสงค์ ให้ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารเป็นหลักมากกว่านั่นเอง

นอกนั้นในด้านขุมกำลัง หากอิงตามข้อมูลตัวรถในประเทศจีน มันก็จะมีระดับขุมกำลังให้เลือกตั้งแต่แบบมอเตอร์เดี่ยวขับหลัง 224 แรงม้า 328 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ 70 kWh รองรับระยะทางการใช้งานสูงสุด 500 กิโลเมตร/ชาร์จ NEDC ไปจนถึง รุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD 598 แรงม้า 645 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ 90 kWh รองรับระยะทางการใช้งานสูงสุด 600 กิโลเมตร/ชาร์จ NEDC

DENZA D9

รถเอ็มพีวีสุดหรูน้องใหม่ล่าสุด ที่เข้ามาลุยตลาดกำลังบูมในไทย โดยตัวรถรุ่นนี้ได้มีการเปิดทั้งราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และอันที่จริงยังมีการเปิดรับจองไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ร่างขายจริงของมันจะถูกนำมาโชว์ตัวให้ผู้ที่สุดในได้สัมผัสกัน

โดยตัวรถที่วางจำหน่ายในไทย จะมีการวางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น เวอร์ชั่นมอเตอร์เดี่ยว ในรุ่น Premium ให้กำลังขับ สูงสุด 313 แรงม้า (PS) ให้แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 9.5 วินาที และมีรุ่น Performance AWD มาพร้อมมอเตอร์คู่ ให้กำลังขับรวมสูงสุด 373 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตนันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 6.9 วินาที

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นคือการให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 103.36 Kw รองรับการชาร์จ AC 11 kW และ Dc สูงสุด 166 kW โดยรุ่น Premium มอบระยะทางต่อการชาร์จสูงสุด 600 ก.ม. และ รุ่น Performance ให้ระยะทางสูงสุด 580 ก.ม. ตามมาตรฐาน NEDC และยังมีระบบช่วงล่างปรับแดมปิ้งด้วยไฟฟ้าในรุ่นท็อปมาให้อีก ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งรายใดในตลาดตอนนี้ใส่มาก่อนแม้แต่รุ่นเดียว

FORD Ranger XLS

กระบะยกสูงรุ่นเริ่มต้นจากแบรนด์อเมริกัน ที่แม้ชื่อรุ่นอาจไม่ได้ฟังดูใหม่เท่าไหร่นัก แต่ในรุ่นโมเดลปี 2025 ที่พึ่งมีการเปิดตัวไม่นาน กลับมีการอัพเดทฟีเจอร์ต่างๆใหม่มากมาย ทั้งชิ้นส่วนตกแต่งรอบคัน+ชุดล้อลายใหม่ ที่เน้นโทนคมเข้ม ดุดันมากกว่าเดิม

ตามด้วยการปรับเปลี่ยนวัสดุตกแต่งชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารใหม่ให้ดูหรู ดูแพงกว่าโฉมก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่ง และพวงมาลัย ที่เปลี่ยนมาหุ้มหนังทั้งหมด และยังเพิ่มหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย แถมยังติดตั้งโมเด็มสำหรับเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น FordPass ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่ลูกค้าจะได้สามารถสั่งการลูกเล่นต่างๆ เช่นการสตาร์ทรถ เปิดแอร์ และอื่นๆอีกมากมาย โดยไม่ต้องปลดล็อคเข้าไปนั่งในรถก่อนได้

Ford Ranger MS-RT

กระบะตัวซิ่ง ที่หากย้อนไปเมื่อต้นปี ทาง Ford ประเทศไทย มีการนำตัวรถ Ranger XLT มาดัดแปลงใส่ชุดแต่ง MS-RT แล้วจอดโชว์ตัวเงียบๆในงาน Motor Show 2024 ซึ่งจุดน่าสนใจคือพวกเขาดันแอบนำนักเก็บข้อมูลมาสอบถามผู้ที่สนใจถึงความเป็นไปได้ที่จะวางจำหน่าย หรือทิศทางการจัดออพชันของตัวรถรุ่นนี้ด้วยว่า มันเหมาะจะถูกนำมาทำตลาดในไทยหรือไม่ ?

ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดไปจากที่คาด หรือหากผลจากการสำรวจข้อมูลครั้งนั้นออกมาดี เราก็อาจจะได้เห็น Ranger MS-RT ถูกวางจำหน่ายในบ้านเราเป็นครั้งแรกของทวีปเอเชียกันเลยทีเดียว

โดยจุดขายของตัวรถรุ่นนี้ หากให้ระบุโดยคร่าวๆ ก็จะอยู่ที่การมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร จับคู่กับชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-Time ที่ถูกปรับเซ็ทสมองกลใหม่ เพื่อการหวดบนทางเรียบ

และยังมีการปรับแต่งช่วงล่างใหม่ทั้งหมด ลดความรถให้เตี้ยลงอีก 40 มิลลิเมตร เปลี่ยนชุดล้อใหม่ให้เบาลง รวมถึงติดตั้งชิ้นส่วนแต่งหล่อทั้งภายนอกภายในเข้าไปมากมาย เพื่อบ่งบอกความเป็นรถกระบะแนว “Ultimate Street Truck” อย่างเต็มตัว

GWM Poer Sahar

อีกหนึ่งรถกระบะที่มีการนำมาโชว์ตัวในไทยอยู่หลายครั้ง แถมในความจริงแล้ว มันยังถูกเปิดรับจองไปแล้วครั้งหนึ่งในงาน Motor Show 2024 เมื่อต้นปี ซึ่งเป็นการเผยโฉมตัวรถร่างพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกด้วย และในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้ ทางค่ายก็ได้ให้ข้อมูลยืนยันแล้วว่าพวกเขาจะมีการเปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของมันออกมาแน่นอน

และจุดขายของตัวรถรุ่นนี้ ก็คือการที่แม้มันจะเป็นรถกระบะขนาดใหญ่ วางตัวถังบนแชสซีย์แบบเดียวกันที่รถกระบะยอดนิยมหลายรุ่นทำกัน แต่มันกลับถูกทาง GWM วางจำหน่ายให้เป็นรถกระบะอเนกประสงค์ หรือหากให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิด ก็คือ Tank 500 HEV ที่มีกระบะหลัง ซึ่งเกิดมาเพื่อการใช้งานเชิงนันทนาการภายในครอบครัวมากกว่า

แน่นอน ด้วยการใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Tank 500 มันจึงมาพร้อมกับขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังขับสูงสุด 244 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบมอเตอร์ช่วยขับเคลื่อน 106 แรงม้า และทำแรงบิดสูงสุด 268 นิวตันเมตร, ภายในห้องโดยสารเน้นลูกเล่นเสริมความสะดวกสบาย ที่แม้อาจจะไม่ได้ดูหรูหราเท่าคู่แฝดร่างอเนกประสงค์ แต่ก็ยังถือว่าจัดเต็มกว่ารถกระบะหลายๆคันในท้องตลาด ณ เวลานี้

นอกจากนี้ทางค่ายยังระบุอีกว่า พวกเขาจะมีการเผยโฉมทั้ง Tank 700 Hi4-T และ WEY 800 ด้วยในงาน ซึ่งไม่แน่ว่านี่อาจเป็นการบอกไบ้ว่าพวกมันต่างก็เป็นโมเดลที่จะถูกนำมาทำตลาดในบ้านเราเร็วๆนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะยังไม่ใช่ภายในงาน Motor Expo 2024 นี้แน่นอน

HONDA HR-V

ครอสโอเวอร์ยอดนิยมเบอร์ต้นของไทย ที่ได้รับการปรับโฉม Minor Change ใหม่ครั้งแรกของโฉมปัจจุบันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เท่านั้น

และจุดเปลี่ยนสำคัญของตัวรถในครั้งนี้ คือการปรับงานออกแบบรอบคันตัวรถใหม่ โดยหันไปเน้นการใช้เส้นสายที่มอบกลิ่นอายความแข็งแกร่ง บึกบึนยิ่งขึ้น พร้อมลุยกว่าเดิมในแบบที่รถอเนกประสงค์ควรเป็น จากที่ก่อนหน้านี้มันอาจดูสปอร์ตจ๋า เน้นจับลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นมากเกินไป

นอกจากนี้ ด้วยการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะจากการรุกหนักของรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตสัญชาติจีน ทาง Honda จึงตัดสินใจใส่ออพชันใหม่ๆเข้ามาหลายรายการตั้งแต่รุ่นบนยันรุ่นล่าง แถมยังมีการปรับราคาใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถจับต้องรถยนต์ไฮบริดในตระกูล HR-V ได้ง่ายขึ้นอีก

โดยแม้ตัวรถจะมีการเปิดตัวและประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปแล้ว แต่ทางค่ายยังคงมีโปรโมชันราคาพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจ และจับจองรถ พร้อมรับรถก่อนหมดสิ้นปีนี้ด้วย

HYUNDAI Palisade

หลังจากมีการปล่อยข้อมูลว่าทางค่ายกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการทำราคาและเลือกออพชันที่เหมาะสมสำหรับการทำตลาดในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2023 ตอนนี้ก็เป็นที่ยืนยันแล้วว่า ตัวรถอเนกประสงค์ไซส์ยักษ์ระดับเรือธงของค่าย จะถูกวางราคาอย่างเป็นทางการในไทย ด้วยตัวเลขเริ่มต้นราวๆ 2.3-2.5 ล้านบาท โดยมีการประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

จุดเด่นสำคัญของตัวรถรุ่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องอยู่ที่ขนาดตัวถังใหญ่โตอยู่เป็นกลุ่มบนสุดของตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ ด้วยความยาว 4,995 มิลลิเมตร, ความกว้าง 1,975 มิลลิเมตร, ความสูง 1,750 มิลลิเมตร และ ความยาวฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร พร้อมเบาะภายในห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง

โดยตัวรถที่วางจำหน่ายในไทย จะเป็นรถนำเข้าทั้งคันจากประเทศเวียดนาม มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Variable Geometry Turbocharger (VGT) ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และมีทางเลือกระบบขับเคลื่อน 2 แบบ ได้แก่ 2 ล้อหน้า และ 4 ล้อ Full-Time

ด้านออพชันต่างๆภายในห้องโดยสาร ก็นับว่าจัดเต็มตามสไตล์รุ่นใหญ่ ทั้งหลังคาหุ้มหนัง Suede, เบาะนั่งหุ้มหนังทั้งหมด โดย 2 แถวหน้ามาพร้อมกับระบบปรับอากาศร้อน-เย็น, หน้าจอมาตรวัด ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับชุดเครื่องเสียงจาก Infinity, ระบบเกียร์ไฟฟ้า, เบรกมือไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมาย

ISUZU D-Max / Mu-X ขุมกำลังใหม่ ทั้ง 1.9 Mild Hybrid และ 2.2 MaxForce

แม้จะพึ่งมีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปเพียงไม่นาน แต่ด้วยเงื่อนไขด้านมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ทาง Isuzu ต้องเริ่มทะยอยปรับเปลี่ยนขุมกำลังของตัวรถเพียง 2 รุ่นที่ค่ายมีใหม่กันยกใหญ่

เริ่มจากขุมกำลัง 1.9 Mild Hybrid ที่ได้มีการเปิดตัวและเปิดราคาไปแล้วก่อนหน้านี้ใน Isuzu D-Max และในเร็วๆนี้ที่จะมีการเปิดตัวเป็นครั้งแรก กับเครื่องยนต์ MaxForce ซึ่งแม้ทางค่ายจะยังไม่มีการเปิดเผยความจุ แต่จากข้อมูลวงในก็ทำให้เราสามารถยืนยันได้ว่ามันจะเป็นเครื่องยนต์พิกัด 2.2 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถระบุต่อได้อยู่ดีว่ามันจะมีเรี่ยวแรงติดปลายนวมมาเท่าไหร่ และต้องรอลุ้นกันต่อไปจนกว่าจะถึงกำหนดการเปิดข้อมูลจริงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

LEAPMOTOR C10

อีกหนึ่งรถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่จะตบเท้าเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย และเช่นเดียวกันกับรถยนต์ไฟฟ้าโมเดลอื่นๆของค่ายร่วมชาติ ลักษณะงานออกแบบและการใช้งานของตัวรถรุ่นนี้ จะเน้นไปที่การใช้งานแบบรถครอสโอเวอร์ซึ่งมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมายที่เหมาะกับกิจวัตรของครอบครัวขนาดกลาง โดยเฉพาะในส่วนของฟังก์ชันเบาะพับราบได้ทุกตำแหน่ง

และยังมาพร้อมกับขนาดตัว ด้านยาว  4,739 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง  1,900 มิลลิเมตร, ด้านสูง 1,680 มิลลิเมตร, และระยะฐานล้ออีก 2,825 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นขนาดตัวในระดับที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับเหล่ารถอเนกประสงค์สัญชาติจีนที่วางจำหน่ายในไทย ณ เวลานี้ พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 900 ลิตร

ด้านขุมกำลังตัวรถเอง ก็เป็นแบบมอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร พร้อมความสามารถในการเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 69.9 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งสูงสุด 477 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC

ส่วนราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเปิดตัวที่ราวๆ 1 ล้านต้นๆ

MAZDA CX-5

อเนกประสงค์ขนาดกลางรุ่นยอดนิยม ขายดีเป็นอันดับต้นๆของแบรนด์ ที่ในปีนี้ได้รับการปรับโฉมใหม่ครั้งแรก หลังจากปล่อยให้ชาวยุโรปได้เชยชมกันไปก่อนแล้วนานนับปี โดยในคราวนี้ตัวรถมีความเปลี่ยนแปลงในหลายจุด ตั้งแต่การถอดเอาทางเลือกขุมกำลังเบนซิน 2.5 ลิตร เทอร์โบ ออกไป เหลือไว้เพียงรุ่น เบนซิน 2.0 ลิตร และ ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ เท่านั้นให้ลูกค้าเลือกซื้อ

ขณะที่หน้าตาภายนอกตัวรถ ก็มีการปรับใหม่ให้ดูทันสมัย ลงตัวมากขึ้น ทั้งจากไฟหน้า LED พร้อมแถบไฟ DRL ใหม่, ชุดล้อลายใหม่ทุกรุ่นย่อย, เปลี่ยนรูปแบบชิ้นงานชายล่างรอบคันในรุ่นบนให้กลายเป็นชิ้นงานสีเดียวกับตัวถัง, ปรับกันชนหน้าใหม่ให้ดูสปอร์ตกว่าเดิม เช่นเดียวกับไฟท้าย และปลายท่อไอเสียคู่อันเป็นเอกลักษณ์

ภายในห้องโดยสารยังมีการเปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะนั่งใหม่ในรุ่นท็อป และมีการอัพเกรดชุดจออินโฟเทนเมนท์ใหม่ พร้อมปรับปรุงวัสดุซับเสียง ปรับปรุงโครงสร้างตัวถังใหม่ และปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร

พร้อมกันนี้ทาง Mazda ยังระบุอีกว่าพวกเขาจะปรับราคาตัวรถใหม่ ให้ถูกลงกว่าเดิมอีกราวๆ 100,000 – 250,000 บาท ซึ่งถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก

และนอกเหนือจาก CX-5 แล้ว ก็ไม่แน่ว่าทางค่ายอาจมีการโชว์ตัว Mazda BT-50 รุ่นปรับหน้าใหม่ ที่พึ่งเปิดตัวไปในประเทศออสเตรเลียด้วย แต่จะพร้อมวางขายเลยหรือไม่ ? ยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลใดๆได้เลยในตอนนี้

MG IM6

รถยนต์พลังงานไฟฟ้าน้องใหม่ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นของ IM Motors อีกหนึ่งแบรนด์ลูกภายใต้เครือ SAIC บริษัทแม่ของ MG Cars ซึ่งก่อตั้งโดยการร่วมทุนกันกับ Alibaba และ Zhangjiang Hi-Tech โดยมีจุดเด่นด้านนวัตกรรมระบบสมองกลอัจฉริยะ ที่จะช่วยให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับต่างๆมีความฉลาด รวดเร็ว สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าใคร

นอกจากนี้ ตัวรถยังถูกสร้างขึ้นโดยเน้นไปที่ความสะดวกสบายสุงสุดของผู้ใช้ภายในห้องโดยสาร ทั้ง เบาะนั่งหุ้มหนังแนปป้าที่ถูกบุมาอย่างหนานุ่มด้วยโฟมชนิดพิเศษ, ระบบเครื่องเสียงลำโพง 20 ตำแหน่ง, จอแสดงผลข้อมูลต่างๆ 3 ชุด เต็มรูปแบบตลอดแนวคอนโซลหน้าและคอนโซลกลาง

โครงสร้างตัวรถ ยังอุดมไปด้วยชิ้นส่วนที่พัฒนาโดยผู้ผลิตชั้นน้ำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกจาก Brembo พร้อมระบบสมองกลจาก Continental, ระบบช่วงล่างจาก Tenneco, มอเตอร์ขับเคลื่อนจาก SiC, ชุดยางจาก Pirelli แถมตัวแบตเตอรี่ยังมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมการจ่ายไฟแบบ 800 โวลท์อีก

โดยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดรถมานั้น หากอิงตามข้อมูลในประเทศจีน มันก็จะมีให้เลือกตั้งแต่รุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับหลัง กำลังขับสูงสุด 314 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ไปจนถึงรุ่น มอเตอร์คู่ กำลังขับรวมสูงสุด 787 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร และมีระยะทางในการใช้งานสูงสุดตั้งแต่ 560 – 725 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTC

ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ ทางค่ายระบุว่าจะเป็นเพียงแค่การเปิดตัวรถร่างพวงมาลัยขวา เป็นครั้งแรกของโลกเท่านั้น แต่ยังไม่มีการระบุว่าจะทำการเปิดราคาและเปิดรับจองเลยหรือไม่ ? แต่ก็นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนใครที่สนใจในตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นอย่าง MG Cyberster อันที่จริงทางค่ายก็ระบุว่าพวกเขาจะเปิดตัวสีใหม่ของมัน นั่นคือตัวรถสี MODERN BEIGE ตัดกับหลังคาผ้าสีแดง ด้วย รอชมกันได้เลย

NISSAN Serena C27

รถเอ็มพีวีที่ใครหลายคนรอคอยกันมานานหลายปี และการเปิดตัวครั้งนี้ จะเป็นการเปิดตัวรุ่นที่ใกล้ตกรุ่น (หรือในความเป็นจริง คือตกรุ่นไปแล้ว) อย่าง Serena C27 ซึ่งแม้หลายคนอาจจะถามว่า “เอามาทำไม ?”

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันอาจเป็นการเปิดตัวเพื่อโหมโรงในจังหวะที่ตลาดรถยนต์เอ็มพีวีของไทยกำลังบูม ก่อนที่พวกเขาจะทำตลาด Serena C28 ที่เป็นตัวใหม่ล่าสุดในอนาคตอันใกล้นี้

โดยจุดเด่นสำคัญของ Serena C27 ก็คือหากอิงตามข้อมูลที่เราได้รับมา ดูเหมือนว่าทาง Nissan จะตั้งใจวางจำหน่ายมันด้วยราคาไม่ถึงล้านกลาง ซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ว่างอยู่ในปัจจุบัน เพราะในตอนนี้รถเอ็มพีวีในตลาดดังกล่าวมีเพียง Toyota INNOVA Zenix เท่านั้น ซึ่งมันก็ยังไม่ใช่รถเอ็มพีวีเลือดแท้จริงๆอยู่ดี เนื่องจากยังไม่ได้มาพร้อมกับแนวหลังคาสูงโปร่งพร้อมบานประตูสไลด์ไฟฟ้าเหมือนอย่าง Serena

ดังนั้นแม้มันอาจจะเป็นการวางจำหน่ายที่ล่าช้าไปพอสมควร แต่การเปิดตัว Serena C27 ในไทยครั้งนี้ ก็อาจเป็นการกระตุ้นตลาดเฮือกสุดท้ายก่อนปีปี 2024 ให้กับเหล่าดีลเลอร์ของ Nissan ได้เป็นอย่างดี

RIDDARA RD6

กระบะพลังงานไฟฟ้าน้องใหม่ ที่ในตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็น รถกระบะไฟฟ้าคันแรกของประเทศไทย ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเมื่อมองคู่แข่งในตลาดแล้ว มันคือรถกระบะไฟฟ้าคันแรกที่พร้อมขายในไทยจริงๆ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 899,000 บาท เท่านั้น

แต่ถึงแม้มันจะได้ชื่อว่าเป็นรถกระบะ ทว่าด้วยการใช้โครงสร้างแบบโมโนค็อก และช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ จึงทำให้ทางค่ายระบุว่า มันเป็นรถกระบะที่เน้นการใช้งานแบบอเนกประสงค์ สำหรับการใช้งานแบบนันทนาการในครอบครัวกันเองมากกว่า (คำคุ้นๆมั้ย ?)

ดังนั้นจุดขายจริงๆของรถรุ่นนี้ จึงอยู่ที่ลูกเล่นต่างๆ ซึ่งถูกใส่เข้ามาเพื่อให้มันเหมาะเป็นรถสำหรับการใช้งานในเมือง สลับกับไปแคมป์ปิ้งในวันหยุดสัปดาห์ แต่ยังพกพามอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดติดตัวมากว่า 428 PS และมีแรงบิดสูงสุด 595 นิวตันเมตร สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยที่ตัวแบตเตอรี่เอง ก็มีให้เลือกรุ่นย่อยที่สามารถรองรับระยะทางในการใช้งานได้สูงสุด 461 กิโลเมตร/ชาร์จ

SUZUKI Swift

แม้จะมีข่าวคราวที่ทำให้น่าเสียใจกันไปพอสมควร กับการประกาศเตรียมปิดโรงงานผลิตในไทย และหันไปใช้วิธีการทำตลาดโดยอาศัยการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศมาวางจำหน่ายในไทยเพียงอย่างเดียว แต่นั่นก็หมายความว่าเราอาจจะได้เห็นว่าที่รถยนต์รุ่นยอดนิยม ตัวขายดีเบอร์ต้นของค่ายอย่าง Suzuki Swift ที่ถูกเปิดตัวโฉมใหม่ตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อนคันเป็นๆสักที

โดยการปรับโฉมใหม่ของตัวรถครั้งนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ซึ่งมันก็มาพร้อมกับหน้าตาที่ดูทันสมัย และโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับขุมกำลังใหม่ ที่แม้จะมีขนาดความจุ 1.2 ลิตรเท่าเดิม แต่ก็เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกปรับให้สามารถเค้นแรงบิดในรอบต่ำได้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะถูกใจนักขับสายใช้งานในเมืองมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ดี เนื่องจากตอนนี้ตัวรถยังไม่มีการขึ้นไลน์ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ดังนั้นแหล่งผลิตที่เป็นไปได้ หากทาง Suzuki จะทำตลาด Swift รุ่นใหม่ในบ้านเราจริงๆ จึงอาจจะเป็นการนำเข้าตัวรถจากประเทศอินเดียแทนก็เป็นได้

TOYOTA Corolla Altis

ซีดานกลางยอดนิยม จากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ ที่ในคราวนี้ได้รับการปรับโฉมใหม่ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นท็อป GR Sport ที่คราวนี้มาพร้อมกับการแต่งหน้าทาปากใหม่ ให้เหมือนกับตัวแรง GR Corolla มากขึ้น และยังมีการเสริมออพชันสปอยเลอร์หลัง ปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่เพื่อเพิ่มความเฉียบคมในการเข้าโค้งที่ดีขึ้นด้วย

ขณะที่ภายในห้องโดยสาร ก็มีการปรับเปลี่ยนวัสดุตกแต่งใหม่เกือบทั้งหมด มีการเพิ่มลูกเล่นการตกแต่งที่ดูสมกับความเป็นรถตระกูล GR Sport มากขึ้น และท้ายที่สุดคือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ระบบ Hybrid ใหม่ ให้กลายเป็นแบตเตอรี่ Li-on ซึ่งสามารถจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม

ที่น่าสนใจคือ แม้ตัวรถจะมีการปรับเปลี่ยนในหลายๆจุด แต่ทาง Toyota ยังคงวางจำหน่ายตัวรถด้วยราคาเท่าเดิม และสำหรับใครที่สนใจ ก็รอชมกันได้เลยที่งาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้

Toyota Fortuner Leader S

อเนกประสงค์รุ่นย่อยใหม่ ที่ทาง Toyota นำเสนอออกมาเพื่อตอบโจทย์ชาวไทย ให้สามารถจับต้องรถยนต์ในกลุ่ม PPV ได้ง่ายยิ่งขึ้น และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ จึงทำให้มันกลายเป็นรถที่ถูกตัดออพชันไม่จำเป็นออกไปหลายรายการ ทว่าในทางกลับกันก็ทำให้มันดูเหมาะสำหรับการใช้งานที่จริงจัง สมบุกสมบันมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้ง พวงมาลัย+หัวเกียร์หุ้มยูรีเทน, เบาะผ้า, ชุดล้อขอบ 17 นิ้ว, และ ระบบสตาร์ทรถแบบใช้กุญแจเสียบบิด เป็นต้น

แต่ทั้งนี้ มันยังคงมาพร้อมกับชุดจอระบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบ T-Connect รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธ หรือ สาย USB เพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นระบบ Apple CarPlay และ Android Auto, ชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง ตามเดิม เพื่อความเพลิดเพลินระหว่างการขับขี่ ซึ่งเราจะได้เห็นตัวเป็นๆกันแน่นอนในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้

Toyota Camry

ซีดานยอดนิยมเบอร์หนึ่งของตลาด ในกลุ่มพรีเมียม ที่ล่าสุดมันได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ในระดับ Model Change แถมคราวนี้ ยังเป็นการปรับโฉมที่ค่อนข้างสวนกระแสพอสมควร เพราะทาง Toyota ตั้งใจปรับภาพลักษณ์ของมันใหม่ให้ดูวัยรุ่นกว่าเดิม สปอร์ตกว่าเดิม ดุดันกว่าเดิม และพร้อมโชว์ตัวให้ชาวไทยได้เห็นกันอย่างเต็มตาในงาน Motor Expo 2024 ครั้งนี้

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ตัวรถจะยังคงใช้โครงสร้างแพลตฟอร์มเดิมกับโฉมก่อนหน้า แต่ทาง Toyota ก็ระบุว่าพวกเขาได้มีการปรับเซ็ทโครงสร้าง และปรับเปลี่ยนเซ็ทอัพช่วงล่างตัวรถใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะในการควบคุมที่ดีขึ้น และยังมีการปรับแก้จุดด้อยเรื่องเสียงลมภายในห้องโดยสารให้น้อยลง เช่นเดียวกับเสียงจากใต้ท้องรถ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

และอย่างสุดท้ายที่มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือขุมกำลังไฮบริด ที่ได้รับการปรับจูนใหม่ ให้มีพละกำลังมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันกลับประหยัดกว่าเดิม ด้วยการปรับรูปแบบการทำงานของระบบไฮบริดใหม่ให้พึ่งการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้น และยังมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ระบบไฮบริดใหม่เป็น Li-on เพื่อการจ่ายและกักเก็บไฟที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีก

Volvo EX90

รถอเนกประสงค์ระดับเรือธงพลังงานไฟฟ้าจากแบรนด์ซึ่งได้ชื่อว่าทำรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลกออกมา โดยหลังจากที่มันถูกเปิดตัวในตลาดโลกไปนานนับปี และมีปัญหาการผลิตล่าช้าเพราะชิ้นส่วนชิปขาดแคลนอยู่พักใหญ่ ในที่สุดตอนนี้ทาง Volvo ประเทศไทยก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะวางจำหน่ายมันในบ้านเราสักที

โดยหากไม่ไปไล่เรียงถึงรายละเอียดหน้าตา ที่แค่มองก็รู้ว่ายังไม่มันก็คือรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่สุดของแบรนด์สวีเดน จุดขายของตัวรถรุ่นนี้ ก็จะอยู่ที่การติดตั้งชุดเซนเซอร์ระบบความปลอดภัยรอบคัน กว่า 16 ตำแหน่ง กล้องอีก 18 ตัว ไม่เว้นแม้กระทั่ง LiDar Sensor ที่สามารถตรวจจับวัตถุด้านหน้าได้ไกลกว่า 250 เมตร, มาพร้อมกับการใช้วัสดุภายในห้องโดยสารรักษ์โลก ทั้งที่คอนโซลรอบคัน แม้แต่เบาะนั่งก็ยังไม่ได้หุ้มด้วยหนังอีกต่อไป

ส่วนขุมกำลังก็มีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังสูงสุด 414 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร และ มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังสูงสุด 517 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 910 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ไฟฟ้าขนาด 107 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถใช้งานได้ไกลสุด 600 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP กันเลยทีเดียว

และเช่นเดียวกับตัวรถตระกูล EX รุ่นอื่นๆ เจ้า EX90 ก็จะเป็นรถที่ถูกผลิตขึ้นโดยโรงงานในประเทศจีน

XPENG X9

อีกหนึ่งรถเอ็มพีวีระดับหรู ที่จะถูกนำมาวางจำหน่ายในไทยให้การแข่งขันในตลาดเข้มข้นขึ้น โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับทั้ง เจ้าตลาด Toyota Alphard รวมถึงคุ่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง Zeekr 009, MG Maxus 9, และน้องใหม่ที่ชิงเปิดตัวไปก่อนแล้วอย่าง DENZA D9

แน่นอน ด้วยความเป็นรถเอ็มพีวีขนาดใหญ่ มันจึงมาพร้อมกับขนาดตัวด้านยาว  5,293 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 1,988 มิลลิเมตร, ด้านสูง 1,785 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาว 3,160 มิลลิเมตร ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่งรุ่นต่างๆที่เกริ่นไว้ในข้างต้นแล้ว ก็จะเท่ากับว่ามันมีขนาดตัวที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของกลุ่มเลยทีเดียว

นอกจากนี้ แม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยงานออกแบบที่ไม่ได้เน้นดีไซน์ทรงกล่องเหมือนใคร เพราะแนวหลังคาท้ายรถมีการออกแบบให้มีความลาดชัน และหน้ารถยังถูกออกแบบให้มีความโค้งมนเล็กน้อยบริเวณกันชนหน้าด้านข้าง จึงทำให้มันมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.227 Cd

ด้านลูกเล่นรายละเอียดอื่นๆก็จัดเต็มตามสไตล์รถตู้สุดหรู ทั้งเบาะนั่ง Captain Seat พร้อมระบบนวดไฟฟ้า, หมอนรองน่อง, ระบบปรับอากาศร้อน-เย็น, ระบบปรับตำแหน่งเอนนอนแบบ Zero Gravity, หน้าจอทัชสกรีนสำหรับสั่งการลูกเล่นต่างๆของตัวเบาะและตัวรถ, ตู้เย็น, รวมถึงยังมีจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ติดตั้งเอาไว้บนหลังคา หลังแนวเบาะผู้โดยสารแถวหน้า

ส่วนขุมกำลังก็มีให้เลือกตั้งแต่ มอเตอร์เดี่ยว 320 แรงม้า 450 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่ 503 แรงม้า 640 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ 800 โวลท์ ขนาด 84.5 kWh รองรับระยะทางการวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC หรือ ขนาด 101.5 kWh รองรับระยะทางการวิ่งสูงสุด 675 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC

ขณะที่ราคาวางจำหน่ายเอง ก็คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2 ล้านปลายๆ หรืออาจทะลุไปหลัก 3 ล้านบาท ซึ่งมันจะคุ้มค่ากับออพชันที่ได้มาหรือไม่ ก็ยังต้องรอติดตามดูกันต่อไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.