ตั้งแต่ฟอร์ด ประกาศการมี Ford Ranger Super Duty หลายคนต่างสงัสยว่า พวกเขาจะทำรถรุ่นนี้ขึ้นมาทำไม
ยิ่งล่าสุดทางฟอร์ด ประกาศ ยืนยันชัดว่า ประเทศไทย จะมีโอกาสให้การต้องรับ เจ้าที่สุดกระบะม้างานสายถึกคันนี้ โดยมีแผนเตรียมวางจำหน่ายในปี 2026 หรือในปีนี้ ยิ่งกลายเป็นคำถาม วงกว้างว่า รถรุ่นนี้มันเกิดมาเพื่ออะไร และเป้าหมายในการทำตลาดของฟอร์ด ตั้งใจเจาะกลุ่มไหน เป็นพิเศษ
ก่อนอื่น ตัวรถหัส “Super Duty” เป็นรหัสที่เกิดขึ้นจากตระกูลกระบะอย่าง F-150 จากรุ่นสู่รุ่น แต่ที่จริงแล้ว ชื่อนี้มีมานานตั้งแต่ปี 1958 เริ่มแรกเดิมทีเป็นรหัสเครื่องยนต์ V8 ที่ถูกพัฒนามาสำหรัยการใช้งานหนักปะทะงานยากๆ ด้วยเครื่องยนต์ขนาดมหึมาถึง 6.6 ลิตร ให้กำลับสูงถึง 226 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตร ก่อนจะขยายขนาดไปถึง 8.8 ลิตร จนมีกำลังขับสูงสุด 266 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 490 นิวตันเมตร
จนคนใช้เริ่มรู้จัดเครื่องยนต์ตัวนี้ดีในฐานะม้าใช้สำหรับงานหนักกรำงานยาก จนกลายเป็นสัญญลักษณ์ติดตัวในตระกูล F-Series ในแง่พลังและความมั่นใจ จนกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในความสำเร็จของฟอร์ดต่อตลาดเพื่อนการพาณิชย์
โดยในอเมริกา รถที่มีรหัส Super Duty จะถูกวางแยกจากรถที่ใช้เพื่อการบรรทุกเบา หรือ Light Duty ซึ่งที่คนไทยรู้จักกันดีคือ Ford F-150
รถที่เหนือกว่านั้น เช่น Ford F-250 หรือสูงกว่านั้นเกือบทั้งหมดจะเป็นรถที่เข้าสู่ตระกูลนี้ทั้งหมด
เกิดจากลูกค้า
แม้ว่าดูแล้วจะเอาไปขายใคร แต่ไม่เขชื่อก็ต้องเชื่อว่ ตั้งแต่ฟอร์ดเปิดตัวรถรุ่นนี้ครั้งแรกในออสเตรเลีย ทางฟอร์ดชี้ให้เราเห็นว่า Ford Ranger Super Duty เกิดขึ้นจากความต้องการของตลาด ไม่ใช่พวกเขานึกครึ้มใจอยากจะทำแบบ Raptor
You Want it , We Buit it คือประโยคแรกๆ แที่เราได้ยินตั้งแต่วีดีโอเปิดตัว
ประเด็นนี้ ทางฟอร์ดชี้ว่า จากการสำรวจตลาดสำคัญอย่าง ออสเตรเลีย พวกเขาพบว่า มีลูกค้าจำนวนหนึ่ง ต้องการรถที่ใช้งานหนักมากๆ ทำให้รถที่มีอยู่ในตลาดยังไม่ตอบโจทย์
แม้ว่าก่อนหน้านี้ในออสเตรเลียจะมีการนำเข้า Ford F-150 เข้าไปทำตลาด แต่ด้วยความคุ้นเคยกับกระบะขนาดกลาง ค่ายวงรีสีน้ำเงินจึงมองต้องมีตัวเลือกใ้ใก้ลูกค้าสายนี้โดยตรง
เช็คอัพ สเป็คสักนิด
ก่อนที่จะเล่าต่อไป เราหันมาเช็คอัพสเป็คตัวรถตามที่เปิดตัวในออสเตรเลียกันสักหน่อย
ตัว Ford Ranger Super Duty ทางฟอร์ดชี้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีรหะัสนี้ในตระกุล Ranger และไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่เปิดตัวกระบะกลางขึ้นมา
ตัวรถอาจจะเป็นกระดอกงและข้าวของจาก Ford Ranger แต่ความจริงแล้วมีการยกเครื่องไส้ในใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของแชสซี เพื่อรองรับการใช้งานหนัก ไม่ว่าจะงานขนของน้ำหนักเยอะ หรือ การลากจูงพ่วงหนัก
ทางฟอี์ดจึงมีการปรับปรุงตัวรถใหม่ รวมถึงช่วงล่างที่เซทอัพมาใหม่ ในขณะที่ช่วงล่างทางด้านหลังยังคงเป็นแหนบ ที่ออกแบบมากรำงานหนักโดยตรง ถังน้ำมันขยายอีก 50 ลิตร เป็น 130 ลิตร สามารถเดินทางได้ไกล มียางพร้อมลุย Gerneral Grabber All Terrain ติดตัวมาจากโรงงาน
ในออสเตรเลียยังครบเครื่องด้วย สน๊อคเกิ้ล เพื่อเอาตัวรอดในพื้นที่น้ำท่วมขัง สามารถดำน้ำได้ 850 มม. และรวมถึงช่องต่ออุปกรณ์ภายใน สำหรับการใช้งานที่ล้ำไปกว่าปกติ
ตลอดจน กันชนหน้าทำมาจากเหล็กเพื่อรองรับการกระอมกรุ่นแรก และกันชนยึดโดยตรงเข้ากับทางแชสซี
ในรายละเอียดล่าสุดจากทาง ฟอร์ด ออสเตรเลีย มีการเปิดเผยยืนยันว่ารถสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ราวๆ 1,982 กก.หรือเกือบ 2 ตัน ตัวรถมีความสูงจากพื้นถึงท้องรถสูงถึง 299 มม. รวมถึงยังติดตั้งล้อแบบ น๊อต 8 ตัว มาพร้อมกระบะเรียบ ด้วย
ด้านเครื่องยนต์เป็น V6 3.0 ลิตร ที่มีการปรับแต่งทางด้านการระบายความร้อนมาใหม่ กำลังเครื่องยนต์สูงสุดตามสเป้คออสซี่อยู่ที่ 209 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร
ทั่งหมดนั้นทำให้ ภาพรวมของ Ford Ranger Super Duty ค่อนข้างชัดว่า มันเป็นรถเลโก้คนรวย ที่อยากได้อะไรครบๆ แค่เสริมอีกหน่อยก็พร้อมเลย
เจาะตลาดกลุ่มไหน
ข้าวของที่มาเต็มและ มาในทรงเหมือนแฝดแรพเตอร์สายใช้งานจริงจัง หลายคนจะมีคำถามสำคัญ รถแบบนี้จะไปขายใคร เพราะ ทุกคนต่างเห็นแล้วว่า แม้แต่ Ford Ranger Wild Trak V6 ยังขนาดราคาราวๆ 1.5 ล้านบาทต้นๆ เจ้านี่มีของเยอะกว่าเต็มกว่าราคาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ตลาดที่ต้องการรถแบบนี้ จริงๆมีอยู่มากมาย โดยเฉพาะในสายเชิงพาณิชย์ และสายหน่วยงานภาครัฐ
ลูกค้ากลุ่มหลักกลุ่มแรก คือ สายใช้งานเพื่องานบริการชุมชน อาทิการนำมาปรับแต่งให้กลายเป็นรถตอบสนองต่อการบริการฉุกเฉิน อาทิ รถดับเพลิงขนาดเล็กกว่ารถ 6 ล้อ ซึ่งจะตอบสนองต่อเหตุไว และเข้าถึงต่อเพื่อที่ได้ง่าย ในเมือง
หรือในกรณีต่างจังหวัด ยังสามารถใช้เป็นรถขนน้ำและอุปกรณ์ใช้สู้ไฟป่าได้
และในทางหนึ่งสามารถใช้ทางด้านการทหารได้ ถ้าทางฝั่งความมันคงสนใจ เพราะรถรุ่นนี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเต็มร้อยในการบุกป่าฝ่าดง
ทางด้านภาคธุรกิจ ก็มีหลายอย่างที่ใช้รถแบบนี้ โดยเฉพาะสายธุรกิจเหมืองแร่ และสายก่อสร้าง แต่รถแบบนี้จะต่างจากกระบะทั่วไป คือเป็นรถที่เจ้านายอาจขับใช้งานเอง อาจจะเป็นธุรกิจก่อสร้างสไตล์เจ้าของเป็นช่างลงมือทำเอง พร้อมลูกน้องทีมงานเล็กๆ
และยังใช้ได้กับภาคขนส่ง ที่ต้องการรถสำหรับขนของออกจากพื้นที่ทุรกันดาร รถแบบนี้ไม่ใช่สไตล์การขนแบบรถคอกปกติ
ดังนั้น ถ้าฟันธงเลย กลุ่มลูกค้าหลักรถคันนี้ จะเป็นรถกลุ่มลูกค้าเชิงพาณ์ชย์ที่มีความต้องการรถทนถึกลุยงานหนักได้ไม่หวั่น
ในอีกด้านของตลาดการใช้งานส่วนบุคคล รถแบบ Super Duty เป็นรถที่เหมาะต่อการมาต่อยอด กับการทำกิจกรรมการกีฬาหรือกิจกรรมกลางแจ้งบางรูปแบบ เช่น กิจกรรมที่ต้องลากอุปกรณ์ไปด้วยอาทิ การลากเรือ , เจ๊ทสกี ,รถแข่ง
และยังเหมาะต่อการเอาต่อยอดทำรถบ้านรถบ้านอีกด้วย หรือ ลูกค้าสายลุยตัวยง อาจต้องการรถที่แต่งจบครบจากโรงงาน ได้ทุกอย่างไม่ต้องการอะไรเพิ่ม และไม่ได้เน้นการขับในสไตล์แรลลี่แบบแรพเตอรฺ์ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี เช่นกัน
มาถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนคงเห็นภาพของ Ford Ranger Super Duty มากขึ้น ว่ามันน่าจะเป็นรถสำหรับใคร และออกมาเพื่อใคร
สิ่งที่เราต้องยอมรับก่อยคือ รถแบบนี้ได้เกิดมาเพื่อสำหรับทุกคน แต่ก็มีคที่ต้อวการรถแบบนี้จริงๆ แอบซ่อนในมุมมืด และ พร้อมจะเป็นเจ้าของ
แต่ Ford Ranger Super Duty จะมาแล้วเป็นดาวรุ่งแบบที่ Ford Ranger Raptor เคยสร้างประสบการณ์หรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นคำตอบให้เรื่องนี้
ข้อมูลตัวรถบางส่วนจาก Ford Australia