ผ่านไปเพียง 2 เดือนเท่านั้น หลังการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนโดยสหภาพยุโรป ล่าสุดพวกเขาก็ได้มีการปรับเปลี่ยนอัตราการเก็บภาษีใหม่ ให้น้อยลง เพื่อการถ่วงดุลทางการค้าระหว่างประเทศที่สมเหตุสมผลมากขึ้น

กล่าวคือ ย้อนไปในช่วงราวๆ 2 เดือนก่อนหน้านี้ ทางสหภาพยุโรปได้มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีที่ต้องเก็บจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งถูกนำเข้าจากประเทศจีน โดยให้เหตุผลว่ารถยนต์กลุ่มนี้มีราคาถูกมากเกินไปจนทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆที่ผลิตในสหภาพยุโรปไม่สามารถทำราคาสู้ได้
แน่นอน หากมองเพียงแค่ข้อความข้างต้น หลายคนอาจรู้สึกว่า เช่นนั้นก็อาจเป็นเพราะเหล่ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศโซนยุโรปมีการตั้งราคาแพงเกินไปเองหรือไม่ ?
แต่จากการนำเสนอข้อมูลโดยหลายหน่วยงาน ณ ช่วงเวลาดังกล่าวกลับระบุว่าสาเหตุที่ผู้ผลิตสามารผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนได้ถูกกว่า ไม่ได้เกิดขึ้นจากต้นทุนที่ต่ำกว่าโดยการลงทุนของบริษัทโดยตรงเท่านั้น แต่เป็นเพราะการสนับสนุนและผลักดันของภาครัฐของประเทศจีนที่มากเกินไป ทั้งส่วนลดค่าที่ดิน ส่วนลดเงินกู้สำหรับการลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทางสหภาพยุโรป จึงจำเป็นต้องมีการตั้งกำแพงภาษีใหม่ เพื่อให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในตลาดของตนเองมีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นรถที่ผลิตจากแหล่งใดก็ตาม
อย่างไรก็ดี ด้วยการคิดคำนวนอัตราส่วนภาษีแบบมีเงื่อนไข โดยจะเน้นไปที่การดูปัจจัยต่างๆว่าผู้ผลิตแต่ละค่ายได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนมากน้อยแค่ไหน ? จึงทำให้มีผู้ผลิตบางรายที่ไม่ใช่ผู้ผลิตสัญชาติจีนโดยตรง ก็ต้องได้รับผลกระทบพอสมควรจากการคิดกำแพงภาษีใหม่ที่ว่านี้ด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุให้หลายค่ายต้องยื่นเอกสารขอให้ทางสหภาพยุโรปช่วยพิจารณาเงื่อนไขและคำนวนอัตราการเก็บภาษีใหม่ โดยรายที่ดูจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการยื่นเรื่องครั้งนี้ ก็คือ Tesla ที่หากอิงตามข้อมูลก่อนหน้านี้ รถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาที่ถูกผลิตในประเทศจีนแล้วส่งไปขายในทวีปยุโรป จะต้องถูกเก็บภาษีจากมาตรการนี้กว่า 20.8%
ซึ่งล่าสุด ด้วยการคำนวนเงื่อนไขและปัจจัยใหม่ ก็ทำให้ทางสหภาพยุโรป ตัดสินใจที่จะเก็บภาษีดังกล่าวจากผู้ผลิตสัญชาติอเมริการายนี้เพียง 9% เท่านั้น เนื่องจากพวกเขาพบว่าทาง Tesla ไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องของการลดหย่อนภาษีการก่อตั้งอาคารในประเทศจีนอย่างที่เคยมีการคำนวนเอาไว้ตอนแรก (ต้องทำความเข้าใจว่าทาง Tesla เองก็มีการยื่นเอกสารให้สหภาพยุโรปตรวจสอบช้าเองด้วย จึงโดนคิดอัตราภาษีเต็มไปก่อน เพื่อความเท่าเทียมกับผู้ผลิตรายอื่นๆ)
นอกจาก Tesla ผู้ผลิตรายอื่นๆที่มีการยื่นเอกสารสำหรับการตรวจสอบเพื่อพิจารณาอัตราการเก็บภาษีใหม่ ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนอัตราการเก็บภาษีตามมาตราการนี้ด้วย โดยเริ่มจาก MINI ที่จากเดิมต้องถูกเก็บภาษีเต็มพิกัดของมาตราการนี้ นั่นคืออยู่ที่ 37.6% ก็ถูกปรับลดอัตราการเก็บภาษีลงมาเหลือ 21.3% (แต่จะเห็นได้ว่าพวกเขายังโดนเก็บภาษีค่อนข้างสูงอยู่ดี เนื่องจากสำแดงข้อมูล หรือให้ความร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการพิจารณาน้อยเกินไป)
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีผู้ผลิตรายอื่นที่ได้รับการปรับลดอัตราการเก็บภาษีใหม่อีกเล็กน้อย เช่น BYD ได้รับการปรับลดอัตราการเก็บภาษีลง จาก 17.4% เหลือ 17.0% ตามด้วย Geely จาก 19.9% เป็น 19.3% และ SAIC (MG) ก็ถูกปรับลดการเก็บภาษีจาก 37.6% เป็น 36.6%