หนึ่งในข่าวสารน่าตื่นตาตื่นใจจากทาง BYD ในปีนี้ ก็คือการทีท่จู่ๆพวกเขาเลือกจะประกาศทำรถเคคาร์พลังงานไฟฟ้าออกมาขายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งความตื่นเต้นที่ว่านั้น ก็ไม่ได้มีแค่เพียงลูกค้า แต่ยังรวมถึงเหล่าผู้ผลิตที่ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมรับมือการมาของมันอย่างหนักอีกด้วย

ในประเทศญี่ปุ่น ตลาดรถยนต์เคคาร์นับเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก เพราะมันคือรถที่มีขนาดตัวเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นมากที่สุด

และราชาที่ครองตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้มาได้ในตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็คือ Honda N-BOX ที่ในปีล่าสุดมันก็ยังสามารถทำยอดขายได้มากถึง 206,000 คัน

ถึงกระนั้น ทาง Honda ก็ยังไม่ได้วางใจ เพราะแม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถยนต์ทุกประเภทรวมทั้งประเทศ จะมีส่วนแบ่งเพียง 2% เท่านั้นในปีที่ผ่านมา แต่การมาของ BYD RACCO ที่จะวางขายในประเทศญี่ปุ่นช่วงปีหน้า ก็ทำให้ทางค่ายหวั่นใจไม่น้อยว่ามันอาจจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดรถเคคาร์ญี่ปุ่นต้องหดหายไป และผู้คนจะให้ความสนใจในเจ้าน้องใหม่จากจีนนี้มากขึ้น

เพราะขณะที่ในปัจจุบัน กว่า 40% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น ก็คือยอดขายของรถเคคาร์ไฟฟ้าเลือดญี่ปุ่นอย่าง Nissan Sakura และ Mitsubishi eK X

แต่ BYD RACCO ที่เป็นน้องใหม่ ก็ถูกระบุข้อมูลคร่าวๆเอาไว้ว่า มันเองก็จะมีสเป็คทางเทคนิคที่ไม่หนีจากทั้งสองผู้นำเช่นกัน ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ทาง BYD ก็จะยังคงใช้กลยุทธสำคัญอย่างการตัดราคารถให้ต่ำลงกว่าคู่แข่ง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมากว่าลูกค้าที่กำลังสนใจในรถเคคาร์ไฟฟ้า จะหันไปหารถเคคาร์จากประเทศจีนมากกว่าเพื่อเลือกความคุ้มค่าต่อเม็ดเงิน

นั่นจึงทำให้จากเดิมที่ Honda อาจจะไม่ได้พยายามในการเล่นตลาดนี้มากนัก และให้รถ Honda N-ONE e: เป็นตัวลุยตลาดเคคาร์ไฟฟ้าไปก่อนในช่วงแรก และที่จะทำการหารือกันอย่างหนักเพื่อวางแผนกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ทั้งในด้านราคา, ภาพลักษณ์, และสมรรถนะ ของ Honda N-BOX e: ที่จะถูกทำขึ้นมาเพื่อเสริมตลาดในปี 2027 มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสู้กับรถ BYD RACCO กลับได้

ส่วนทาง Suzuki เอง ก็ใช่ว่าจะยอมเช่นกัน เพราะมีข้อมูลระบุว่าพวกเขากำลังเร่งพัฒนารถยนต์เคคาร์ไฟฟ้าคันใหม่ของตนเองอยู่ด้วย เพียงแต่ยังไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าพวกเขาจะเล่นใหญ่จนถึงขั้นพัฒนารถขึ้นใหม่ทั้งคัน หรือจะยังใช้แพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่ แล้วปรับให้รถมีสมรรถนะที่ดีขึ้น น่าใช้ยิ่งขึ้นอีกในสายตาลูกค้าชาวญี่ปุ่น

แน่นอน ว่าความปั่นป่วนของตลาดรถเคคาร์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นปีหน้า อาจไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อตลาดรถยนต์ของไทย แต่จากความจริงที่ว่าทาง BYD อาจตัดสินใจวางขาย RACCO ในประเทศอื่นๆซึ่งรวมถึงไทยด้วยเช่นกัน

ดังนั้นการจับตาดูว่า BYD RACCO จะทำได้ดีแค่ไหนในประเทศญี่ปุ่น ทั้งเรื่องราคาและสมรรถนะ ก็อาจจะเป็นตัวบอกไบ้ได้เช่นกันว่ามันจะทำได้ดีหรือไม่ ในประเทศไทยที่ใครหลายคนก็รอคอยรถประเภทนี้อยู่นั่นเอง