ผ่านไปกว่า 1 ทศวรรษ นับตั้งแต่มีการบุกตลาดรถยนต์ C-Segment ด้วยราคา B-Segment ในประเทศไทย ล่าสุด New MG5 ก็ได้มีเวอร์ชัน 10th Anniversary Special Edition ออกมาเพื่อฉลองความพิเศษนี้ส่งท้ายปี 2566

New MG5 10th Anniversary Special Edition มาพร้อมกับจุดขายสำคัญคือ การใช้ตัวถังสีเทาใหม่ “Crayon Grey” พร้อมเสริมโลโก้ 10th Anniversary ที่บอกถึงความเป็นรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี ที่ฝากระโปรงท้าย และบริเวณล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

อีกทั้งยังเลือกใช้ “สีดำ” ในการเพิ่มลุคสปอร์ตตามชิ้นส่วนต่างๆรอบคัน ทั้ง กระจกมองข้าง, มือจับประตู, โลโก้แบรนด์เอ็มจี, ชื่อรุ่น MG5 บริเวณฝากระโปรงท้าย, และล้ออัลลอย

นอกนั้น ในด้านรายละเอียดภายนอกตัวรถอื่นๆ ก็ยังคงโดดเด่นตามฉบับของ MG5 ไม่ว่าจะเป็น ตัวถังที่ใหญ่โตระดับรถ C-Segment ด้วยมิติตัวถัง​ 4,675 x 1,842 x 1,480 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง) และ ระยะความยาวฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร

งานออกแบบ สะดุดตา ด้วยกระจังหน้า 3 มิติ, ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด อัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights), ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED, และตัวถังแบบ คูเป้ซีดานที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าใครในกลุ่มราคาเดียวกัน

ฝั่งงานออกแบบภายในห้องโดยสาร ก็ยังคงให้อารมณ์สปอร์ตด้วยการคุมโทนด้วยสีดำตัดด้วยสีแดง และเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมายย ทั้ง เบาะหนังทรงสปอร์ตโอบรับสรีระ โดยฝั่งเบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า ส่วนเบาะนั่งด้านหลังพับได้ ปรับพื้นที่ห้องโดยสารให้สามารถจุของได้มากขึ้น

มีหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-Function Display), หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว ทำงานร่วมลำโพง 6 จุด รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และ ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5

ขุมกำลังของ MG5 10th Anniversary Special Edition ยังคงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด

ส่วนระบบช่วงล่าง ด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมการเซ็ทอัพแบบ EURO TUNING SUSPENSION, ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน (Rack and Pinion) ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ ในเมือง มาตรฐาน และสปอร์ต ปิดท้ายด้วยความมั่นใจในการหยุดชะลอรถกับระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

ฝั่งระบบความปลอดภัยเอง ก็ยังคงให้มาครบครัน ทั้ง โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ครบครันด้วย Advanced Synchronized Protection System ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ได้แก่

  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System)
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)  

New MG5 10th Anniversary Special Edition พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคา 589,900 บาท เท่านั้น และเพื่อเพิ่มโอกาสในการจองซื้อรถให้กับลูกค้ามากขึ้น เอ็มจี ร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อให้ลูกค้าชำระเงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 58,990 บาท (10% จากราคาจำหน่าย) และมอบประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี สำหรับลูกค้าที่จองซื้อภายในวันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2566 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 เท่านั้น

พร้อมเปิดให้จองรถได้ตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ bit.ly/BookMG510AnniversarySpecialEdition หรือแอพพลิเคชัน MG THAILAND

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: