นิวซีแลนด์เป็นตลาดล่าสุดที่ RIDDARA เปิดตลาดพวงมาลัยขวาด้วย RIDDARA RD6 กระบะไฟฟ้าต่อจากเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย

RIDDARA RD6 จากพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture (SEA) แบบโมโนค็อกหล่อด้วยไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียว กระจังหน้าติดตราโลโก้ RIDDARA มีไฟแบบ LED กันชนหน้าแบบมีช่องระบายอากาศใหญ่ถึงสามช่องกับฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่
ด้านข้างมาอย่างหล่อด้วยคิ้วขอบล้อขนาดใหญ่แบบขึ้นรูปในชุดบังโคลนหน้าเรียบเนียบดุดัน พร้อมการดีไซน์ประตูข้างคล้ายๆกับรถเอสยูวีของค่ายในเครือ GEELY ติดตั้งราวหลังคากับบันไดข้างขึ้นรูป กระบะท้ายออกแบบมาเรียบเนียนไร้รอยต่อกลายเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งของกระบะสไตล์เก๋งพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวพาดท้ายภายในกระบะมีช่องเสียบปลั๊กแบบ 10A 2 พอร์ต 16A 2 พอร์ต และ Power Outlet 12V 120W 2 พอร์ต และรองรับฟังก์ชัน V2L ที่มีกำลังไฟ 2,000W โดยวัสดุของกระบะท้ายทำมาจากวัสดุคอมโพสิตที่มีความแข็งแรงสูงและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ภายในหรูด้วยคอนโซลหน้าตกแต่งหุ้มหนังสัมผัสระบบมาตรวัดความเร็วดิจิทัล Full LCD ขนาด 10.2 นิ้วจอสัมผัส Infotainment ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการสื่อสารแบบสั่งงานด้วยเสียงทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านระบบ Carbit link พร้อมลำโพง 8 จุดพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัดหุ้มหนังจับกระชับมือพร้อมไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 72 สี
มีที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลังชาร์จ 50 W พร้อมระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone มีช่องแอร์ด้านหลังและสตาร์ทรถล่วงหน้าผ่านทางสมาร์ทโฟนและความสบายแบบ 5 ที่นั่งเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ปรับด้วยไฟฟ้าคู่หน้าปรับได้ 6 ทิศทางและเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 เพิ่มการบรรทุกของมากขึ้นมีช่องเก็บของใต้เบาะหลังขนาด 48 ลิตร
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้กำลังรวมสูงสุด 428 แรงม้า แรงบิด 595 นิวตันเมตรความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมงให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.5 วินาที ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Ternary Lithium 73.9 kWh วิ่งไกลสุด 424 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 360 กิโลเมตร (WLTP)
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบอัตโนมัติสามารถปรับค่าได้เองตามสภาพถนนและการบรรทุกแบบ 7 โหมด Sand, Mud, Off-road, Wading, Economy, Comfort, Sport ชาร์จได้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังชาร์จ 110 kW ภายใน 30 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 6.6 kW 20-100% ภายใน 9.3 ชั่วโมง
มีระบบกู้คืนพลังงาน 3 ระดับ (Regenerative Braking) พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS กับช่วงล่างอิสระ 4 ล้อประกอบด้วยด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท MacPherson Strut ด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงก์ Multi-link มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลระดับรถซีดานชาร์จ V2L สูงสุด 6 kW และความปลอดภัยอัจฉริยะครบครัน
เปิดขายที่นิวซีแลนด์ร่นย่อยเดียวในราคา NZ$69,990 หรือราว 1,334,000 บาทแถมราคาใกล้เคียงกับ BYD SHARK 6 ที่ขายนิวซีแลนด์เช่นกันโดยเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าล็อตแรกช่วงเดือนกันยายน