เอ็มจี ประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะนำเสนอครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ 100% รุ่นใหม่ล่าสุด MG ZS EV เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ สนนราคาที่ 1.19 ล้านบาท
นี่ก็เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว ที่แบรนด์รถยนต์น้องใหม่อย่างเอ็มจี ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์อันยิ่งใหญ่ของชาติไทย เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าพวกเขาตั้งใจจะนำเสนอสิ่งดีสู่ลูกค้าชาวไทย ล่าสุดเอ็มจีได้เปิดตัวรถครอสโอเวอร์หัวใจไฟฟ้า 100% คันแรกของค่ายในนาม MG ZS EV สนนราคา 1,190,000 บาท
เดิมที MG ZS โฉมปกติถือได้ว่าเป็นรถที่เต็มไปด้วยจุดเด่นโดนใจชาวไทยมากมาย ทั้งรูปลักษณ์อันสวยงาม ภายในโอ่โถงกว้างขวาง และราคาจำหน่ายอันเป็นมิตรต่อเม็ดเงินในกระเป๋า แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะทางเอ็มจีเล็งเห็นลูกค้าชาวไทยมีความสนใจในยานพาหนะพลังไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เบื้องต้นภายนอกนอกของ MG ZS EV แตกต่างจากรถโมเดลปกติเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร ตรงที่สีตัวถังแบบพิเศษ “สีฟ้า Copenhagen Blue” ส่วนจุดชาร์จอยู่บริเวณหลังกระจังหน้า ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมด้วยป้ายยี่ห้อ “ZS EV i-Smart” ที่ฝาประตูท้าย
ภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำ พร้อมตกแต่งคอนโซลหน้า ด้วยวัสดุสัมผัสนุ่ม พวงมาลัยทรงสปอร์ตหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานในรถที่เชื่อมกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วได้เพียงปลายนิ้ว และระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อีกทั้งยังมีห้องโดยสาร ที่กว้างสบายและยังคงโดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
คำถามที่หลายคนอยากทราบมากที่สุดเกี่ยวกับครอสโอเวอร์ไฟฟ้าคันนี้ คงเป็นประเด็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน เมื่อดูจากใบสเป็คข้อมูลพบว่า ZS EV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ปั่นพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที ส่วน 0-100 กม./ชม. ไวถึง 8.2 วินาที
ขณะที่แบตเตอรี่ใช้แบบ Lithium-ion ความจุ 44.5 kWh ทำให้รถวิ่งได้ไกลสูงสุด 337 กม.ต่อการชาร์จจนเต็มหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ ตัวรถสามารถวิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้ถึงกว่า 40 ซม. ในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ อีกทั้งยังมีระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา และระบบการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำและสูง
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่ชาร์จกระแสไฟฟ้าในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ที่สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ นอกจากนี้ ยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับสไตล์ในการขับขี่ของแต่ละคน ประกอบด้วย โหมดการขับขี่แบบ Eco เพื่อการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น แบบ Normal สำหรับการขับขี่ทั่วไป และ แบบ Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ
ความดีงามของ ZS EV อีกหนึ่งเรื่องคือการที่มันจัดเต็มระบบความปลอดภัยมาให้ท่วมคัน ทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย (FSF) ระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System ทั้งหมด 9 ระบบ และระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems ได้แก่
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีการติดตั้งไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์
ในเรื่องการชาร์จไฟทำได้ง่าย 2 วิธี คือ การชาร์จไฟแบบธรรมดา (Normal Charge) ผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ในระยะเวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง กับการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) โดยใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาที
หัวข้อสุดท้ายที่จะพูดถึงเกี่ยวกับครอสโอเวอร์ไฟฟ้าคันนี้ คงหนีไม่เรื่องระบบสาระบันเทิงอัจฉริยะ i-SMART ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย หรือ SMART Command ด้านการเชื่อมต่อผ่านหน้าจอภายในรถ หรือ SMART Connect และด้านการตรวจเช็กรถจากมือถือ หรือ SMART Check
นั่นทำให้ผู้ขับขี่สามารถเช็คระดับพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่ เช็คสถานะ และระยะเวลาของการชาร์จแบตเตอรี่ แบบเรียลไทม์ รวมถึงค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าใกล้เคียง หรือสถานีชาร์จที่โชว์รูมทั่วประเทศ และสั่งการ MG Home Charger สำหรับการชาร์จไฟที่บ้านได้อีกด้วย
[ngg src=”galleries” ids=”1173″ display=”basic_thumbnail”]