หลังการเผยภาพออกมาเป็นพักๆ แถมยังมีข้อมูลหลุดออกมาอีกหลายครา ในที่สุด 2025 Hyundai Palisade ก็ได้ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการในประเทศบ้านเกิดจริงๆสักที

2025 Hyundai Palisade มาพร้อมกับหน้าตาใหม่ที่ถูกปรับให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็ยังทำให้มันดูหรูหรามากกว่าเดิมจากงานออกแบบรอบคัน กับเส้นสายเหลี่ยมสันตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ว่าจะเป็นกรอบหลังคา เสากระจก สันไหล่ตัวถัง ขอบกระจังหน้า กรอบไฟหน้า-ไฟท้าย แม้แต่ซี่กระจังหน้า กับแถบดวงไฟทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เองยังถูกทำเป็นลายแถบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งหมด มีเพียงแนวขอบซุ้มล้อเท่านั้น ที่ยังคงเป็นขอบกลมรับกับแนวล้อขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว อยู่ ทว่าภาพรวมก็ถือว่าลงตัวดีเลยทีเดียว

ด้านมิติตัวรถ คราวนี้ก็มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการว่ามันจะมาพร้อมกับตัวถังด้านยาว 5,060 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ายาวกว่าเดิม 65 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวขึ้นอีก 70 มิลลิเมตร เป็น 2,970 มิลลิเมตร เพื่อขยายพื้นที่ด้านยาวภายในห้องโดยสาร และทำให้ระยะโอเวอร์แฮงค์ ระยะจากแนวศูนย์กลางล้อถึงกันชนหน้าลดน้อยลง ช่วยลดปัญหามุมอัพ และทำให้ศูนย์ถ่วงของรถอยู่ใกลจากล้อหน้ามาอยู่กลางลำตัวรถมากขึ้น ช่วยให้รถมีสมดุลน้ำหนักหน้า-หลังดีกว่าเดิม นอกนั้นในส่วนตัวถังด้านกว้าง กับด้านสูงยังคงเท่าเดิมที่ 1,980 มิลลิเมตร และ 1,805 มิลลิเมตร ตามลำดับ

ภายในห้องโดยสาร เน้นงานออกแบบที่ดูสะอาดตา ด้วยคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ซึ่งถูกตีกรอบทรงด้วยเส้นตรงและเส้นโค้งอย่างลงตัว ส่วนหน้าจอมาตรวัดและจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์มีขนาด 12.3 นิ้ว เท่ากันทั้งคู่ และจะเชื่อมต่อไว้ด้วยกันเป็นแผ่นเดียวกับบ Curve Screen เพื่อความทันสมัย และความสะดวกสบายของผู้ขับเป็นหลัก

นอกจากนี้ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ และระบบเครื่องเสียง ยังถูกแยกออกมาจากจอ และแยกแผงออกจากกันชัดเจน เพื่อความง่ายในการใช้งาน และยังมีการย้ายคันเกียร์จากที่คอนโซลกลาง ไปไว้ที่คอพวงมาลัย เพื่อเพิ่มความปลอดโปร่ง และทำให้คอนโซลกลางมีความสะอาดตายิ่งขึ้น

นอกนั้นในส่วนของวัสดุหุ้มผิวชิ้นงานต่างๆ ก็จะมีทั้งวัสดุหนังสังเคราะห์ และหนังแท้ รวมถึงวัสดุบุนุ่ม ซึ่งทางค่ายระบุว่าทั้งหมดล้วนเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อเพิ่มความรู้สึกหรูหราให้กับผู้ใช้ และยังมีการเพิ่มไฟแวดล้อมในตัวรถเข้ามา เพื่อปรับบรรยากาศภายในห้องโดยสารในยามค่ำคืนได้ตามต้องการอีกด้วย

รายละเอียดเรื่องห้องโดยสารยังไม่หมดเท่านั้น เพราะทาง Hyundai ได้มีการสร้างทางเลือกตำแหน่งเบาะนั่งให้ลูกค้าที่สนใจ Palisade รุ่นใหม่ ทั้งแบบ 7 ที่นั่ง, 8 ที่นั่ง, หรือ 9 ที่นั่ง โดยอย่างหลังสุด จะถูกสงวนไว้ให้เฉพาะชาวเกาหลีเท่านั้น และมีความพิเศษกว่าแบบอื่นตรงที่ชุดเบาะแถวหน้าของมัน จะมีการทำเบาะนั่งตรงกลาง สำหรับผู้โดยสารตัวจิ๋วให้นั่งด้วย และทำให้ลูกค้าสามารถนำรถเข้าไปวิ่งในช่องทางจราจรของรถบัสได้โดยไม่ผิดกฏหมายของเกาหลีนั่นเอง

ส่วนตัวรถรุ่น 7 ที่นั่ง นอกจากเบาะคู่หน้าจะไม่มีเบาะกลางแล้ว เบาะแถวสองเองก็เช่นกัน แต่นั่นก็เพื่อให้ผู้โดยสารบนเบาะทั้งสองตัวของแถวกลาง สามารถนั่งได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น แถมมันยังมาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รวมถึงระบบนวดให้อีก ซึ่งหากไม่พอ เบาะแถวหลังยังสามารถพับเก็บไฟฟ้าให้แบนราบได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังให้มีความจุได้มากสุดถึง 615 ลิตร โดยที่ตัวเบาะแถว 2 และแถว 3 นี้ ผู้โดยสารแถวหน้าสามารถสั่งปรับด้วยตนเองได้เลยที่หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์

การอัพเกรดเรื่องความสะดวกสบายยังไม่หมดเท่านี้ เนื่องจากทางวิศวกรของ Hyundai ได้มีการอัพเกรดตัวรถทั้งในเรื่องของคุณภาพวัสดุ, เสียงรบกวน, ความสั่นสะเทือน, และความนุ่มนวลของตัวรถใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระจกกั้นเสียงแบบใหม่, ระบบช่วงล่างไฟฟ้า ที่ไม่ใช่แค่จะช่วยแปรผันความหนืดในการยืดยุบให้สัมพันธ์กับความเร็ว และสภาพถนนเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาการทรงตัวของรถ ให้อยู่ในระนาบที่นิ่งที่สุดด้วย

ขุมกำลังตัวรถ ได้รับการอัพเดทใหม่เช่นกัน โดยคราวนี้ทางค่ายได้ตัดสินใจยกเลิกการทำตลาดตัวรถที่มาพร้อมกับขุมกำลัง V6 ขนาด 3.8 ลิตรออกไปตามข่าวลือก่อนหน้าจริง และหันไปปรับปรุงเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.5 ลิตร ให้มีพละกำลังมากขึ้นเป็น 281 PS และพกเอาแรงบิดติดตัวมาอีก 422 นิวตันเมตร

นอกจากนี้ แม้ตัวรถจะไม่มีทั้งรุ่นตัวแรง หรือรุ่นขุมกำลังดีเซล แต่มันก็มีรุ่นไฮบริด ที่ใช้เครื่องยนต์ลูกก่อนหน้านี้ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าลูกใหม่ และแบตเตอรี่ขนาด 1.65 kWh ช่วยให้พละกำลังรวมที่ขุมกำลังนี้สามารถทำได้ มีตัวเลขขยับขึ้นเป็น 334 PS แต่ยังคงมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำ จนทำให้ตัวรถสามารถวิ่งได้ไกลสุดมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อน้ำมัน 1 ถัง

โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป้นทางการของตัวรถ จะมีตัวเลขเริ่มต้นตั้งแต่ 43,830,000 วอน หรือราวๆ 1,032,000 บาท ไปจนถึง 60,340,000 วอน หรือราวๆ 1,421,000 บาท แล้วแต่รุ่นย่อย และตัวรถจะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าชาวเกาหลีภายในต้นปีหน้า ส่วนในไทยยังต้องรอติดตามข้อมูลกันต่อไป แต่อาจจะต้องรอกันนานหน่อย เพราะตัวรถโฉมก่อนหน้าของมันพึ่งถูกนำมาเปิดตัวในไทยเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง