รถยนต์ทุกวันนี้ มีวิวัฒนาการไปมากมาย หนึ่งในเรื่องที่พูดถึงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะเป็นเรื่องของ “ระบบช่วงล่างรถยนต์ไฟฟ้า” ที่เริ่มหันมาใช้ “ระบบมัลติลิงค์ (Multi Link)” กันมากขึ้น จนกลายเป็นวิวัฒนาการหนึ่งในยุคนี้

ระบบช่วงล่างแบบมัลติลิงค์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการยานยนต์ แต่เดิมระบบช่วงล่างแบบนี้ มักอยู่ในรถยนต์หรูราคาแพงมาก ก่อนที่จะมีการปรับให้ระบบมีต้นทุนวิศวกรรมที่ถูกลง จนรถสมัยใหม่หลายรุ่น ที่วางแผนให้เป็นรถยนต์เดินทางไกล ต้องนั่งโดยสารนานๆ มักนิยมใช้ระบบกันสะเทือนแบบนี้ มากขึ้น

ทำให้ต่อมาจึงเริ่มอยู่ในรถยนต์ขนาดกลาง ที่พอจับต้องได้ แต่การที่รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มแนะนำระบบแบบนี้เข้ามา นับเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญ แถมพวกมันยังมีราคาไม่แพงมาก พอจะจับต้องได้

หลักการของ มัลติลิงค์ ก็คล้ายกับชื่อของมัน ,ก่อนอื่น เราต้องพาคุณย้อนไป ระบบ Torsion Beam หรือ คานบิด กันก่อน แนวคิดของระบบช่วงล่างคานบิด คือ ใช้คานเหล็กขนาดใหญ่ ในการซับแรงจากพื้น ด้วยโช้กและสปริง จุดยึดสำคัญ คือ เบ้าสปริง และ ตัวโช๊คอัพ

เมื่อเกิดแรงกระแทกจากพื้น คานจะซับแรงส่วนหนึ่ง ที่เหลือส่งต่อให้ โช๊คและสปริง ทำหน้าที่ รับแรงกระเทือนต่อ เพื่อลดการสั่นสะเทือนเข้าสู่ตัวถังให้มากที่สุด

ปัญหาของ คานบิด คือ ไม่สามารถแยกการซับแรงสะเทือน ระหว่างล้อฝั่งซ้ายและล้อฝั่งขวาได้ ทำให้เมื่อเกิดแรงสะเทือน เช่นกรณีเราขับรถตกหลุม โดยล้อด้านใด ด้านหนึ่ง อีกด้าน ก็จะรู้สึกถึงแรงกระเทือนดังกล่าวไปด้วย (จะมากจะน้อยแล้วแต่การออกแบบอีกที แต่ยังไงก็จะรู้สึกอยู่ดี ตามหลักกายภาพของระบบกันสะเทือน)

ระบบช่วงล่างหลัง Multi Link ไม่ใช่ เรื่องใหม่ในวงการรถยนต์ แต่มันเพิ่งเริ่มมาอยู่ ในรถราคาไม่แพงมาก

ในแง่การเกาะถนนเช่นกัน ด้วยการใช้การบิดตัวถัง ในการทิ้งน้ำหนักในแต่ละด้านเวลารถเปลี่ยนทิศทางการควบคุม ทำให้มันไม่เหมาะกับการใช้ขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงๆ อาจรู้สึกได้ถึงการไม่เกาะถนน เวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วๆ

แล้ว มัลติลิงค์ ดีอย่างไร

ทางด้าน ช่วงล่างมัลติลิงค์ ใช้หลักการที่ต่างออกไป หลักการของระบบไม่ตายตัว แต่จะมีพื้นฐานคล้ายกัน คือการควบคุมการสะเทือน ด้วยอาร์มล่าง, อาร์มบน ในหลายจุด ไปควบคู่กับ โช้กอัพและ สปริง บางยี่ห้ออาจใช้การแยกโช๊คและสปริง บ้าง ใช้แบบ Coilover เพื่อทำให้ การซับแรงสะเทือนดีที่สุด

จุดเด่น คือการไม่ใช้คานยาวๆ มาเชื่อมต่อกันระหว่างระบบกันสะเทือนด้านซ้ายกับด้านขวา แต่กลไกช่วงล่างของชุดล้อแต่ละด้านจะเชื่อมกับ ซับเฟรม หรือ แพ และตัวถังแทน ทำให้ การทำงานของแต่ละล้อเป็นไปอย่างอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับ อีกด้านนั่นเอง

ข้อดี

ช่วงล่างนุ่มนวลกว่า

ข้อดีแรก และเป็นสาเหตุ ที่บริษัทรถยนต์ พยายามนำระบบนี้มาใช้ในรถที่มีราคาแพงเกินล้านบาท อยู่ที่ความสามารถในการซับแรงที่ดีกว่า ระบบคานบิดมาก เนื่องจากการรับแรงจากอาร์ม (หรือ แขน) หลายตัว เมื่อประกอบกับโช้กและสปริง ทำให้ ช่วงล่างตอบสนองในแง่ความนุ่มนวลในการโดยสารได้ดีกว่ามาก

จะเห็นชัด เมื่อขับบนถนน ที่มีผิวขุรขระ การซับแรงของระบบ มัลติลิงค์จะทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการเซ็ท โช้กอัพ และ สปริง ร่วมด้วย

ควบคุมได้ดีกว่า

ข้อต่อมา การควบคุมดีกว่า หรือ Handling ดีกว่า รถที่ใช้ระบบคานบิดนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ สาเหตุ นั้น มาจาการที่ ระบบกันสะเทือน สามารถทำงาน แยกอิสระจากกัน ซ้าย-ขวา ทำงานตามสถานการณ์ที่มัน ควรจะเป็น ไม่ใช่ รั้งโดยอีกด้าน

ด้วยหลักการเดียวกัน เวลาเราเข้าโค้ง ด้วยความเร็ว หรือขับด้วยการเบี่ยงไปตามการจราจร ตัวรถที่มีการโคลงตัว อย่างต่อเนื่อง ด้วยการซับแรงอิสระ แปรผันแตกต่างกันได้ ช่วยให้ล้อและยาง จะสามารถสัมผัสถนนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา มากกว่า

นั่นทำให้ผู้ขับขี่ รู้สีกถึงความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น โดยเฉพาะ รถที่ต้องใช้ความเร็วสูงในการขับขี่ มักจะให้ช่วงล่างแบบนี้มา เนื่องจากตอบโจทย์ ได้ทั้ง ความนุ่มสบาย และความมั่นใจในการขับขี่

ปัจจุบัน ด้วยการพัฒนารถรุ่นใหม่ที่เป็นแบบ Live Axle มากขึ้น ทำให้ มัลติลิงค์ ถูกนำมาใช้มากขึ้นตามไปด้วย ในทางหนึ่ง เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายได้จำนวนนึ่ง แต่ยังมีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดี

ข้อเสีย

ค่าบำรุงรักษาแพง

อย่างที่เราบอกว่า ช่วงล่าง มัลติลิงค์มีการประกอบด้วยหลายชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเหมือนชื่อ ซึ่งแต่ละชิ้นส่วนนั้น ก็จะมีการใช้ลูกหมาก, บูชยาง ในหลายจุด ในแง่หนึ่ง มันทำให้ การซับแรงทำได้ดี

แต่เมื่อนานวันไป หากคุณต้องบำรุงรักษา ระบบกันสะเทือน โดยเฉพาะลูกยาง ที่อาจจะฉีกขาด เสียหายได้จากการใช้งาน โดยเฉพาะใครที่ขับซิ่ง บุ่มบ่ามบ่อย ต้องเตือนกันตรงนี้เลยว่า ช่วงล่างมัลติลิงค์ มีค่าดูแลค่อนข้างแพง

ทั้งลูกยาง และ ลูกหมาก จำนวนมาก รวมถึง ความซับซ้อน ทำให้ชั่วโมงทำงานของช่างเยอะขึ้นตามไปด้วย จึงอย่าแปลกใจ ที่การบำรุงช่วงล่างแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง จนคุณเองก็คาดไม่ถึง

ในภาพรวม ช่วงล่างหลัง Multi Link ออกแบบมาให้ ตอบสนองในการขับขี่ดีมั่นใจ และยังให้ความสบายในการโดยสารตามไปด้วย เพียงแต่ ในระยะยาว คุณอาจจะต้องบำรุงรักษา ระบบกันสะเทือนแบบนี้สักหน่อย ก็แค่นั้นเอง

แต่ถ้าแลกกับประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีกว่า ก็นับว่าคุ้มค่าครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่